pairing : #บัวลอยทับทิมกรอบ #wanpositive ft.หลายๆคู่
***หมายเหตุ : เรื่องนี้ภพธรคือตัวละครหลัก แต่ชื่อคู่ชิปเหมือนเดิม เนื้อหาบางส่วนในเรื่องก็หยิบยกมาจากเรื่อง skyfall เพลงธีมเรื่องนี้จึงเป็น skyfall***
ภพธรนั่งมองรูปปั้นกวางสีมรกตบนแท่นหินตรงหน้าของเขาที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร เจ้ากวางสีมรกตที่ยืนอย่างสวยสง่าและตราตรึงหัวใจทุกครั้งที่ได้เห็นมัน ถ้ามันมีชีวิตจริงก็คงเหมือนในเทพนิยายอย่างแน่นอน ภพธรดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองในระหว่างรอใครบางคนที่ทางฝั่งนั้นได้นัดตัวเองเอาไว้ การรอคอยใครคนหนึ่งมันเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน
อีกไม่กี่นาทีก็จะเลทแล้ว.. เขาบ่นในใจ ภาวนาขอให้มาเร็ว ๆ เสียที เพราะหิมะกำลังจะตกในไม่ช้าแล้ว ภพธรหันไปมองชายร่างท้วมที่กำลังเดินตรงมาหาเขาพร้อมแก้วกาแฟทั้งสองแก้ว ชายคนนั้นหยุดทิ้งก้นลงบนที่ว่างข้างของภพธร เขามองไปที่ชายคนนั้นและรับแก้วกาแฟมา "เกือบจะเลทแล้วนะโอ๊ต" ภพธรตำหนิเล็กน้อย ก่อนจะจิบกาแฟให้พอหอมปากหอมคอ ปราโมทย์เหยียดตัวพิงกับเก้าอี้ยาวให้ตัวเองได้หายเหนื่อยจากการกึ่งเดินกึ่งวิ่งของเขา
"ดุจังเลยวะพี่ ไม่ดุสักวันนึงได้ไหมล่ะ ถือว่าผมขอเลย" ปราโมทย์ยกมือไหว้แทบจะไปก้มกราบที่เท้าของภพธร มันทำให้ภพธรรู้สึกอดขำไม่ได้เลย
"แค่วันนี้นะ นัดไว้แล้วต้องรีบมาด้วย"
"ค้าบ ๆ ดุเหมือนแม่เลย"
"แล้วเรื่องด่วนที่เอ็งว่าล่ะ ทำไมต้องให้มาซะไกลขนาดนี้ เราคุยในเมืองกันก็ได้หนิ"
"ไม่ได้หรอกพี่ .." ปราโมทย์คลี่ยิ้มออกมาหลังพูดจบ ปราโมทย์ยับตัวนั่งดี ๆ ก่อนจะยกแก้วกาแฟในมือขึ้นมาจิบ ปล่อยให้ภพธรสงสัยออกมา ปราโมทย์หยิบโทรศัพท์ออกมาปาทิ้งให้แตกกระจาย สร้างความแปลกใจให้ภพธรอยู่บ้าง แต่ภพธรกลับเลือกที่จะทำตามอีกฝ่าย
"ทำไมล่ะ?"
"องค์กรเราไม่ปลอดภัยอีกต่อไป.."
