เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มนุษย์เงินน้อยWe Hello
“ตบะแตก ครั้งที่ 2”

  • "เมื่อเรา “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน"

    HIGHLIGHTS

    -        เงินติดลบ

     

    ตบะแตก ครั้งแรก คลิก

    บันทึกก่อนหน้า โดนโกงเงิน 4 บาท ระหว่างที่ตัวเองมีเงินอย่างจำกัดทำให้ต้องระมัดระวังการใช้เงินอย่างมาก คำนวณรายจ่ายให้ดี และนี่ผ่านมาใกล้กลางเดือนดูเหมือนไม่มีอะไรให้เสียเงิน แต่ไม่ใช่สำหรับเราเพราะเมื่อวาน เราตบะแตกอีกแล้ว ทีนี้ไม่โทษ รถไฟ รถวินเมอร์ไซต์ และเวลา แต่ต้องโทษตัวเอง 

    เรื่องมีอยู่ว่าช่วงเช้า และช่วงเที่ยงไม่มีอะไรเกิด เราใช้เงินตามปกติ  เสียค่ารถไฟใต้ดิน ค่าข้าวเช้าเที่ยง รวมทั้งหมด เก้าสิบหกบาท ยอดเงินคงเหลือ แปดสิบสี่บาก ช่วงตกช่วงบ่าย ทำงานตามหน้าที่ ปกติอยู่ในกรอบ แต่พอตกเย็นหัวหน้าเรียกประชุม กว่าจะประชุมเสร็จเวลาล่วงเกินมา หนึ่งทุ่ม (ไม่ทันรถไฟฟรีซินะ ก็ตามนั้น) เลิกประชุมความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ คือ หิวมาก หิวสุดๆ กินหมู ได้ทั้งตัวยังเลยนะ

    ออย(นามสมมุติ)  : ทานส้มตำก่อนกลับบ้านกันดีไหม

    เรา                      : … “เอาแล้วไงหาเรื่องเสียเงินให้เราอีกแล้ว คิดในใจ”

    นัท(นามสมมุติ)    : น่าสนนะ ตอนนี้รู้สึกหิวข้าวมากๆ

    เรา                  : … “แนวร่วมมาอีกค้นแล้ว ทำไงดีทีนี้ เราคงต้องบอกตรงๆ ว่า ไม่ทานดีกว่าไหม...กำลังเอ๋ยปากพูด”

    แนน                     : อืม เราไม่ทานนะเราอยากกลับหอแล้ว...(อารมณ์ไม่ตามเพื่อนมาแล้ว)

    เรา                        : เราก็ด้วยนะเหนือยมาก (ในใจคิด แนนทำดีมาก อีกใจหิวมากๆ อยากกินสุดๆ แต่เงินไม่มี)

    ปรากฏว่าทริปล่มเพื่อนไม่ครบ ผ่านด่านเสียเงินไปได้อย่างหวิดๆ เพราะแนนผู้ตามเพื่อนตลอดแต่เวลานี้ไม่ตามเพื่อนแล้วนะ เป็นไงละ #ขอบคุณแนนมากนะ

    ตัดภาพมาที่รถไฟฟ้าใต้ดินคนเยอะมากๆ กว่าจะได้ขึ้นก็รอไปถึง 4 ขบวน แถมต้องไปรอ แอร์พ็อตลิ้งอีกครึ้งชั่วโมง "โอ้ยชีวิต ทำไม ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย หิวก็หิว เพลียก็เพลีย" หลังบ่นไปตลอดทาง เวลาก็ล่วงมาถึง สองทุ่มครึ่ง 

    เรา : บอกตัวเอง "ระหว่างกลับหอแวะซื้อข้าวด้วยนะ ตอนนี้เราเหลือเงิน ห้าสิบสามบาท ซื้ออข้าว และขนมสิบสามบาท ให้กำไรชีวิตหน่อยก็ยังดี"

    แต่ ความหิวห้ามระไรเราได้บอกตรงๆเลย เพราะเรา "ตบะแตก" แตกจริงๆ เพราะระหว่างทางเห็นอะไรก็อยากกินไปซะทุกอย่าง 

    เรา : บอกตัวเอง “เอาวะไหนๆ ก็ให้กำลังชีวิตทั้งทีจัดให้หนัก อารมณ์ระเบิด เดินไปกดเงินมาเพิ่มอีกหนึ่งร้อยบาท” ภาพ Close up ในมือ กำลังกำเงินอยู่ ร้อยห้าสิบสามบาท จัดไปวันนี้มาเริ่มจากร้านแรก

    ร้านข้าวมันไก่                      หนึ่ง        กล่อง       สี่สิบบาท

    ร้านลูกชิ้นทอด                     สาม        ไม้           สามสิบบาท

    ขนมเลย์หอใหญ่สุด              หนึ่ง         ห่อ          ห้าสิบเจ็ดบาท

    ยังไม่พอขอต่อน้ำผลไม้ปั่น  หนึ่ง         แก้ว         ยี่สิบบาท

    ยอดตบะแตก                     หนึ่งร้อยห้าสิบสอง  คงเหลือ หนึ่งบาท

    พอถึงหอจัดการกินข้าวก่อน ต่อด้วยลูกชิ้น และดื่มน้ำปั่นไประหว่างกิน แรกๆ ก็กินอย่างหิวๆ อยู่หรอก แต่หลังท้องเริ่มส่งสัญญาณ "เราพอแล้วนะ"...ใจบอกว่า "เรายังอยากกินต่อนะ" ภาพตัดมามือกำลังเปิดซองเลย์หอใหญ่นอนกินอย่างอร่อยพร้อมหนังดูช่อง MONO 29 #อารมณ์สุทรีมากรู้สึกมีความสุขจัง

    พออิ่มจนแน่นจนจนไม่อยากกินอีกแล้ว ทีนี้แหละความสุขกลับกลายเป็นความเศร้าเมื่อมองย้อนกลับไป “เฮยเราทำอะไรไป เงินก็ไม่มี ยังมากินฟุ่มเฟือยอีก” จบ. นอนด้วยความเจ็บใจวันนี้ขาดทุนไปหนึ่งร้อยบาท

    สรุป

    เราไม่รู้ทำไมตอนนั้นเราถึงห้ามตัวเองไม่ได้ แต่ความคิดในบอกเราว่า "มีเงินเก็บอยู่สองร้อยบาท จะกลัวอะไรนำมาใช้เถอะ ให้กำไรชีวิตสักหน่อยทำงานมาเหนื่อยๆ" รู้ตัวอีกทีข้าวของเต็มมือแล้ว #อย่างนี้แหละมนุษย์มีมากใช้มากมีน้อยใช้น้อย มันคือ สมดุล ของการใช้เงิน  

    หมายเหตุ แต่เราจะไม่เอาเงินเก็บสองร้อยบาทมาใช้นะเดี่ยวหาวิธีหักยอดวันเสาร์อาทิย์แล้วกัน เพราะเงินสองร้อยบาทเราต้องการเพิ่มอีกหนึ่งร้อยบาทเพื่อ...zzzz ขี้เกียจพิมพ์แล้วนะขอบคุณที่อ่านจนจบ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in