เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Micellaneouspreenbanana
Memoir ประสบการณ์ในค่ายลูกเสือ #ยูธูป EP108
  • ได้ฤกษ์กลับมาอัพมินิมอร์สักที เนื่องจากเขียนประสบการณ์ลี้ลับไปส่งเป็นกลิ่นธูปในพอดแคสต์งมงายนามว่ายูธูป ซึ่งเป็นยาแก้ง่วงซึมระหว่างทำงานได้ดีนักแล บังเอิญว่าเรื่องผีที่เคยประสบมากับตัวไม่กี่เรื่องดันตรงกับธีมของรายการที่เกี่ยวกับผีในค่าย เลยอยากไปส่งต่อความงมงายให้คนอื่นได้ฟังบ้าง จริงๆเป็นประสบการณ์ที่อยากบันทึกไว้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำสักที เพราะยูธูปแท้ๆที่ทำให้ตัดสินใจไปรื้อฟื้นความทรงจำกับเพื่อนผู้อยู่ในเหตุการณ์ ตกผลึกเป็นเรื่องเล่าประสบการณ์โดนเท โดนทิ้งไว้กลางทางของจริงในฐานเดินป่าตอนกลางคืน 



    เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเข้าค่ายลูกเสือตอนม.3 ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในสัตหีบ คืนนั้นฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมเดินป่า พี่ทหารก็ถามว่าเราจะเดินกันไหวไหม แต่หมู่ของพวกเราก็ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ โดยที่ห้ามพกมือถือและไฟฉายเข้าไป จะมีแสงไฟจากไฟฉายกระบอกเล็กเพียงกระบอกเดียวที่คนนำกลุ่มถือ พวกเราเดินเข้าไปทีละสิบคนเห็นจะได้ เดินไปตามทางเดินแคบๆ แบบแถวตอนเรียงหนึ่ง มือแต่ละข้างจะจับมือเพื่อนที่อยู่ข้างหน้ากับข้างหลังเราไว้ เท่าที่จำได้บรรยากาศรอบข้างมืดมาก พวกเราต้องสังเกตแสงไฟดวงเล็กสีแดงๆของธูปที่ทหารปักอยู่ตามทางเดิน จนเจอฐานกิจกรรมแต่ละฐาน



    โดยฐานที่จำได้แม่นเลยคือฐานล้วงไหทดสอบความกล้า ล้วงควักสิ่งของที่อยู่ในนั้นกันไปตามประสา  แต่เล่นไปไม่กี่ฐานฝนที่ตกลงมาก็เริ่มลงหนักขึ้น จนมีการยกเลิกกิจกรรมกลางคัน ทหารก็แจ้งกับเด็กๆให้กลับที่พัก โดยที่เราก็อาศัยการบอกต่อๆกัน แล้วก็พากันเดินตามกลุ่มข้างหน้าเป็นแถวตอนลึกกันไปปกติ ทั้งๆที่เราเดินห่างกับกลุ่มข้างหน้าไม่มาก จู่ๆ กลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้นก็เดินลับหายไป ยังเห็นกันอยู่หลังไวๆ ได้ยินเสียงเดิน และเสียงพูดคุยอยู่เมื่อครู่แท้ๆ ทีนี้เริ่มเข้าสู่สถานการณ์คับขัน เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้ธูปที่ปักไว้ตามทางดับ กลุ่มพวกเราที่เดินไม่ทันเพื่อนก็พยายามเดินกันไปอยู่สักพัก จนแน่แก่ใจว่าหลงแล้ว ก็มีทหารคนเดินมาบอกว่าจะนำทางเราออกไป แต่ยิ่งเดิน ทางยิ่งเริ่มชันมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพวกเราก็เดินตามทหารคนนั้นไปไม่ทัน และทางไม่สามารถไปต่อได้แล้ว เพราะลื่นและมืด อันตรายมาก จึงตัดสินใจกลับหลังหัน เดินไปตามทางเดิมที่เข้ามา ตอนนั้นเหนื่อยมาก ทั้งเหงื่อ ทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา ทำเอาแต่ละคนเริ่มใจไม่สู้ดี แต่ก็ต้องให้กำลังใจกันและกันแล้วเดินต่อไป



