เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[LF] Way Down We Go: Part V - END (Chris x Cillian, Jack x Tom)
  • Title: Way Down We Go
    Fandom: RPS (Dunkirk Cast)
    Pairing: Chris Nolan x Cillian Murphy, Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
    AU: Mafia
    Episode Theme Song: Somewhere Only We Know - Darren Criss Ver.

    Part V: The End

    "คุณลุงคิดว่าเขาตายหรือเปล่า?"

    ใบหน้าที่ชะโงกออกไปจากขอบสะพานหินหันกลับมามองญาติผู้ใหญ่ มือเรียวกระชับสายสะพายกระเป๋าทรงยาวซึ่งแขวนไว้เหนือไหล่ข้างหนึ่ง

    คนแก่กว่าโอบหลังเขา
    พาเดินเข้าหาที่กำบัง

    เมื่อสายฝนเริ่มกระหน่ำซัดลงมา

    "ถูกยิงเต็มๆ ห้านัด? พลัดตกทะเลที่คลื่นแรงขนาดนี้? ลุงไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาส"
    ฟินน์เม้มปาก "ผมอยากเห็นกับตา..."
    คริสมองหลานชายคนเล็ก "เราจะให้คนออกเรือไปงมก็ได้ แต่อย่างที่บอก คลื่นสูง ไหนจะพายุ..."

    ใต้ท้องฟ้าอึมครึมด้วยเมฆฝน
    นัยน์ตาคมกริบสะท้อนสีไพลิน

    "...กว่าจะเอาเรือออกไปตามหา ลุงไม่คิดว่าศพจะอยู่ให้เราเจอแล้ว"

    .
    .

    ปัง

    ประตูเหวี่ยงออกแรงเหมือนถูกถีบ
    ทอมดูเลือดร้อนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น

    "ลุงคริสล่ะ"

    แจ็คต้องรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
    "ใกล้ถึงแล้ว นั่งก่อน..."

    มือใหญ่เอื้อมไปโอบคนตัวเล็กให้นั่งลงบนโซฟา ทอมยอมนั่ง แต่หลังจากนั้นก็สลัดมือไม้ของร่างสูงออกจากตัวด้วยไม่สบอารมณ์

    "ใกล้แค่ไหน..."
    "อีกไม่เกินชั่วโมง"
    "นั่นเรียกว่าใกล้เหรอ"
    "ทอม ใจเย็นๆ ก่อ—"
    "ใจเย็นเหรอ คุณโทรหาผมตอนจะเช้ามืด บอกว่าพ่อผมถูกลอบยิง ให้ผมรีบมา คุณไม่มีสิทธิ์บอกให้ผมใจเย็นนะ!"
    "ฉันขอโทษ...ขอโทษ..."

    ชายหนุ่มรวบคนกำลังโมโหเข้ามากอดปลอบ พรมเสียงกระซิบซ้ำๆ ข้างใบหู หวังสะกดให้เจ้าตัวอารมณ์เย็นลงบ้าง สักนิดก็ยังดี แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ผล

    ทอมนิ่ง สงบขึ้นเล็กน้อย
    ผลักอกกว้างออกห่าง

    แจ็คทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยเจ้าตัวเป็นอิสระ ความเงียบโรยตัวลงมาปกคลุมบรรยากาศในฉับพลัน ความอึดอัดคืบคลานเข้าบีบรัดราวกับมือล่องหนกำลังกำแน่นรอบลำคอ เอิร์ลได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ลอบมองคนข้างกายด้วยหางตาเป็นระยะๆ

    "จะงีบก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันปลุก..."
    "ผมคงหลับลงหรอก"
    "ไม่เหนื่อยหรือไง น่าจะยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ..."
    "..."
    "เพิ่งออกจากออฟฟิศมาใช่ไหมล่ะ"

    ทอมเลิกคิ้ว "คุณรู้ได้ยังไง..."
    ก่อนจะนึกอะไรได้ "อ้อ จริงสิ"
    "..."

    คืนก่อนเขาคงไม่ได้ละเมอเดินจากเก้าอี้ทำงานลงไปนอนที่โซฟาเองหรอก

    "คุณต้องหยุดทำแบบนี้..."

    หยุดทำตัวเป็นลูกหมาเฝ้าร้องขอความรักสักที

    "ทำอะไร" พูดจาเฉไฉ
    แต่ใบหน้าโน้มใกล้ลงมา

    ...ทุกที...ทุกที

    "แจ็ค..."
    "ฉันเป็นแบบนี้...คือสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่หรือไง..."

    เจ็บปวด...ทรมาน
    ไม่เหลือใครให้รัก

    พยายามทำดีกับคนที่ไม่มีวันเห็นใจ
    หวังลมๆ แล้งๆ ว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้

    "ถอยไป..."

    ไม่เชื่อฟัง...
    ส่งปลายนิ้วมาลูบไล้ริมฝีปาก

    ซึ่งไร้ร่องรอยแห่งความสุขโดยสิ้นเชิง

    "นายควรจะมีความสุขที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ยิ้มล่ะ..."

    ไม่รู้ตัวเลยว่าปล่อยอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขนาดนี้ได้ยังไง ใกล้...จนเห็นเงาตัวเองสะท้อนในม่านตาคู่นั้นชัดเจน

    นัยน์ตา...ซึ่งคลอฉาบไปด้วยความห่วงหา

    ทั้งที่เขาใจร้ายด้วยถึงเพียงนี้...?

    ทอมเสหน้าหลบ "ผมเหนื่อย..."
    พลิกตัว ขยับไปพิงพนักโซฟาอีกฝั่ง

    แจ็คอดห่วงสุขภาพคอของอีกคนไม่ได้
    สอดแขนรอง ให้อีกฝ่ายซบลงมา

    แน่นอน...ขยับหนี ผลักไสทันที

    "ขอละ..."
    "..."
    "คิดซะว่าฉันเป็นหมอนก็แล้วกัน"

    ขอเพียงได้อยู่เคียงข้าง แค่นั้น

    เป็นสัตว์เลี้ยง เป็นตัวตลก เป็นต้นไม้
    เป็นก้อนหิน เป็นเศษผงฝุ่นควัน อะไรก็ได้

    ให้ฉันได้ชดใช้...
    จนกว่านายจะหายเจ็บก็พอ

    เอิร์ลโชคดีที่อีกฝ่ายไม่มีแรงจะต่อล้อต่อเถียงอะไรเท่าไร ยอมเอนหัวซบ พักผ่อนเป็นการชั่วคราว ยามเมื่อลมหายใจของเจ้าตัวสม่ำเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาจึงกล้าเอียงเข้าใกล้

    แต่ทอมยังไม่ได้หลับ

    "นี่เป็นแผนของคุณหรือเปล่า..."

    เสียงนุ่มพึมพำ

    "คุณกำลังซ้อนแผน เอาคืนผมหรือยังไง..."

    ต้องระแวง เพราะไม่เข้าใจ
    ทำไมถึงยังดีกับเขาอยู่อีก?

    "ฉันไม่ฉลาดขนาดนั้น..." แจ็คแค่นหัวเราะ
    "แต่อย่าถามเลยว่าทำไม เพราะฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน..."

    เดาว่าเราคงไม่มีสิทธิ์เลือกคนที่จะรัก
    ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด มันก็แค่เกิดขึ้น

    นายยังรักคนที่ตายไปแล้วได้

    ทำไมฉันจะรักนายคนที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้

    .
    .

    ก๊อก ก๊อก
    ประตูถูกเคาะ และเปิดทันที

    ทอมเด้งตัวออกจากแจ็คแทบไม่ทัน

    "ลุงคริสครับ พ่อเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นกันแน่..."
    "หนูทอม..."

    น้ำเสียงของลุง...ทำไมถึงได้...

    "เรา..."

    ...ฟังดูเจ็บปวดนัก?

    "...หาร่างเขาไม่เจอ"

    ทอมถูกร่างสูงใหญ่ของคริสรวบตัวเข้าไปกอดก่อนจะทันได้พูดอะไร และด้วยสัมผัสปลอบโยนนั้น เขาก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก ความจุกร้าวแผ่จากอกซ้าย กระจายลุกลามไปทั่วทุกหนแห่งในร่าง สูดหายใจเท่าไรก็ไม่เข้า ไอร้อนผ่าวรอบขอบตาแผดเผาจนน้ำตาไม่อาจรินไหล

    ไม่จริง...ต้องไม่ใช่...

