AAside Event Story「in the rain」
บทนำ[ณ แชร์เฮาส์ -εpsilonΦ-]
เรย์จิ : ออกไปข้างนอกก่อนนะ
ทาดะโอมิ : ตอนนี้เหรอ? แต่ฝนดูท่าจะตกนะ…
เรย์จิ : เดี๋ยวมีประชุมน่ะ
ทาดะโอมิ : อย่างนี้นี่เอง… ถ้าฝนตกไม่แรงก็คงดีเนอะ ก็เรย์จิคุงดูเหมือนจะไม่ชอบฝน
เรย์จิ : ...แค่หงุดหงิดที่อากาศชื้นเหนอะหนะเท่านั้นล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ
เวลาออกไปข้างนอกทีก็ชายเสื้อเปียก ไม่น่าจะมีคนชอบเท่าไรหรอกมั้ง
ทาดะโอมิ : นั่นสิเนอะ
เรย์จิ : ...ต้องไปแล้ว ไปล่ะ
——————————————
เรย์จิ : ชิ…น้ำเข้ารองเท้า
(ควรจะเรียกแท็กซี่ตั้งแต่ตอนที่ยังตกไม่แรงสินะ)
หืม?
จุน : แฮ่ก… แฮ่ก…
เรย์จิ : (นั่นมันซุซากิ จุนจากวง Fantôme Iris นี่… กำลังวิ่งโดยที่ไม่มีร่มงั้นเรอะ)
(ไม่อยากจะเชื่อเลย เปอร์เซ็นต์ที่ฝนจะตกช่วงบ่ายตั้ง 90% แท้ๆ ไม่ได้เช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกมาเรอะ?)
จุน : หวา!!
เจ็บๆๆ… ทำไมถึงมีกระป๋องเปล่ากลิ้งอยู่แถวนี้ได้เนี่ย… โชคร้ายจริงๆ…)
เรย์จิ : …ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ
จุน : เอ๋?
เอ๊ะ เธอคือ…
เรย์จิ : มือกลองของวง εpsilonΦ คาราสุมะครับ
อาจจะช่วยได้แค่ทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ใช้ผ้าเช็ดหน้านี้นะครับ
จุน : …เอ๊ะ?
——————————————
เรย์จิ : ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวไม่พอจริงๆ ด้วยสินะครับ
จุน : ม…ไม่หรอก ขอบคุณนะ
เรย์จิ : บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ล้มแรงเหมือนกันนะครับ
จุน : ไม่เป็นไรหรอก… ปกติก็โชคร้ายแบบนี้แหละ
เรย์จิ : …งั้นเหรอครับ
เหมือนจะไม่ได้พกร่มมานะครับ ลืมเหรอครับ?
จุน : คือว่า… พอวางร่มไว้ในที่วางร้านนึงแล้วไปซื้อของก็เหมือนจะมีคนหยิบผิดไปน่ะ
ช่วยไม่ได้เลยว่าจะไปซื้อใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ แต่ของดันหมด…
พอเห็นว่ามีป้ายร้านสะดวกซื้ออยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยเลยว่าจะรีบวิ่งไปแต่——
เรย์จิ : ไปเหยียบกระป๋องเปล่าเข้าซะก่อนเลยหกล้มสินะครับ
จุน : อะ อื้ม…
เรย์จิ : แต่ถึงจะซื้อร่มมา ถ้าชุดเปียกแบบนั้นคงขึ้นรถสาธารณะลำบากนะครับ
แชร์เฮาส์ของแฟนท่อมอยู่ที่อิเคะบุคุโระสินะครับ นี่จะเดินกลับเอาเหรอครับ?
จุน : ด… เดินกลับเอาน่าจะเหนื่อยไปหน่อย… เพราะอยู่ไกลด้วยนี่นะ… อะฮะๆ
เรย์จิ : เฮ้อ…
(…ปวดหัวจริง)
บทที่ 1เรย์จิ : (คนละคนกับที่แสดงให้เห็นบนสเตจเลย นี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้งั้นเรอะ หรือว่า——)
(...ลองสืบดูหน่อยดีไหมนะ)
จุน : อ... เอ่อ... คือคิดว่า... ทำไมถึงจ้องหน้าฉันขนาดนั้นกันนะ~... อะไรแบบนี้...
เรย์จิ : ขอโทษครับ พอดีคิดว่าอยากคุยกับซุซากิซังดู
จุน : เอ๊ะะ... ทำไมถึงอยากคุยกับคนอย่างฉันล่ะ...?