"..แค่ผมหายไปไม่กี่วัน---" ปราโมทย์แทรกขึ้นมา " สองปีกับอีกหกเดือนต่างหากล่ะพี่" ภพธรเงียบและรอฟังต่อ
"หลังจากเหตุการณ์ในปีนั้น เราทุกคนก็สันนิษฐานว่าพี่ตายห่าไปแล้วนะพี่ตู่ แต่ผมเชื่อว่าพี่ยังรอดอยู่ หนังเหนียวจะตาย"
"ขอเนื้อด้วย ไม่เอาน้ำ"
"เข้าเรื่องล่ะ ปีต่อมา เอกชนได้ส่งสายลับมือดีเข้ามาที่องค์กรเรา เขาไม่มีชื่อจริง ๆ นอกจากนามแฝงที่เรียกว่า W positive " หลังจากจบประโยค ปราโมทย์หยิบรูปออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง "ชื่อเห่ยชะมัด.. " ภพธรดูรูป ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราใด ๆ และผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนรังนก ภพธรมองใบหน้าในรูป เชื่อและไม่เชื่อในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง ภพธรรู้สึกเหมือนเคยเห็นชายในรูปนี้มาก่อน แต่เขาคิดว่าไม่น่าสำคัญอะไร
"แล้วได้ตรวจสอบยังล่ะว่าพวกเอกชนส่งมาจริง ๆ " ภพธรยิงคำถามนี้ขึ้นมา เขาเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน แต่เขาก็จัดการได้จนสำเร็จ (ไม่ใช่ซะทีเดียว)
"ผมได้ตรวจสอบแล้ว เขาถูกส่งมาจากเอกชนจริง ๆ "
"งั้นเหรอ.."
"อ้อ! ผมลืมภารกิจที่จะเอามาให้พี่เลย"
"ภารกิจอะไร?"
"เอ็มฝากมาน่ะ เขาอยากให้พี่ไปหาความจริงเกี่ยวกับW positive เอ็มไม่ค่อยไว้ใจคนนี้เท่าไหร่"
"ทำไมพีี่จะต้องสนใจมันด้วย"
"เพราะนี่คือภารกิจลับ ที่แม้แต่คนในองค์กรหรือรัฐบาลก็ยังไม่รู้เลย" ภพธรหันมามองอีกคนในทันทีด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "นี่กำลังจะบอกว่า.."
"ใช่ รหัสเหลือง"
"เชี่ย... เอ็มไม่เข็ดเหรอวะ? คราวก่อนก็โดนซะอ่วมเลยนะ"
"แล้วจะสมกับเป็นเอ็มเหรอ? เขาให้มาแล้ว ผมก็ขัดอะไรไม่ได้อ่ะ ตอนนี้เอ็มได้แต่รอว่าพี่จะตอบตกลงรับภารกิจนี้หรือไม่"
ภพธรคิดไตร่ตรองกับสิ่งที่ปราโมทย์ได้เล่าให้ฟัง เขาไม่เคยเห็นเอ็มรีบร้อนขนาดนี้มาก่อน นับจากสิบปีที่แล้วที่ได้เกิดเหตุวุ่นวายเพราะสายลับจากเอกชนที่กลับกลายเป็นว่าเป็นสายลับจากประเทศหนึ่ง ซึ่งเป็นมือใหม่จนจับได้ง่ายภายในเวลาไม่ถึงเดือน ตู่คิดในใจได้แต่ขอบคุณสายลับH. จากครั้งนั้น แต่นี่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเกือบสองปีและข้อมูลก็รั่วไหลโดยที่ปราโมทย์จับไม่ได้เลย มารู้ตัวอีกที ข้อมูลก็หายไป85% แล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา..
"เอ็มไม่ชอบขี้หน้าเหรอ?"
"ไม่รู้ว่ะพี่"
"กลัวประวัติซ้ำรอยเหรอ?"
"มันซ้ำรอยไปแล้ว แต่ถ้าจับมันไม่ได้ เราแย่แน่.. ไม่ใช่แค่เรา สายลับทุกคนด้วย"
"เหมือนในหนังเลย.. เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ ทำไมยังให้รหัสเหลืองอยู่ล่ะ"
"เพราะคนร้ายยังไม่ไปไหน"
"เลยสงสัยไอ้ W positive นี่น่ะเหรอ"
"เราไว้ใจพวกเอกชนได้ที่ไหนล่ะพี่"
"นั่นสิ.. มีแค่นี้ใช่ไหม?"
"ครับ งั้นผมกับพี่แยกกันตรงนี้นะ"
"ได้"
หลังจากที่ภพธรพูดจบ ปราโมทย์ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกระเป๋าและแก้วกาแฟ ภพธรยกแก้วกาแฟขึ้นซดกาแฟที่เย็นชืดเพราะทิ้งเวลาไว้นาน เขามองเกล็ดหิมะขาวนวลตกกระทบลงบนหลังมือของภพธร
"มึงเป็นใครกันแน่วะ.."