    "มีคนดักซุ่มยิง เขาร่วงลงทะเลไป พายุก็เข้า..."

    เสียงหวีดหวิวสะอึกสะอื้นในลำคอของคนในอ้อมกอด ช่างเหมือนกันกับคนเป็นพ่อนัก คริสได้แต่พยายามใช้น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดในการอธิบาย

    "กว่าจะแจ้งตำรวจ กว่าเจ้าหน้าที่จะเอาเรือออกได้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมง หากันทั้งคืนแล้ว ไม่เจอ..."

    ทอมดันคริสออก รวบรวมน้ำเสียง "พ่อร่วงลงไปตรงไหน ผมจะให้คนของผมออกไปดูเอง"
    "ทอม...ลุงเกรงว่า..."
    "ผมจะไม่เชื่อว่าพ่อตายจนกว่าจะได้เห็น ลุงบอกมาสิครับ"
    "ต่อให้รอดจากกระสุนห้านัด ก็ไม่มีทางรอดคลื่นทะเลกลางพายุฝนหรอก..."
    "..."
    "ลุงเสียใจ..."

    ความหวังพังทลายถล่มทับเขาในตอนนั้น

    ไหล่เล็กสั่นเทาตั้งแต่วินาทีที่แจ็ควางมือลงไป และแม้เจ้าตัวจะขัดขืนถึงขั้นทุบตีเขาในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนฝังตัวลงมาในอ้อมอก ร่างสูงทำได้เพียงเป็นที่พักพิง ลูบหลังปลอบประโลม ไม่มีคำพูดใด

    ปล่อยให้มือเล็กจิกทึ้งทำร้ายได้ตามใจ
    ปล่อยให้ฟันขาวขบงับไหล่กลั้นเสียงร้อง
    ปล่อยให้ทอมระบายความเกรี้ยวกราดโศกเศร้าเสียใจลงมาที่เขา

    เพราะเข้าใจดีว่าการสูญเสียพ่อไปมันโหดร้ายรุนแรงต่อความรู้สึกเพียงใด

    "..."

    ลุงคริสที่เงียบไปถนัดเดินออกจากห้อง
    ก่อนปิดประตู พยักเพยิดให้เขาตามออกไป

    มีเรื่องอะไรอีกกันแน่?

    .
    .

    "มีอีกสองเรื่องที่หลานต้องรู้..."

    หลังจากทอมสงบลงและหลับไป
    แจ็คตามออกมาพบลุงคริส

    ฟินน์นั่งอยู่ในห้องทำงานของลุงเช่นกัน

    "ไม่เป็นไร แจ็ค อันที่จริงเขาคือเรื่องที่หลานต้องรู้นั่นแหละ..."
    "อย่าบอกนะครับว่าเขาฆ่าคิลเลียน"
    "ใช่ และหลานต้องตัดสินใจในย่างก้าวต่อจากนี้ให้ดีด้วย"

    แจ็คมองหน้าฟินน์กับคริสสลับกัน

    "ทำไมครับ"

    ไม่เคยรู้สึกว่าแววตาคู่นั้นของเด็กหนุ่มดูเยือกเย็นเท่านี้มาก่อน หรือเพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายจงใจทำตัวกลมกลืนเป็นเด็กรับใช้ธรรมดาๆ กันนะ?

    "แอนดี้มีผู้หญิงอีกคนนอกจากแม่ของหลาน..."

    หมายความว่า...

    "ฟินน์เป็นลูกอีกคนของแอนดี้" คริสเอ่ย ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด "ลุงคงไม่ต้องอธิบายแล้วว่าฟินน์ฆ่าคิลเลียนทำไม"

    แจ็คเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แรงๆ
    มือใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ

    นี่อาจทำให้ทุกอย่างระหว่างเขากับทอมแย่ลง

    "แล้วยังไง ฟินน์ หืม?"

    ชายหนุ่มพึมพำ ลูบหน้าตัวเองหนักๆ

    "นายแฝงตัวเข้ามา ต้องการทวงสิทธิ์อะไร—"
    ฟินน์สั่นศีรษะ "พ่อให้ผมไว้มากพอแล้ว คุณไม่ต้องกังวล ผมแค่ต้องการล้างแค้นให้พ่อ แล้วจะไปตามทางของผม"

    แจ็คไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับคำนั้น 'พ่อให้ผมไว้มากพอแล้ว' งั้นหรือ? นี่ลับหลังแม่ พ่อมีผู้หญิงอื่นยังไม่พอ กับลูกชายนอกสมรสก็ยังให้ทรัพย์สมบัติไว้ขนาดที่เด็กคนนี้จะเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องรบกวนเขา? เรื่องที่ลุงช่วยพ่อคุมทุกอย่างในเอิร์ลเขาก็เพิ่งรู้หลังจากสืบทอดตำแหน่ง นี่มีอะไรในครอบครัวนี้ที่เขายังไม่รู้อีกบ้าง?

    ถึงจะสับสน แต่ยังไงเด็กนี่ก็คือครอบครัว
    จะปล่อยให้ถูกทอมตามฆ่าไม่ได้

    แต่หากไม่บอกความจริงกับทอม...ทั้งที่รู้ ก็เท่ากับปิดประตูความสัมพันธ์ระหว่างกันไปได้เลยตลอดกาล อีกฝ่ายไม่มีวันให้อภัยเขาแน่ ไม่ต้องพูดถึงพยายามเอาชนะใจอะไรทั้งนั้น

    "ถ้านายมีที่จะไป ก็รีบไปตั้งแต่ตอนนี้..."

    คนเป็นพี่ชายเอ่ยขึ้นในที่สุด
    เอามือที่กุมขมับออกจากหน้า มองตา

    "ทอมรู้ความจริงเมื่อไร พี่ก็รับประกันความปลอดภัยของนายไม่ได้แล้ว ฟินน์ เข้าใจนะ"

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

    "แล้วนี่จะไปอยู่ไหน"
    "...บอกไม่ได้ครับ"

    แจ็คผงกศีรษะ "ทำถูกแล้ว อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด รีบไป"

    .
    .

    ปัง!

    ปัง! ปัง! ปัง!

    ปัง!

    หากผมร่วงลงไป...
    คุณจะคว้าผมไว้รึเปล่า?

    ตอนนี้ผมรู้แล้ว
    คุณเพียงแค่...มอง

    มองผมร่วงลงไปเท่านั้นเอง

    ...

    เฮือก!

    จากดวงตาอันเคยคุ้นในความฝัน
    มาเป็นสายตาแปลกใจของคนไม่รู้จัก

    "โดนไปตั้งหลายนัด ไม่ควรรู้สึกตัวเร็วขนาดนี้นะ..."

    หมอนี่เป็นใคร?

    หากเขาตายแล้ว
    ก็มั่นใจว่าพระเจ้าไม่ได้หน้าตาแบบนี้

    ทุกอย่างพร่ามัว มืดหม่น ชายคนนั้นเลือนรางราวกับภาพวาดสีน้ำถูกละลายด้วยสายฝน ความรู้สึกโคลงเคลงพุ่งเข้าจับประสาทสัมผัสเป็นอย่างต่อมา นี่เขาอยู่บนเรือหรือ...?

    มือเล็กเริ่มปัดป่ายลูบไล้ไปทั่วทุกหนแห่งที่ความปวดร้าวแล่นปราดขึ้นมา แรงอัดกระสุนยังความบอบช้ำให้ร่างกาย

    แต่...ไม่มีเลือด?

    เปิดเสื้อโค้ทดูเพื่อยืนยันความคิด เนื้อผ้าหนาๆ โหว่เป็นรูทะลุ นับได้สี่หรือห้าจุด แต่กระสุนเจาะเข้ามาไม่ถึงตัวคนสวม นิ้วเล็กสอดเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบ

    บุแผ่นอะไรกันกระสุนงั้นหรือ?

