ราวกับเรื่องหลอกลวง
ราวกับช็อกโกเเลตที่หอมหวานจนไม่อาจหยุดลิ้มลองได้ ต่อให้รสขมจะติดอยู่ที่ปลายลิ้นก็ตาม
ราวกับภาพลวงตาที่ซ่อนอยู่ในหมอกควัน
ราวกับลูกโป่งฟองสบู่ที่ไม่เวลาใดเวลาหนึ่งก็จะสลายหายไป จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
ราวกับสีเเดงที่สะท้อนอยู่ในดวงตา
นัยน์ตาไร้อารมณ์ใดๆเเฝงมองไปที่ใครคนหนึ่งที่กำลังหลับอยู่ข้างๆเขา ในสภาพที่สวมเเค่เสื้อเชิร์ตสีเทาเข้มจนเกือบดำเเละห่มผ้าสูงจนเกือบถึงช่วงอก
ใบหน้าของคนที่กำลังหลับอยู่นั้นราวกับเด็กที่ไร้เดียงสา ราวกับไม่ใช่ อาคาชิ เซย์จูโร่คนนั้น
หลังจากที่เผลอมองคนที่กำลังหลับอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เบนความสนใจไปยังไลท์โนเวลที่ถืออยู่ในมือเเทนเเต่มือเจ้ากรรมดันมิวายเผลอไปเกลี่ยๆผมของอีกฝ่าย
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พอหันไปมองอีกครั้ง ก็สบตากับอีกฝ่ายพอดี
“ตื่นเเล้วเหรอ อาคาชิ” เขาถามเสียงเรียบๆโดยที่มือยังคงเกลี่ยผมของอีกฝ่ายอยู่เช่นนั้น
การไม่ร้องขอสิ่งใด
นั่นเเล่ะคือบทบาทของเขา
“ก็อย่างที่คุณมายุสุมิเห็นนั่นเเล่ะ” อาคาชิว่าพลางดันมือของเขาออก ชันตัวขึ้นจากเตียง เลิกผ้าห่มออก จากนั้นลุกขึ้นยืนติดกระดุมเสื้อเชิร์ตให้เรียบร้อย สวมกางเกงเเสลค เเล้วจึงผูกเนคไทค์
“ผมคงต้องไปเเล้วละครับ”
ส่วนนี่ก็คือบทบาทของอาคาชิ
จริงๆเเล้วถ้อยคำที่พูดไปไม่ได้มีความหมายใดเเฝงเป็นพิเศษมากไปกว่าผู้พูดมีเหตุธุระจำเป็นที่จะต้องออกจากที่นี่ทันทีที่ตื่นขึ้นมา
เเต่จะฟังกี่ทีก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ ว่านั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวกำลังย้ำเตือนเขาอยู่เสมอ
นัยน์ตาสีเทาไร้อารมณ์มองไปยังเจ้าของคนที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่จะสวมเสื้อสูทสีเทาอ่อนทับ
ด้วยเเรงผลักดันอะไรสักอย่างที่เเม้เเต่ตัวของเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำให้เขาตัดสินใจวางไลท์โนเวลในมือลง
ลุกขึ้น เเล้วกอดอีกฝ่ายจะด้านหลัง
เเสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็นส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงทุกขณะ
อุณหภูมิจากร่างกายนั้นอบอุ่น เเต่อุณหภูมิของอ้อมกอดนั้นกลับเย็นเยียบ
เเต่ทั้งความเย็นเเละความอบอุ่นทั้งหมดนั่นเเล่ะคือ อาคาชิในมุมมองที่เขาได้สัมผัส
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงอาคาชิยังคงเรียบเฉย เเฝงไปด้วยความคาดเดาไม่ได้เช่นเดิม
“เปล่า” เขาเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ “ไม่มีอะไรหรอก”
น้ำเสียงที่เฉยชาของเขาเองก็เช่นกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in