เรย์จิ : ซุซากิซังเป็นคนแต่งเพลงของ Fantôme Iris สินะครับ
เป็นคนที่แต่งเพลงที่สามารถแสดงบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์นั้นออกมาได้
ในฐานะคนที่เข้าร่วมเฟสด้วยกันแล้วก็ถือเป็นคนที่ไม่ให้ความสนใจไม่ได้เลยครับ
ถ้าไม่รังเกียจ พอจะมีเวลาไหมครับ?
[ณ แชร์เฮาส์ -εpsilonΦ-]
จุน : ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย...
ห้องก็หรูสุดๆ จนไม่เห็นจะเข้าใจ เฟอร์นิเจอร์ก็ดูแพงจนไม่กล้าเผลอไปจับเลย... อุ...
เรย์จิ : ซุซากิซัง ผ้าขนหนูครับ
จุน : อะ ขอบคุณนะ
เรย์จิ : ถ้าไม่รังเกียจก็จะขอชุดมาซักสักหน่อย...
จุน : เอ๊ะ!? ไม่ได้สิๆๆๆ จะให้ทำให้ขนาดนั้นไม่ได้หรอก!
เรย์จิ : งั้นเดี๋ยวหาอะไรอุ่นๆ มาให้ดื่มนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัดขึ้นมา
ต้องการอะไรอีกไหมครับ...
จุน : ...อยากกลับบ้านครับ
เรย์จิ : รอจนกว่าฝนจะซาลงสักหน่อยดีไหมครับ? คงไม่อยากเป็นหวัดตอนช่วงเวลาสำคัญๆ อย่างตอนก่อนเฟสเริ่มหรอกใช่ไหมล่ะครับ
จุน : ... น นั่นสินะครับ!
เรย์จิ : งั้นรอไปก่อนนะครับ
จุน : หวาาาาาาาา... เจ้าคนญี่ปุ่นที่ปฏิเสธคนไม่เป็น~! ฉันมันบ้า บ้า บ้า!
——————————————
เรย์จิ : ...เป็นคนที่คล้อยตามคนอื่นง่ายจริง
——————————————
จุน : เอ่อ คาราสุมะคุง เห็นเงียบๆ เมมเบอร์คนอื่นไม่อยู่กันเหรอ...?
เรย์จิ : ครับ เหมือนทุกคนจะออกไปข้างนอกกันน่ะครับ
จุน : อย่างนี้นี่เอง
เรย์จิ : (ถ้าเทียบกับอายุแล้ว ดูไม่นิ่งเลยแฮะ)
(จากที่ไปตรวจสอบมา เห็นว่าไม่ได้ทำงานแล้วอาศัยเงินที่ได้มาจากการแข่งเกมในการเลี้ยงชีพ)
(ไม่ถนัดเรื่องการคบหาคน... หรือสามารถคาดเดาได้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่สามารถปรับตัวเข้าหาสังคมได้)
(หรือก็คือ ตัวตนจริงๆ ของผู้ชายคนนี้ก็ “อย่างที่เห็น” นี่แหละ งั้นเรอะ...)
(ไม่มีความจำเป็นต้องสืบเลยสินะ)
ซุซากิซังนี่อิมเมจต่างจากตอนอยู่บนสเตจในฐานะ ZACK อยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย
จุน : อ... อื้ม เพราะ ZACK คือฉันแต่ก็ไม่ใช่ฉันน่ะ...
เรย์จิ : เท่ากับว่าแสดงเป็น ZACK ให้เข้ากับบรรยากาศของ Fantôme Iris น่ะเหรอครับ
จุน : อืม... น่าจะต่างจากการแสดงอยู่เหมือนกันน่ะ...
พอขึ้นไปยืนบนสเตจแล้วก็จะได้ปลดปล่อย ...ถ้าพูดแบบนั้นไปก็อาจจะดูเหมือนคนไม่แคร์โลกไปหน่อย
แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ...
เรย์จิ : ...อย่างนี้นี่เอง
บทที่ 2เรย์จิ : (—— คำพูดและการกระทำที่ดูอ่อนแอ ท่าทีที่น่าสงสัย กับพฤติกรรมที่ไม่เกรงใจใคร และการเล่นกีต้าร์ที่ดุดัน)
(ทั้งที่นิสัยตรงข้ามกันเลยแท้ๆ แต่กลับไม่ใช่การแสดงอย่างงั้นเรอะ...)
(...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ)
ขอถามอะไรอีกอย่างได้ไหมครับ?
จุน : อ... อื้ม?
เรย์จิ : เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ?
จุน : ...ตั้งแต่จำความได้เลยน่ะ
เพราะทั้งพ่อแม่หรือพี่สาวเองก็เป็นคนที่อยู่ในวงการดนตรีกันหมดเลยคิดว่าตัวเองก็คงเหมือนกัน... แต่กลับไม่ได้เรื่องเลยสักนิด...