    "ใช่อย่างที่คุณคิด" ชายหน้าตี๋กล่าว ราวกับอ่านใจได้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร

    ก่อนหันมา
    พร้อมเข็มฉีดยา

    มือเล็กคว้าหมับ
    ยั้งข้อแขนอีกฝ่ายไว้

    "นั่นอะไร"

    หมอนั่นยักไหล่

    "มันจะง่ายกับผมมากกว่าถ้าคุณหลับ..."

    อะไรง่าย?

    เพียงชั่วขณะจิตที่เผลอไผล
    ยาสลบก็ถูกฉีดเข้าเส้นเลือด

    เดี๋ยวสิ...

    .
    .

    "ทอม..."

    อือ...อีกแป๊บนะฮะพ่อ

    "ทอม..."

    นัยน์เนตรสวยเบิกขึ้นมอง
    ใบหน้าหล่อเหลาปลุกเขาให้ตื่น

    ไม่ใช่พ่อ

    "กินอะไรหน่อยนะ..."

    แจ็คกระซิบ วางถาดอาหารเช้าลงกับโต๊ะหัวเตียง ทอมกวาดสายตาไปรอบๆ พบว่าอีกฝ่ายพาเขากลับมานอนที่บ้านตระกูลลาวเดน ห้องนอน...ที่เขาเคยอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนทิ้งร้างไปเมื่อแผนการแก้แค้นสำเร็จ

    "ผมต้องกลับบ้าน คนอื่นๆ—"
    "ฉันสั่งคนไปส่งข่าวให้คนของนายแล้ว ตอนนี้นายต้องพักผ่อน..."

    คนตัวเล็กยังดื้อ เลิกผ้าห่มออกจากตัว
    ชายหนุ่มดันอีกฝ่ายนอนลง ห่มผ้าให้ใหม่

    "รู้ตัวหรือเปล่าว่ามีไข้ อย่าดื้อได้ไหม"

    น้ำเสียงของเอิร์ลอบอุ่นกว่าที่เคย
    มือแกร่งเลื่อนมากุมมือเล็กเอาไว้

    "ฉันมีเรื่องต้องบอกนายด้วย..."

    แจ็คกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จนทอมสังเกตเห็นได้ ไม่ว่าเรื่องที่เจ้าตัวจะพูดคืออะไร มันไม่มีวี่แววจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน เขามัวแต่สนใจจุดนั้น...ตั้งใจฟัง...จนไม่ได้ใส่ใจหากอีกฝ่ายจะยังกุมมือตนไว้

    "ฉันรู้ตัวคนที่ลอบยิงพ่อนายแล้ว"
    ทอมเบิกตากว้าง "ใคร"
    แจ็คหลุบตาต่ำ "นายต้องรู้ก่อนว่า ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในเรื่องนี้ เชื่อฉันสักครั้งได้รึเปล่า"
    "แจ็ค...ใคร"
    ร่างสูงเม้มปาก "ฟินน์...เขาเป็นน้องชายต่างแม่ที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ามี..."

    มือเล็กค่อยๆ ถอนออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ และแจ็คทำอะไรไม่ได้ในเรื่องนั้น

    ไร้ซึ่งคำพูดใด เขาอ่านไม่ออกเลยว่าทอมครุ่นคิดอะไรในความเงียบ ผ่านไปนานหลายนาทีเจ้าตัวก็ยันร่างลุกขึ้นนั่ง

    "ผมจะกลับบ้าน"

    น้ำเสียงเยียบเย็นทำให้แจ็ครู้แน่แก่ใจแล้วว่าไม่อาจรั้งเด็กดื้อคนนี้เอาไว้ได้อีก

    จำต้องปล่อยให้ไป
    แม้สังหรณ์ใจว่าหลังจากนี้...

    อาจไม่มีการกลับมา

    "เดี๋ยวฉันไปส่ง..."

    แจ็คเดินไปคว้ากุญแจรถมาจากชั้นวาง
    เดินตามคนตัวเล็กออกจากห้อง

    ...

    หน้าบาร์เรดไลท์ สมาชิกแก๊งกำลังทยอยกันมาเพื่อตรวจสอบความจริงเท็จของข่าวสารที่ได้รับ แจ็คหยุดรถลงหน้าตึกตามที่ทอมสั่ง

    ลงรถไปได้ครึ่งตัว
    หันกลับมา

    สบตาแจ็ค

    "ขอบคุณ..."

    มืออุ่นเอื้อมมาแตะโครงหน้าคมแผ่วเบา
    สอดสางนิ้วเข้าไปตามไรผมตรงขมับ

    "...ที่ยอมพูดความจริงกับผม"

    แม้รู้ว่าอาจทำให้ตัวเองต้องเสียอะไร
    แต่เอิร์ลของเขาเลือกที่จะไม่โกหก

    แจ็คปล่อยให้อีกคนลูบผมอยู่นาน
    ไม่อยาก...ให้สัมผัสอ่อนโยนเลือนหาย

    แต่สุดท้ายมันก็หยุด

    เขาคว้าข้อมือบาง รั้งไว้อีกเล็กน้อย
    จุมพิตลงบนฝ่ามือนุ่มอย่างรักใคร่

    "ไปได้แล้ว..."

    ทอมดึงมือของตนคืน

    "จับพวงมาลัยสองมือล่ะ"

    อย่ากัดเล็บ

    อีกหน่อย...ผมคงไม่อยู่คอยบอกแล้ว

    .
    .

    ปัง!

    เฮือก

    ยังรู้สึกเหมือนถูกยิงซ้ำๆ ในความฝัน

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าการถูกกระสุนอัดเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า กลับเป็นสายตาคู่นั้น...นัยน์ตาคมกริบใต้แสงมืดมนสะท้อนสีเข้มราวอัญมณีไพลิน มันจับจ้องมองอยู่เฉยๆ ระหว่างที่ตัวเขาค่อยๆ ร่วงโรย...หล่นลงไปในห้วงทะเลอันคลุ้มคลั่ง

    นั่นต่างหาก...สำหรับเขา
    ฝันร้ายที่แท้จริง

    "ตื่นสักที..."

    ชายหนุ่มร่างเพรียวลมในชุดสูทกั๊กวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง คิลเลียนมองตามอย่างระแวดระวัง แต่หลักๆ ก็สงสัยมากกว่า...

    สรุปแม่งเป็นใครวะ

    "ผมโจเซฟ..."

    สำเนียงอเมริกันชัด ยื่นมือมาให้
    เขามอง แต่ไม่จับ เจ้าตัวชักกลับทันที

    สังเกตเห็นรอยช้ำสีม่วงใต้คางนั่น

    "นี่..." โจเซฟชี้ "คุณทำ จำไม่ได้ล่ะสิ"

    ตอนไหนวะ

    "โดนยาติดๆ กันมากไปก็แบบนี้ หลงลืม หลงเวลาบ้างเป็นธรรมดา อย่ากังวล นี่ขนาดใช้ยาแล้ว คุณยังฤทธิ์มากฝากแผลเอาไว้ให้ผมได้หนึ่งดอกตอนอยู่บนเครื่อ—"

    เครื่อง?

    "เครื่องบิน?"
    "ใช่สิ"
    "ผมอยู่ที่ไหน..."

    โจเซฟยิ้มกว้าง
    เป็นยิ้มที่ชวนหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก

    "ยินดีต้อนรับสู่ลอส แอนเจลิส"

    .
    .

    เขาฤทธิ์มากจริงๆ นั่นแหละ
    หมอนั่นไม่ควรโง่หยุดใช้ยาควบคุมเขาเอง

    ไม่งั้นคงไม่ลงเอยด้วยการถูกเขาชกหน้าช้ำไปอีกหมัด จับมัดไว้ในห้อง แล้วเดินออกจากบ้านเจ้านายของอีกฝ่ายมานั่งลอยชายอยู่ร้านกาแฟ

    รอให้ 'เจ้านาย' ของหมอนั่นมาตามหา

    ซึ่งใช้เวลาไม่นานเท่าไร ดังคาด
    คนอย่างคริสไม่เก่งอะไรบ้าง ยังนึกไม่ออก

    "คุณหาผมเจอได้ยังไง..."