ปราโมทย์หันซ้ายขวาเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบตามมา เขาไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไปในเซฟเฮ้าส์ของตัวเขาเอง ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นที่โอ๊ตจะมาที่นี่เพื่อติดต่อกับเอ็ม บอกข่าวความเป็นไปของภพธรให้แก่เอ็ม
"แอ๊ปเปิ้ลโบราณ"
"สีเขียวอร่อย"
"ทำไมต้องให้ผมมาพูดรหัสอะไรแบบนี้ด้วยครับเอ็ม"
"เอาน่าโอ๊ต เรียกเป๊กซ์เฉยๆ ก็ได้"
"นี่เวลางานครับ"
"นอกเวลาต่างหาก"
"แต่นี่ยังเป็นงานอยู่ จนกว่าพี่ตู่จะจับหมอนั่นได้" ปราชญ์ถอนหายใจออกมา เกลี่ยกล่อมโอ๊ตให้ผ่อนคลายจากงานนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลยทีเดียว ปราชญ์จึงตัดสินใจถามต่อ "พี่ตู่สบายดีนะ?"
"สบายดี แต่กังวลไม่ใช่น้อย"
"เรื่องรหัสเหลืองสินะ"
"ใช่ แล้วเอ็มไม่เข็ดหรอ"
"เป๊กซ์"
"จะอะไรก็ช่างแม่งเหอะ" ปราโมทย์อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาด้วยความรำคาญ เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะถามปราชญ์ต่อว่า "ทำไมต้องสนใจW positive นั่นด้วยล่ะ"
"พี่สัมผัสได้ว่ามันอันตราย และมีอะไรมากกว่าที่เรารู้.."
"แค่เนี๊ยะ??"
"เออสิ"
ปราโมทย์เก็บกระเป๋าเตรียมจะออกไปจากห้อง ปราชญ์จับข้อมือของอีกคนห้ามเอาไว้
"โอ๊ต"
"ครับเอ็ม?"
"ระวังตัวล่ะ ครั้งนี้พวกเราเสี่ยงมากกว่าครั้งไหนๆ ยิ่งเข้าใกล้ตัวมัน ยิ่งเสี่ยง ความตายจากมัันอยู่เพียงแค่เอื้อมเดียว.."
ปราโมทย์เงียบไป พยักหน้าให้ปราชญ์ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ตัวเขาเองรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องที่เสี่ยงกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ภพธรเดินเข้ามาในอาร์ตแกลลอรี่แห่งหนึ่ง ที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไหร่ เรียกได้ว่าสามารถนับจำนวนผู้คนที่อยู่ในแกลลอรี่แห่งนี้ได้เลย เขามาที่ตามคำเชิญของเอ็มด้วยความไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ ภพธรเดินไปนั่งที่เก้าอี้ม้ายาว มันอยู่ในที่ๆ ปลอดผู้คนเป็นอย่างดี
"ภาพสวยดีนะฮะ"
เสียงของเด็กหนุ่มที่ภพธรอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง เด็กหนุ่มผมยุ่ง ใส่แว่นทรงกลม แถมไว้เคราแพะเดินมานั่งลงข้างตัวภพธร ยิ่งใส่เสื้อตัวใหญ่ ยิ่งทำให้รู้สึกน่าเอ็นดูในสายตาภพธรเข้าไปอีก ไม่ต่างจากเด็กประถมเลย...
"ผมภพธร"
"อิศ"
"อิศ? นี่ชื่อเอ็งหรอ"
"ถ้าพี่จะกวนตีนผม ผมก็ไม่ว่าหรอกฮะ แต่พี่จะไม่ได้ของจากผมแน่นอน"
"โอ้โห ปากคอเราะร้ายนะเรา"
อิศราเริ่มที่จะเข้าสู่อาการจริงจัง เจ้าหนุ่มดันแว่นขึ้น ก่อนจะยื่นกล่องขนาดเล็กสีดำทึบให้คนแก่กว่า "จะรับงานยังครับ"
"รับ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in