    หนึ่งในตลกร้ายของเรื่องนี้ คือตอนที่เราเดินกลับมาทางเดิม ฐานล้วงไหที่เพิ่งจะล้วงกันไปเมื่อกี๊ ไม่มีใครอยู่แล้ว ทหารที่ประจำฐานทุกคนกลับกันไปหมด โดนทิ้งไว้กลางทางที่แท้จริง จนกระทั่งได้ยินเสียงเพื่อนสักคนตะโกนว่ามีคนมา ร่างผู้หญิงถือไฟฉายปรากฏขึ้น วินาทีนั้นคือความอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก มีคุณครูเดินออกมาตามพวกเรา ครูคนนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเรียนว่าสามารถสัมผัสถึงสิ่งลี้ลับได้ เด็กนักเรียนก็ชอบให้เล่าเรื่องเหนือธรรมชาติให้ฟัง แต่น่าเสียดายที่เราไม่ค่อยได้เรียนกับครูท่านนี้เท่าไหร่นัก ครูยืนยันกับทหารว่าจะเดินเข้ามาในป่าอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่ายังมีเด็กออกไปไม่หมด และแน่นอน ความคิดของครูถูกต้อง หลังจากนั้นเราก็ออกค่อยๆหาทางเดินออกมาจากป่ามาได้สำเร็จด้วยความสะบักสะบอมพอตัว



    แต่สิ่งพีคกว่านั้น คือ เมื่อพวกเราเดินกลับไปโรงนอน ก็เจอทหารเป็นเหมือนหัวหน้าผู้ดูแลค่ายยืนอยู่ในชุดลำลองที่เตรียมนอนเต็มที่ เขามองพวกเรางงๆ แล้วถามออกมาว่า “อ้าว ไปไหนกันมา” วินาทีนั้นเด็กหลงทุกคนส่งเสียงโห่ด้วยความโมโห อารมณ์ล้วนๆ โดนทิ้งไว้ในป่ามืดๆ ถ้าไม่มีครูมาช่วยคงแย่ไปแล้ว แต่ไม่มีใครสังเกตถึงการหายไปของพวกเราเลย ในวันนั้น เด็กผู้หญิงเนตรนารี ห้องอื่น หมู่อื่นทั้งสายชั้นจะนอนกันหมดแล้ว แต่เราเพิ่งกลับมาในสภาพซอมบี้ และเป็นเด็กกลุ่มสุดท้ายที่ได้อาบน้ำนอน



    ต่อมาก็ได้เวลางมงาย โบราณว่าเอาไว้ว่า เข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ ดังนั้นคิวของเรื่องหลอนจึงเกิดขึ้นหลังจากที่เราออกมาจากป่าได้อย่างปลอดภัยแล้ว เพราะตอนนั้นการเอาตัวรอดออกไปให้ได้ดูจะเป็นเรื่องที่ต้องลำดับความสำคัญก่อนเป็นอย่างแรก เรื่องน่ากลัวกว่าการเดินหลงอยู่ในป่าเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงมืดๆ คือการที่เพื่อนและครูเห็นอะไรบางอย่างระหว่างที่เราหลงป่ากัน เพื่อนคนนึงที่มีสัมผัสพิเศษก็บอกว่าเห็นร่างผู้หญิงโดนแขวนคอห้อยลงมาจากต้นไม้ข้างทาง ทั้งตอนเดินขาไปและขากลับออกมา ซึ่งดันเป็นสิ่งที่ครูท่านนั้นก็เห็นเหมือนกัน



    นอกจากนี้ ก็มีเพื่อนมองเห็นคนใส่ชุดขาวเดินอยู่ในป่า แถมครูยังเห็นหัวกะโหลกสีขาวซ้อนทับกับใบหน้าเพื่อนคนสุดท้ายตอนที่หันกลับมาดูเด็กนักเรียนระหว่างทาง เวลาที่อยู่ในป่าตอนนั้นอะไรๆก็ดูน่ากลัวไปหมด เราเลยเดินก้มหน้าอย่างเดียว ไม่สนใจมองวิวทิวทัศน์รอบข้างอันน่าพิศสมัยใดๆเลย และทำให้แน่ใจว่ามือที่เราจับอยู่ทั้งสองข้างคือเพื่อนเราจริงๆ ไม่ใช่คนอื่น เดี๋ยวจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่



    ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนกลุ่มก่อนหน้าเราก็บอกว่าหันกลับมามองแล้วนะ แต่ไม่เห็นพวกเราตามไป เลยนึกว่าเราอาจจะเดินกลับไปอีกทางแล้ว สรุปคือไม่มีใครเห็นเราเลยจริงๆ ตัวโปร่งใส…น่าสงสัยมากว่าทำไมเราถึงเดินตามเด็กกลุ่มนั้นไม่ทัน ทั้งๆที่ยังเห็นกันอยู่ในระยะสายตา แถมเส้นทางก็มืดและชัน ไม่น่าจะเดินทิ้งห่างกันไปได้ขนาดนี้ เหมือนพวกเราโดนอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้ มองใครไม่เห็นและไม่มีใครเห็นพวกเรา



    และปมสุดท้ายที่ยังคงเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ คือทหารคนที่บอกจะมานำทางให้เราในป่า ตอนที่พวกเรากับครูยืนคุยกันอยู่กับนายทหารที่เป็นหัวหน้า หลังจากที่ออกมาจากป่าแล้ว มีเพื่อนได้ยินทหารคุยกันว่าทำไมถึงมีเด็กค้างอยู่ในป่าได้ ทั้งๆที่วิทยุสื่อสารคุยกันแล้ว รวมถึงขึ้นไปเช็คเรียบร้อยแล้วว่าเด็กกลับออกมากันหมด ทำไมทหารที่อยู่ข้างล่างไม่รู้เรื่องที่พวกเราหายไป แล้วทหารที่พวกเราเจอในป่าล่ะเป็นใครกันแน่ จริงๆแล้วเราเองไม่ได้เห็นทหารคนนั้นกับตา แต่ได้รู้จากการที่เพื่อนๆบอกต่อๆกันมาระหว่างเดินในป่า ในกรณีนี้ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความผิดพลาดของผู้ที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การสื่อสารที่ไม่ตรงกัน หรืออาจจะเป็นปรากฏการณ์ทางวิญญาณที่รู้จักในนามของผีลักซ่อน ถ้าจะมองให้งมงายก็ถือเป็นอย่างหลังแล้วกัน กลายเป็นเรื่องราวหลอนๆ เพื่อจะได้เข้าธีมของยูธูป



    เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่ประมาณนี้ มันน่าโมโห และน่าเหลือเชื่อที่ไม่มีใครรู้ว่าเด็กตั้งสิบกว่าคนหายไประหว่างเดินป่าเข้าฐานกิจกรรมตอนกลางคืน ถ้าอาจารย์ไม่มาตามก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปลึกแค่ไหน จะได้ออกมาเมื่อไหร่ แล้วจะมีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรือเปล่า 



    แน่นอนว่าทุกคนเคยผ่านการเข้าค่าย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลงป่าแบบพวกเรา ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความสำคัญของความสามัคคีในหมู่คณะเท่าวันนั้นเลย ทุกคนพยายามมีสติ ทำงานเป็นทีมกันอย่างดี คอยบอก คอยเตือนว่าทางเดินตรงนี้ลื่นนะ ระวังสะดุดรากไม้นะ หรือบอกให้รอเพื่อนที่ตามมาไม่ทัน เหมือนในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่



    ถือเป็นประสบการณ์การเข้าค่ายครั้งหนึ่งในชีวิตที่โหด มันส์ ฮาสุดๆ และเป็นครั้งแรกที่เรามีความรู้สึกด้านลบต่อทห----- (โดนเซ็นเซอร์)



    _____________________________________________________________________________________________________


    Blooper ส่งท้าย: จริงๆในช่วงเวลานั้นที่ทุกคนอยู่ในความกลัว ท่ามกลางป่ามืดๆ มีความฮาเกิดขึ้นค่ะ ตอนเดินอยู่ดีๆก็มีเพื่อนตะโกนขึ้นมาทำนองว่า “เฮ้ย มีตะขาบไต่อยู่บนหลังแก” เท่านั้นแหละ วิญญาณนักเต้นเท้าไฟเข้าสิง Step up ภาค 5 ทุกคนพากันสลัด สะบัด กระทืบเท้ากันเป็นพัลวัน ไม่รู้แหละว่าเพื่อนคนนั้นตาฝาดไหม ขยับร่างกายไว้ก่อนเป็นดี หลังจากนั้นทุกคนเลยซอยเท้ากันไว้ตลอด ซ้ายขวาซ้าย จนมีคนแนะนำให้ร้องเพลงโรงเรียน แล้วเดินให้เข้าจังหวะ เพลงโรงเรียนก็มา แต่ร้องไปได้ไม่กี่ท่อน ครูก็บอกให้เงียบๆสำรวมเข้าไว้เวลาอยู่ในป่า เลยต้องกลับเข้าโหมด Survival แบบเดิม


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in