    คิลเลียนเอ่ยถามคนที่นั่งลงตรงข้าม
    คริสยิ้มบาง "เป็นร้านกาแฟเดียวในแถบนี้ที่ไม่เสิร์ฟชาเอิร์ลเกรย์ ถ้าคุณอยากให้ผมหาเจอและได้ลงโทษผมไปด้วยเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องอยู่ที่นี่"

    คนตัวเล็กนั่งกอดอก สายตาคาดโทษ

    "ทีนี้จะสารภาพความผิดมาได้รึยัง"
    "เริ่มที่..."
    "ทั้งหมด" คิลเลียนตัดบท "ตั้งแต่ต้น"
    "ครับ..."

    สองมือใหญ่กุมกันอยู่บนโต๊ะ

    "อันดับแรก ผมไม่เคยมีเจตนาทำร้ายคุณไม่ว่าทางกายหรือทางใจ..."

    คิลเลียนแค่นยิ้ม "พูดจากปากคนที่ยืนมองผมโดนกระหน่ำยิงจนตกทะเลเองเชียวละ"

    แม้ลำคอจะสะท้อนเสียงหัวเราะต่ำๆ แต่แววตาคนพูดแฝงประกายความเจ็บปวดเอาไว้เหลือคณา

    "มันจำเป็น คุณไม่รู้หรอกครับว่าหัวใจผมเหมือนหยุดเต้นไปนานแค่ไหน..."
    "..."
    "ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ทั้งที่เป็นคนสวมโค้ทกันกระสุนให้คุณเองกับมือ แต่พอเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ใจผมเหมือนถูกกระชากลงไปเหยียบย่ำกับพื้น มันโดนกระทืบซ้ำอีกครั้งตอนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมอง... เฝ้าดูจนแน่ใจว่าโจเซฟได้ตัวคุณแล้ว..."

    นี่แปลว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้รอบคอบ

    เสื้อโค้ทที่เขาขอ...ช้าเร็วคริสก็ต้องสวมมันให้กับเขาเพื่อกันกระสุนสังหารอยู่ดี และโจเซฟก็จอดเรือเล็กรออยู่ใต้สะพานหิน รองมร่างของเขาที่หล่นลงไป

    แต่...เพื่ออะไร?

    "ฟินน์ไม่ได้อยู่ในแผนการแต่แรกเริ่ม ผมจับได้กลางทางว่าเขาคือลูกนอกสมรสของแอนดี้ที่แฝงตัวเข้ามาสืบข่าวและแก้แค้นให้พ่อ..."
    "ฟินน์ยิงผม?"
    "ครับ โชคดีที่ผมรู้ความจริงก่อนที่เขาจะลงมือทำอะไร แบบนั้นทำให้ผมสามารถจัดฉากลากเขาเข้ามาในจุดที่ผมต้องการ ควบคุมสถานการณ์...สร้างเรื่องว่าคุณตายได้ง่ายๆ"
    "ทำไมผมต้องตาย?"

    คิลเลียนตามไม่ทัน

    "ฟินน์ไม่ใช่เด็กธรรมดา เขาเป็นทหารฝึกหัดในโปรแกรมของเอ็มไอไฟว์ ถ้าไม่หยุดเขาด้วยการทำให้เชื่อว่าคุณตายตอนนี้ ลองนึกดูว่าอนาคตเขาจะกลับมาฆ่าคุณได้ง่ายขึ้นแค่ไหน"

    ถึงวันนี้ฟินน์ยังเด็ก ลำพังตัวคนเดียวยังฆ่าคิลเลียนไม่ได้ แต่หากวันหน้าเจ้าตัวฝึกสำเร็จเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงภายในของอังกฤษมันจะยิ่งอันตราย ต่อให้เขาพาคิลเลียนหนีมาเฉยๆ การจะแทรกซึม สืบหา ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฟินน์อีกต่อไป คริสไม่ต้องการเสี่ยงแม้แต่นิดเดียว

    ต้องให้เข้าใจว่าตายแล้วเท่านั้น
    ที่สำคัญ ตายด้วยน้ำมือเจ้าตัว

    "สมมติว่าผมเข้าใจเรื่องฟินน์ แต่...แผนการแต่แรกเริ่มของคุณล่ะคริส ไม่ได้มีเจตนาเดียวกับฟินน์หรือไง"

    คริสสั่นศีรษะแรงๆ
    เส้นผมสีอ่อนปอยหนึ่งปรกลงมา

    "งั้นมือปืนในคืนฝนตกนั่น..."

    ไม่ได้มาฆ่าเขา?

    "เป้าหมายในวันนั้นคือผม"

    คิลเลียนไม่เคยคิดไปทางนั้นมาก่อน

    "ผมตั้งใจให้ตัวเองถูกยิงใกล้กับยิมฮาร์ดี เพื่อให้ทอมมี่ที่เป็นเพื่อนคุณตามคุณมา แต่คุณกลับเป็นฝ่ายออกมาหาผมซะก่อน และผมก็ถูกยิงอยู่ดี ทำให้แผนไปได้เร็วกว่าที่ผมวางไว้"
    คนฟังย่นคิ้วหนัก "คุณตั้งใจโดนยิงเพื่ออะไร"
    "เพื่อดึงคุณกลับมาให้เร็วที่สุด..."
    "..."
    "กลับมา...หาผม"

    คริสตั้งใจใช้อาการเจ็บเป็นเหตุผลให้คิลเลียนมาดูแลตน พาร่างเล็กรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในวันเก่าๆ ขึ้นมาโดยทางลัด คล้ายกลยุทธ์ทางจิตวิทยาระดับอ่อนๆ

    มารยาสาไถ...

    "คุณถามว่าผมจะไปกับคุณไหม" คิลเลียนทบทวนเหตุการณ์ช่วงนั้นและพึมพำออกมา
    "และผมไม่ได้ตกลง..."

    คริสพยักหน้า "หลังจบเรื่องไมเคิล เคน คุณก็ยังไม่ยอมตกลง..."
    "คุณเลยบีบผมด้วยเรื่องเจมส์ บ่อน โรงเหล้า และม้าของผม..."

    คิลเลียนคิดว่าตนเริ่มเข้าใจทะลุปรุโปร่ง

    "คุณต้องการดึงผมออกจากธุรกิจ เพื่อรักษาอำนาจให้แจ็คและดิ เอิร์ล..."

    คริสเสยผม หันมองออกนอกหน้าต่าง

    "ถ้าให้พูดตามตรง นั่นเป็นแค่ผลพลอยได้ครับ..."
    "งั้นคุณต้องการอะไรกันแน่ แก้แค้นให้น้องชาย? ทำลายชีวิตผม?"

    คิลเลียนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
    ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้อ่านยากนัก

    คริสหันกลับมามองพระจันทร์สีนวลคู่นั้น

    บางที เจตนาของเขาอาจจะเรียบง่ายเกินไป จนอีกฝ่ายมองข้ามและคาดไม่ถึง คงไม่แปลกอะไร เพราะเขาก็มั่นใจว่าคงไม่มีใครอื่นใดในโลกลงทุนทำทุกอย่างเพียงเพื่อเหตุผลนี้ หมากทุกตัวบนกระดานถูกเขาจับเดินไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ เพื่อวัตถุประสงค์เดียว

    "ผมต้องการ...คุณ"

    วินาทีนั้น คิลเลียนพูดอะไรไม่ออก แต่ไม่ว่าโดยรู้ตัวหรือไม่ หัวใจที่ยับเยินจากฝันร้ายก็เหมือนจะค่อยๆ ฟื้นคืน

    "เพราะทั้งที่เคยสัญญาไว้...จะเอาโลกทั้งใบมากองให้คุณ..."
    "..."
    "แต่ความจริงแล้ว...ผมอยากให้โลกทั้งใบของคุณคือผม..."

    ทิ้งชีวิตอันตรายในวังวนเลือด
    ทิ้งธุรกิจที่อบอวลด้วยเขม่าดินปืน
    ทิ้งพี่น้อง มิตรสหายในโลกใต้ดินนั่น
    ทิ้งลูกชายของหญิงที่ครั้งหนึ่งคุณคงเคยรัก

    ทิ้งทุกอย่าง

    "ผมต้องการคุณ...เป็นของผมคนเดียว..."


    เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายหลบตาคือคิลเลียน
    แววตาคู่นั้น...หมายความตามนั้นจริงๆ

    "รู้ไหมว่ามันจะฟังดูโรแมนติกแค่ไหน ถ้าคุณไม่ได้พรากแทบทุกอย่างไปจากผม และไม่ได้เพิ่งลักพาตัวผมข้ามทวีป..."

    คิลเลียนกัดริมฝีปาก
    ทำไมต้องทำขนาดนี้

    ตอนที่รู้ข่าวว่าคิลเลียนเป็นคนฆ่าแอนดี้ คริสไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากจะต้องได้ตัวอีกฝ่ายกลับคืนมา เขารับรู้ถึงการมีอยู่ของคิลเลียนมาโดยตลอดก็โดยผ่านน้องชายที่มักโทรปรึกษาเรื่องธุรกิจ จึงเริ่มร่างแผนการในหัวขึ้นอย่างรวดเร็วและกลับมาจัดการทุกอย่าง โดยที่เอิร์ลก็จะได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน

    แต่อย่างไร...เหตุผลของทุกอย่างก็ยังเป็นคิลเลียน เมอร์ฟี

    ไม่อยากเสี่ยงให้โลกใต้ดินกลืนกินอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ จนถึงวันที่ถอนตัวไม่ทัน และถูกศัตรูสักคนฆ่าตาย ก่อนหน้านั้นเขาต้องคอยตามข่าวว่าคิลเลียนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เอาจากแอนดี้ เมื่อน้องชายจากไป คริสรู้ตัวว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำแบบนี้

    "ผมถามคุณแล้วที่สะพาน จำได้ไหม...และคุณเดินมาหาผม..."

    โลกที่มีสองเราอยู่ด้วยกัน
    ชะตาที่ขีดเขียนขึ้นใหม่

    ไม่ใช่เพียงดาวหาง...โคจรผ่านไปเฉยๆ

    นั่นสินะ

    โดยเทคนิคแล้ว ก็ถือว่ากึ่งสมยอมล่ะมั้ง

    "ทั้งที่คุณโกหกหน้าตายมาตลอดแท้ๆ ผมก็ยังยอมรับ"
    "ผมไม่เคยโกหก...เรื่องความรู้สึก"

    ทุกการกระทำ แม้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ แต่ก็มาจากหัวใจจริงๆ ทั้งนั้น คริสเชื่อว่าส่วนลึกในจิตใจอีกคนรับรู้ดี ทุกขณะวินาทีที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยเสแสร้ง

    ถ้าจะมีส่วนที่แกล้งทำ ก็คงเป็น...
    ยับยั้งให้แสดงออกน้อยกว่าที่รู้สึก

    คิลเลียนเอามือลูบหน้า "ผม...ผมทิ้งลูกมาเฉยๆ ไม่ได้คริส..."

    และทั้งที่พยายามฝืนแล้ว
    น้ำตาหยดหนึ่งก็ยังรินไหล

    ปลายนิ้วอุ่นนุ่มเอื้อมมารองรับหยาดน้ำใสหยดนั้น ราวกับมันเป็นไข่มุกเลอค่าที่ไม่ควรร่วงลงแตะพื้นโลก เจ้าของใบหน้างดงามเอียงคอน้อยๆ คลอเคลียผิวแก้มเข้ากับสัมผัสอ่อนละมุนจากมือใหญ่

    "ผมคิดไว้แล้วว่าคุณคงยึดติดกับชีวิตที่คุณรู้จัก..."

    และผมไม่มีสิทธิ์พรากคุณมาแบบนี้
    ต้องขอโทษจริงๆ ที่เห็นแก่ตัว

    คริสอมยิ้มหวาน...ละลายใจ "ผมแค่อยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสมันสักครั้ง..."

    โลกที่ไม่มีเขม่าดินปืนลอยฟุ้งทุกเช้าเย็น โลกที่ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงกลัวใครหักหลัง โลกที่ไม่มีศัตรูคอยจ้องเล่นงาน หรือตำรวจคอยตามไล่ล่า โลกที่สายลม แสงแดดอ่อนโยนกว่า ต้นไม้ใบหญ้าเจริญงอกงามโดยไม่ต้องซึมซับเลือดของใครซึ่งหยดลงผืนดินไปเป็นอาหาร

    โลกของผม

    โลกที่ผมอยากให้เป็นของคุณเช่นกัน

    แต่การทิ้งทุกอย่างเพื่อคนคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ต่อให้คนคนนั้นเพิ่งทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้คุณมาอยู่ตรงนี้ก็ตาม

    "เห็นรถที่จอดอยู่ข้างนอกไหมครับ..."

    คิลเลียนมองตามสายตาอีกคน
    เห็นรถยนต์สีดำคันดังกล่าว

    "ถ้าคุณอยากอยู่กับผม ก็แค่บอกโจเซฟให้ไปส่งที่บ้าน แต่ถ้าคุณอยากกลับลอนดอน..."

    คริสไสตั๋วเครื่องบินมาตรงหน้า

    "...ก็แค่บอกเขาให้พาไปสนามบิน"
    "คริส..."

    ผมอยากอยู่กับคุณ
    แต่...

    "ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ แต่ขอให้เลือกทางที่คุณจะมีความสุขที่สุด ไม่ต้องอธิบาย คุณไม่ได้ติดค้างอะไรผม..."
    "..."
    "ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขในโลกที่คุณเลือก แม้ว่าโลกใบนั้นจะไม่มีผมอยู่ก็ตาม"

    รอยยิ้มใจดีที่เขาอยากได้ในตอนนั้น
    ทำไมถึงเจ็บปวดนักเมื่อมองมันในตอนนี้

    "ส่วนความทรงจำที่เคยมี ตราบใดที่คุณอยากนึกถึงมันก็จะยังอยู่ตรงนั้น..."

    อาจเป็นในยามคิดถึง หรือยามหลับฝัน
    โลกของวันวานที่เราเคยมีกันและกัน

    มันจะเป็นดินแดนแห่งความรัก
    ที่ที่มีแต่เราเท่านั้น...รู้จัก

    "เก็บผมไว้ในนั้นก็แล้วกัน"

    .
    .

    ทอมประกาศกับพี่น้องเรดแฮนด์ว่าหัวหน้าหายสาบสูญ

    หลังจากระดมคนไปไอร์แลนด์เพื่อดำเนินการค้นหาอย่างละเอียดอยู่เป็นวันๆ แต่ไม่มีวี่แววอะไรเลยจนต้องยอมแพ้...และยอมรับ

    ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว

    เขาต้องรับตำแหน่งแทนพ่อ
    จึงต้องจบปัญหาอื่นที่เหลือ

    จึงต้องมาที่นี่

    "ไง..."

    แจ็คเอ่ยทัก เกือบยิ้มดีใจแล้วที่เจ้าตัวมาหาถึงบ้าน ทว่าสีหน้าเคร่งเครียดนั้นทำเอาเขาหวั่นใจเกินบรรยาย

    ทอมวางเอกสารฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะ

    "ผมเซ็นให้แล้ว..."

    ใบหย่า
    ที่แจ็คเซ็นไว้ก่อนหน้านั้น

    "นายเอาไป—"
    "วันที่ผมย้ายออก ผมหาจนเจอ และเอาไปด้วย" ทอมอธิบายสวน รวบรัดตัดความ
    "ทอม อย่าทำแบบนี้เลย..."

    นิ้วเล็กๆ เอื้อมมาปิดปากเขา
    ส่ายหน้า "ผมทำไม่ได้..."
    "...?"
    "ดูแลเรดแฮนด์ รับมือกับความตายของพ่อ และ...คุณ... ผมทำทั้งหมดนั่นพร้อมกันไม่ได้"

    เลยจำเป็นต้องตัดเขาออกไป?
    ใช่สิ...ไม่จำเป็นเลยใช่ไหม คนคนนี้?

    "ทอม ถ้านายโกรธเรื่องที่น้องชายฉัน..."
    "ผมไม่...ผมพอแล้วกับเรื่องความแค้น แจ็ค พ่อผมฆ่าพ่อคุณ และน้องคุณก็ฆ่าพ่อผม เรื่องระหว่างเราสองครอบครัวมันควรจบลงตรงนี้..."

    แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะ?
    แจ็คไม่กล้าเอ่ยถามด้วยซ้ำ

    อาจเพราะแท้จริงแล้วมันไม่เคยมี

    ทอมถอดแหวนแต่งงานออกมาวางคืนให้

    แต่เขารู้สึกราวกับทุกสัมผัส ทุกอ้อมกอด รอยจูบ แววตา และทุกวินาทีที่เคยชิดใกล้ถูกส่งคืนกลับมาด้วยทั้งหมด

    "เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว"

    ชายหนุ่มไม่อาจทนมองแผ่นหลังบางซึ่งต้องแบกรับทุกอย่างนั่นเคลื่อนคล้อยออกห่างและจากไปเฉยๆ รีบลุกขึ้น สาวเท้ายาวๆ เข้าใกล้ รวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้

    "ไม่ไปได้ไหม..."

    ยิ่งกอดแน่นเท่าไร ยิ่งใจหายเท่านั้น คล้ายกับว่า...อย่างไรคนในอ้อมแขนก็จะสยายปีกบินหนีไป ไม่มีวันคว้าไว้ทัน

    "ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..."

    เสียงแหบพร่ากระซิบพร่ำย้ำซ้ำๆ อยู่ข้างใบหู เป็นร้อยเป็นพันครั้งไหลผ่านโสตประสาท มากมาย...จนทอมกลัวว่าหากยิ่งฟัง ใจของตนคงต้องกร่อนลงสักวัน

    "แจ็ค..."

    ร่างเล็กหันมาเผชิญหน้า

    "ผมเข้าใจแล้วว่าคุณโกรธแค่ไหนตอนที่พ่อตาย..."

    เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณเคยอยากฆ่าผม

    ตอนที่พ่อตาย เขาเจ็บจนแทบฆ่าทุกคนได้

    เพราะความแค้นไม่ใช่ความยุติธรรม
    มันไม่เลือกวิธีการ ไม่มีเส้นแบ่ง

    ทางไหนก็ได้ให้คนที่ทำเราเจ็บ มันเจ็บที่สุด
    และผลลัพธ์ของมัน บางครั้งก็น่ารังเกียจ

    แต่คนอย่างเรามันไม่มีอะไรสะอาดอยู่แล้ว

    "ผมให้อภัยคุณ..."

    ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาอ้อนใกล้ๆ
    จมูกโด่งดุนแก้มเบาๆ ราวลูกหมาตัวโต

    สองมือเล็กประคองดวงหน้าคมไว้
    ยังปล่อยให้แก้มนั้นบดเบียดหาไออุ่น

    "และมันอาจมีสักวัน...ผมคงเรียนรู้ที่จะรักใครได้ใหม่..."

    ทอมเลื่อนปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยผมหน้าที่ปรกลงมาของแจ็คไปไว้ข้างบน

    สบนัยน์ตาหมองหม่นของคนตัวโตที่ยังกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ...ไม่ให้ไป

    กระซิบ

    "แต่ไม่ใช่วันนี้..."

    แผ่วเบา ทว่ารุนแรงนัก

    ยังไม่ใช่

    "..."

    ณ ตอนนั้น แจ็ครู้แล้วว่าที่ผ่านมา เหตุใดเขาจึงอภัยให้คำโกหกและภาพลวงตาของคนตรงหน้าได้ง่ายนัก เสียใจ แต่ไม่เคยโกรธเลยด้วยซ้ำ ก็เพราะมันหวานล้ำจับใจ

    ในขณะที่ความจริง...มันเจ็บปวดแบบนี้เอง

    และแม้ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นจะทิ้งสัมผัสอ่อนละมุนลงบนแก้มเขาเป็นการบอกลา เป็นครั้งสุดท้าย...ที่สายฝนจะหลั่งรินลงมาชโลมรดหัวใจของชายคนนี้

    ก็ไม่มีอะไรจะเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของเขาได้อีกแล้ว

    ไม่มี

    .
    .

    ลอส แอนเจลิส

    โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์นั่งแกร่วอยู่ในรถเป็นชั่วโมง ฮัมเพลงฆ่าเวลาก็แล้ว อะไรก็แล้วจนเกือบหลับ กว่าประตูฝั่งผู้โดยสารจะเปิดออก

    ใบหน้าที่ไม่หันมามอง...
    อาบไปด้วยคราบน้ำตา

    "...?"

    เขาไม่กล้าถาม รอจนเสียงอันเครือสั่นเอ่ยบอกจุดหมายปลายทางขึ้นมาเอง

    "...สนามบิน"

    .
    .


    .

    4 ปีต่อมา

    "ยินดีต้อนรับครับ อ้าว แจ็ค..."

    อนายรินเงยหน้าขึ้นจากดอกไม้
    ส่งยิ้มบางให้ แจ็คยิ้มตอบ

    "จะซื้อดอกไม้เหรอ..."
    "อืม มีกุหลาบก้านยาวๆ สักดอกไหม"
    "เดี๋ยวหาให้นะ"

    เขากับอนายรินเพิ่งกลับมาเข้าหน้ากันติดได้ไม่นาน ส่วนหนึ่งอาจเพราะต่างคนต่างโตขึ้น อนายรินเรียนรู้ที่จะให้อภัยเขา เขาก็เรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง แม้ยังไม่ถึงกับเป็นเพื่อนคุยกันได้สนิทใจเหมือนเดิม หากก็ดีกว่าถูกเมินใส่ไปตลอดชีวิต

    แต่ส่วนหนึ่ง แจ็คคิดว่าเป็นเพราะอนายรินมีคนรักใหม่แล้วด้วย

    ประตูเปิดอีกครั้ง
    แบร์รี่แทรกตัวเข้ามา

    "เห็นเปล่าวะ..."
    แจ็คส่ายหน้า "ยัง"
    "เห็นอะไรเหรอแบร์"

    อนายรินที่ยังเลือกกุหลาบให้แจ็คอยู่ดันได้ยิน

    "เปล่าจ้า"

    แจ็คส่ายหัว "ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแกปล่อยอนายหลุดมือไปซะได้ แล้วก็มานั่งชะเง้ออยากเห็นหน้าคนรักใหม่เขาอยู่แบบนี้"
    "เออ แกไม่เข้าใจหรอก เอิร์ล"

    ก็คนเขาพอใจในตำแหน่งนี้
    เพื่อน...ที่ได้ปกป้องดูแลไปตลอดชีวิต

    ไม่มีวันเลิกกัน

    แบบนี้ เขายังกอดอนายได้ไม่ว่าเมื่อไร
    ยังกุมมืออนายได้ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร
    ยังมีที่ยืนอยู่ข้างอนายเสมอ...ตลอดไป

    ไม่ใกล้ ไม่ไกล แค่ในระยะที่พอดี

    "พี่นายครับ ไข่ดาวพี่สุกแค่นี้พอหรือยัง..."

    หนุ่มคนหนึ่งโผล่มาจากครัวหลังร้าน
    พร้อมกระทะ ยื่นมาให้อนายรินดู

    "อื้อ แต่อีกหน่อยก็ได้นะ"

    เจ้าของร้านดอกไม้ยิ้มหวาน
    วางกุหลาบ ยกมือขึ้นเสยผมหน้าคนรักให้

    อีกฝ่ายยิ้มตอบ หันหน้ากลับ
    แจ็คขมวดคิ้วมุ่น "ฟินน์?"

    "พี่แจ็ค..."

    เขามองพี่ชายกับแบร์รี่ ที่ต่างก็จ้องกลับ

    เอิร์ลรู้ดีว่าฟินน์กลับเข้าเมืองมาได้สามปีกว่าแล้ว เพราะทอมไม่เคยสั่งคนออกตามล่าแก้แค้นเรื่องพ่อ ที่น่าตกใจกว่าคือตอนนี้ น้องชายต่างแม่คนนี้มีแก๊งเป็นของตัวเองในลอนดอนตะวันออก และกำลังขยายอิทธิพลลงมาอีสต์เอนด์เพื่อแข่งกับเอิร์ล รวมถึงเรดแฮนด์

    แต่ที่น่าตกใจสุด...ก็คงเป็นตำแหน่งคนรักใหม่ของอนายริน

    "มาซื้อดอกไม้เหรอครับ"

    แจ็คพยักหน้าเงียบๆ
    เจ้าตัวเดินกลับเข้าไป

    "แต่ก่อนไม่เคยรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ามันขนาดนี้เลยว่ะ" แบร์รี่บ่นพึมพำอยู่ข้างกาย

    "อะ ดอกนี้พอได้ไหม"

    อนายรินยื่นกุหลาบแดงดอกโตมาให้

    "สวยเลย ขอบใจนะ"

    แจ็คควักเงินจ่าย รีบไปธุระต่อ

    .
    .

    ลิลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ยังถูกนำมาเปลี่ยนทุกวันตลอดสี่ปี ไม่ว่าฝนตก แดดออก หิมะสูงเพียงใด

    เวลาผ่านไปนานเหลือเกิน
    แต่ใจของเขายังคงขาดหาย

    บางที อาจเพราะสิ่งที่จะเติมเต็มช่องว่างตรงนั้นได้ ไม่ใช่ร่างซึ่งนอนแน่นิ่งหลับใหลอยู่ใต้หลุมศพนี้อีกแล้ว

    และเขากำลังมองหาผิดทาง

    "..."

    สายลมอ่อนโยนโชยพัดผ่านใต้จมูก
    กลิ่นหอมหวานของดอกไม้หวนเข้าปอด

    "หยุดอยู่ตรงนั้น...ผมแพ้เกสร"

    ฝีเท้ามั่นคงยังขยับมาใกล้...เชื่องช้า

    "ไม่ใช่กับกุหลาบ...ฉันมั่นใจ"
    ทอมยังคงไม่หันไปมอง "รู้ได้ยังไง"
    ชายหนุ่มถึงตัวเขาในที่สุด "นายอาจไม่เคยสังเกต แต่ในห้องนอนฉันมีแจกันกุหลาบสดอยู่ นายไม่เคยแสดงอาการแพ้..."

    มือแกร่งยื่นดอกไม้แสนสวยมาให้

    "..." มือเล็กไม่ได้ขยับไปรับ

    "ไม่เอาดอกไม้? ไม่เป็นไร ฉันมั่นใจว่านายอยากได้สิ่งนี้..."

    เขายื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้

    "นี่อะไร"
    "เปิดดูสิ"

    ทอมรับมาเปิด
    ภายในเป็นรูปถ่าย...ม้า?

    มีแต่ม้าเต็มไปหมด

    "เอามาให้ผมดูทำไม"
    แจ็คพยักเพยิด "ดูใกล้ๆ..."

    นัยน์ตาสีครามสวยเพ่งพินิจอีกครั้ง
    ตั้งใจ...จนพบสิ่งที่อีกฝ่ายคงหมายถึง

    รูปม้าในคอก มีคนติดมาด้วยหลายคน
    เห็นหน้ากันคนละเศษละเสี้ยว แต่คนหนึ่ง...

    "คุณมีรูปพ่อผมได้ยังไง..."
    "รูปพวกนี้เพิ่งถ่ายในแอลเอ...สองอาทิตย์ก่อน"

    อะไรนะ?

    "ฉันอยากได้ม้าแข่งเพิ่ม เลยส่งคนไปเลือกที่โน่น มันถ่ายรูปส่งกลับมาให้ นี่งานประมูลม้าพันธุ์ดีของที่นั่น"
    "ส่วนไหนของแอลเอ?"

    พ่อ...ยังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม?

    "ข้อมูลอยู่ในซองทั้งหมดแล้ว"

    ร่างเล็กมองเขา แววตาสับสน "คุณเอามาให้ผม ต้องการอะไรตอบแทน?"
    "ถือซะว่าเป็นของขวัญ..."
    "เนื่องในโอกาส?"
    "วันแต่งงาน"

    ทอมหัวเราะในลำคอ "แต่...มันไม่ใช่วันนี้"
    แจ็คยิ้ม "ก็ไม่ได้หมายถึงสี่ปีก่อน..."

    คุกเข่าลงตรงหน้าทอม

    "อะไรของคุณ"
    "ฉันเชื่อว่าเรดแฮนด์ก็กำลังลำบากกับการที่พวกไวท์เฮดเริ่มขยับขยายลงมา เอิร์ลก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน เพราะงั้น..."

    แจ็คคาบดอกกุหลาบไว้
    ล้วงมือแกร่งเข้าไปใต้เสื้อสูท

    หยิบแหวนออกมา
    เอากุหลาบออกจากปาก

    "ร่วมมือกันอีกครั้งได้ไหม..."

    แหวนวงเดิมจากเมื่อสี่ปีก่อน
    ในมือข้างที่ยังใส่อีกวงซึ่งเป็นคู่กัน

    "คุณไม่เคยถอด...?"

    แจ็คส่ายหน้า

    "มันอาจฟังดูงี่เง่า ตั้งแต่นายจากไปวันนั้น ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทรมานจนแทบบ้า..."
    "..."
    "จะตายไปให้พ้นๆ ก็ไม่ได้ เพราะฉันยังแอบหวังว่านายจะกลับมา"

    ยังรอวันนั้น
    วันที่หัวใจของนายจะเปิดรับใครอีกครั้ง

    "ลุกขึ้นก่อน..."

    ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย
    ประคองใบหน้าสวยไว้ด้วยมือแกร่ง

    "นายไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับโลกใบนี้อย่างโดดเดี่ยว ทอม ฉันรู้ว่านายเก่งและแข็งแกร่งแค่ไหน แต่วันที่เหนื่อยล้า ฉันถึงได้เห็น...นายก็เหมือนเด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง ให้ฉันดูแลนายไม่ได้เหรอ..."

    ปลายจมูกโด่งเริ่มดุนแก้มเขา...ออดอ้อนวอนเว้าเสียยิ่งกว่าลูกหมาตัวไหนๆ

    แฮซ...

    นายว่าถึงเวลาที่ฉันจะก้าวต่อไปรึยัง?

    "นะ..."

    สันจมูกคมยังคลอเคลียแก้มใสไม่หยุด

    "นี่มันไม่ถูกต้อง..."
    แจ็คย่นคิ้ว "อะไร ต้องมีพยานหรือไง เอกสารสัญญาน่ะค่อยเซ็นก็—"
    "แหวน..."
    "..."
    "ถอดออกมาก่อนสิ มันต้องผลัดกันสวมให้ไม่ใช่รึไง"

    นี่แปลว่า...

    ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่าวันนี้มาถึงแล้วจริงๆ ลิงโลดจนอดไม่ได้ที่จะขโมยจูบคนตัวเล็ก

    "อื้อ..."

    ทอมดันใบหน้าหล่อเหลาออกไม่ทัน
    ยอมให้ชุบหัวใจผ่านจุมพิตแต่โดยดี

    หัวใจที่เคยตายไปแล้วดวงนี้

    หากมีคนเฝ้ารดน้ำพรวนดินเอาใจใส่
    สักวัน...คงพร้อมจะงอกเงยขึ้นใหม่อีกครั้ง

    คนได้ใจเลยเถิดจนอกกว้างถูกดันออก
    แต่ไม่วายลอบจุ๊บแก้มจุ๊บหน้าผากไปได้อีก

    ทอมส่งเสียงดุ

    "นี่ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนรักกันนะ..."

    คนตัวโตยังกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ
    แทบลืมไปแล้วว่าอีกฝ่ายตัวเล็กแค่ไหน

    คิดจะกอดรัดแรงกว่านี้ให้ชื่นใจ
    ก็กลัวจะบุบสลายเอาเสียก่อน

    "แค่นี้ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดีแล้วครับ..."

    เริ่มต้น...เรียนรู้ที่จะรักใครสักคน

    อีกครั้ง

    .
    .

    เจ้าลูกรักขนคอยาวแก่ตัวลงทุกวัน

    นัยน์ตาของมันเศร้าหมองลงบ้างตามวัยอันโรยรา แต่ยังทอประกายอบอุ่นออกมาเช่นเดิม คิลเลียนทำความสะอาดเนื้อตัวของเจ้าคริสอย่างทะนุถนอม เส้นขนสีดำไม่เงาขลับเป็นมันเท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ยังเป็นม้าที่สง่างามอยู่ดี

    เสียงประตูคอกม้าเปิดออกและปิดลง

    ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาจะสวมกอด
    คนตัวเล็กรีบเบี่ยงร่างหลบ

    "ตัวผมสกปรก...เดี๋ยวสูทคุณเปื้อน"
    "สูทซักได้ครับ"
    "อ้อ คนซักก็ผมไง"

    คริสหัวเราะ "ผมให้จ้างแม่บ้านคุณก็ไม่เอา..."
    "ไม่ชอบให้คนอื่นเพ่นพ่านในบ้านนี่หว่า แถมถ้าไม่มีงานบ้านทำ งานครูฝึกม้าอย่างเดียวก็เหลือเวลาว่างบัดซบ..."

    คนตัวโตยังลอบกอดจนได้อยู่ดี
    เกยคางลงบนศีรษะคนขี้บ่น

    "เออ ดี เอาไปให้ร้านซักนะตัวนี้"
    "เดี๋ยวนี้คุณอยู่กับม้ามากกว่าผมอีกนะ..."
    "อิจฉาเหรอ..."
    "ครับ"

    คิลเลียนส่ายหน้า "ม้าสิต้องอิจฉาคุณ มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมทิ้งทุกอย่างมาอยู่นี่สักหน่อย..."

    ใช่...เขามันแย่

    วันนั้นพอเห็นสนามบิน
    ก็กลับไม่อยากก้าวเข้าไป

    คนที่รอมาทั้งชีวิต ยื่นโอกาสให้อยู่ด้วยกันแล้ว จะยังบ้าลังเลอะไรอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายต่อให้สมองเอาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ควรกลับไปหาชีวิตเดิมมาฉุดรั้งอย่างไร หัวใจเขามันก็เลือกมาตลอดชีวิตแล้วว่าจะอยู่กับคนคนนี้

    เป็นของผู้ชายคนนี้

    เสียงทุ้มหงอยลง "ขอโทษที่หลอกมาครับ"
    "ถ้าคุณไม่ทำขนาดนั้น คนโง่อย่างผมคงยังไม่รู้ตัวสักทีว่านี่ต่างหากคือชีวิตที่ผมมองหามาตลอด..."

    คริสกระชับกอด คิลเลียนเงยหน้าขึ้น
    กลุ่มผมนุ่มคลอเคลียปลายคางอีกคน

    "ธุรกิจพวกนั้นที่ผมทำมาทั้งชีวิต ผมทำแค่เพราะผมทำได้...และทำได้ดีกว่าคนอื่นโดยไม่ต้องพยายาม ผมไม่รู้จักอย่างอื่น ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรได้อีก ไม่เคยรู้อะไรเลย..."
    "..."
    "แต่คุณสอนให้ผมรู้จักคุณค่าของชีวิต..."

    เติมสีสันให้ภาพวาดหมองหม่นสีเทา ปลุกหัวใจหยาบกร้านด้านชาเพราะโลกอันโหดร้ายให้กลับมาเต้นได้ใหม่ ทำให้ทุกวันมีความหมายเพียงเพราะได้อยู่กับใครอีกคน คนที่เป็นอีกครึ่งของเราอย่างแท้จริง

    ปลายนิ้วมนยกขึ้นไล้สันจมูกโด่ง

    สอนให้รู้จักทะนุถนอมความรัก

    อยู่เพื่อรัก ไม่ใช่เพื่ออะไรที่คนอื่นไขว่คว้า
    แต่ไม่ได้มีค่าอย่างแท้จริงสำหรับเรา

    "..."
    "เงียบนี่คืออะไร..."
    "...เขินอยู่ครับ"

    คิลเลียนย่นจมูก หันกลับมา
    บีบแก้มนุ่มนิ่มสองข้างด้วยหมั่นไส้

    "คุณว่ามันปลอดภัยที่ผมจะติดต่อทอมได้หรือยัง..."

    ทั้งคู่เดินคุยกันออกจากคอกม้า

    "อาจจะครับ ฟินน์จบการฝึกแต่กลับไม่เข้ารับราชการ อันที่จริงตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าแก๊งใหม่ในลอนดอนตะวันออก..."
    "เป็นเด็กที่น่ากลัวจริงๆ"
    "ครับ คิดว่าน่าจะเลิกสอดส่อง หรือสนใจจะแก้แค้นคุณแล้ว"

    ประตูบ้านงับปิดลงเงียบเชียบ

    คริสหันกลับมาพบสายตาสะกดใจจากพระจันทร์คู่สวยนั้น ยืนนิ่งไปถนัด คิลเลียนเคลื่อนกายเข้าประชิด ส่งนิ้วเล็กๆ ขึ้นไปงัดแงะแกะกระดุมเม็ดบนสุดออกจากรัง

    ตามด้วยเม็ดต่อมา
    และต่อมา...

    คุณหมีพยายามกลั้นยิ้ม
    แต่ใบหูก็แดงฟ้องไปหมด

    น่าแกล้งนัก

    "ถอดเร็ว..."

    เสียงนุ่มกระซิบ
    จุ๊บใบหูระเรื่อสีน่าเอ็นดู

    "...จะเอาไปซัก"

    คริสพ่นลมหายใจหัวเราะพรืด

    เดินตามเจ้าตัวไปที่หน้าเครื่องซักผ้า ถอดเสื้อสูทลำลองสีดำออกส่งให้ ตามด้วยสูทกั๊กสีเทา เหลือเพียงเชิ้ตสีฟ้าอ่อนคล้ายดวงตาของคิลเลียนที่เจ้าตัวปลดกระดุมให้แล้วสาม...

    คนกำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองซึ่งเลอะน้ำทำความสะอาดม้าหันมามอง

    "ต้องถอดให้อีกเหรอ"

    มือนั้นเอื้อมมาหากระดุมเม็ดที่สี่
    แต่กลับถูกมือใหญ่รวบเอวไว้

    ยกขึ้นนั่งบนหลังเครื่องซักผ้า
    กางสองแขนเป็นกรงกั้นขังไว้

    "จำเป็นต้องซักตอนนี้เลยหรือครับ"

    คิลเลียนไม่ยิ้ม ไม่ตอบ

    แต่นัยน์ตา...ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่กระดุมเม็ดนั้น
    ริมฝีปากบางลิ้มสีแดงนั่น...ถูกฟันขาวขบ

    "ไม่งั้นจะทำ...อะไร"

    บางครั้งคริสเองยังสับสน
    ใครกันแน่ที่ถูกหลอก

    เขาต้องใช้ศักยภาพทั้งหมดของสมองคิดวางแผน เดินหมาก เพื่อลากอีกฝ่ายออกจากสมการอันยุ่งเหยิงแห่งโลกใต้ดินมาเป็นของเขา... แต่เจ้าตัวไม่เห็นต้องทำอะไรเลย แค่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้เฉยๆ

    คุณแค่เป็น 'คุณ' เท่านั้น

    ผมก็ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้มาแบบนี้

    แล้วดูตอนนี้สิ
    ทำแบบนี้อีกแล้ว

    ขนาดเจอมาตั้งหลายปี...ยังไม่ชินสักที

    "ถ้าไม่ตอบ..."

    ต้องตกหลุมรักคุณซ้ำๆ อีกกี่ครั้งถึงจะพอ?

    คิลเลียนเริ่มลูบสันจมูกคมสวยดุจใบมีดอีกครั้ง หากคราวนี้ใช้ริมฝีปากอ่อนนุ่มแทนปลายนิ้วมือ พระจันทร์กลมโตสีหวานไม่ได้หลับใหล กลับจับจ้องมองเจ้าของใบหน้าที่ตนกำลังลากไล้จุมพิตลงมาอยู่ตลอด

    ก่อนบรรจงเปล่งเสียงกระซิบ
    ให้กลีบปากสองคู่หยอกเย้า...แตะกันเบาๆ

    "...ผมเลือกเองนะ"

    คิลเลียน เมอร์ฟี...

    นอกจากเป็นมาเฟีย

    คุณช่างมีพรสวรรค์ในการเป็นหายนะของหัวใจผมจริงๆ








    FIN.



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
romanticaz (@romanticaz)
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
นี่ร้องไห้ทุกตอน
อะไรจะขมขนาดนี้
แต่ชอบความสัมพันธ์ของคุณคริสกับมาเฟียคิลเลี่ยนมากๆเลย