แล้วตอนที่ลาออกจากงานและตีตัวออกห่างจากดนตรี โทโมรุก็มาชวนน่ะ
เรย์จิ : ก็เลยเข้า Fantôme Iris?
จุน : อื้ม ตอนนี้เอง บางทีก็ยังคิดอยู่เลยว่าเหมือนตัวเองฝันไป คิดว่าตัวเองอาจจะแค่กำลังฝันดีอยู่ก็ได้...
เรย์จิ : ......
——————————————
จุน : อ๊ะ... ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย
ต้องกลับแล้วล่ะ คือว่า... ขอบคุณสำหรับผ้าขนหนูกับหลายๆ อย่างนะ
เรย์จิ : ครับ เดินทางดีๆ นะครับ
(—ซุซากิ จุน)
(เป็นคนมีพรสวรรค์ แต่เคยล้มเลิกที่จะอยู่ในวงการดนตรีไปแล้วหนหนึ่ง)
(“อาจจะแค่กำลังฝันดีอยู่ก็ได้” งั้นเรอะ)
——————————————
??? : นี่เป็นความฝัน แค่กำลังฝันดีมากๆ ก็เท่านั้น แต่สักวันก็จะตื่นขึ้นมาจากฝัน พ่อเองก็เคยพูดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ?
——————————————
เรย์จิ : ...อึก
(ทำไมถึงได้นึกถึงคำพูดของคนคนนั้นกัน...?)
แกร่ก
เรย์จิ : !!
(...ใครกลับมาน่ะ)
ทาดะโอมิ : กลับมาแล้ว เรย์จิคุง
เรย์จิ : ...อา
ทาดะโอมิ : ...? มีแขกมาเหรอ?
เรย์จิ : รู้ด้วยสินะ ซุซากิ จุนจากวง Fantôme Iris น่ะ
ทาดะโอมิ : อย่างนี้นี่เอง... แปลกจัง
ซุซากิซังดูไม่ใช่คนที่จะแวะมาเองด้วยสิ เรย์จิคุงชวนมาสินะ
มีเรื่องที่อยากคุยเหรอ?
เรย์จิ : แค่สถานการณ์พาไป
แต่ก็ตั้งใจว่าจะสืบเรื่องราวภายในไว้เพื่อวางแผนรับมือในอนาคตนั่นแหละ แต่ว่า...
ทาดะโอมิ : ซุซากิซังเป็นคนยังไงบ้าง?
เรย์จิ : นั่นสินะ...
ติ๊ง♪
เรย์จิ : ส่งมาแล้วเรอะ
ทาดะโอมิ : อะไรเหรอ?
เรย์จิ : รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับซุซากิ จุนน่ะ ขอให้ส่งมาเท่าที่รู้ก่อน
.......
ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวด้านดนตรี เห็นว่าพี่สาวเป็นนักเปียโนชื่อดัง
ทาดะโอมิ : เห... พรสวรรค์ของซุซากิซังนี่ติดตัวมาแต่เกิดสินะ
เรย์จิ : พรสวรรค์งั้นเรอะ ทาดะโอมิเองก็รู้สึกได้สินะ
ทาดะโอมิ : ถึงจะถูกเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Fantôme Iris กลบไว้อยู่บ่อยๆ ก็เถอะนะ
...ซุซากิซังไม่ไปเป็นนักเปียโนอย่างพี่สาวนี่เอง
บทที่ 3
ทาดะโอมิ : ...ซุซากิซังไม่ไปเป็นนักเปียโนอย่างพี่สาวนี่เอง
เรย์จิ : ถึงจะเคยเข้าร่วมการแข่งขันอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยติดอันดับอะไรที่โดดเด่นเลย
ทาดะโอมิ : หืม... แปลกจังเลยเนอะ
เรย์จิ : เหมือนจะไม่ถูกกับตอนขึ้นเวทีจริงๆ เห็นว่าเจอปัญหาหลายๆ อย่างด้วย
แต่การที่เขาเป็นคนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยขนาดนั้นก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี
ทาดะโอมิ : ......
เรย์จิ : เริ่มเล่นกีต้าร์ตอนม.3 แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปแข่งเปียโนอีกเลย
ต่อมาก็เลือกที่จะออกห่างจากเส้นทางสายดนตรี
หลังจากเรียนจบมหาลัยก็ได้มาข้องเกี่ยวกับวงการดนตรีอีกในรูปแบบธุรกิจการค้าแต่ก็ออกใน 1 ปี
หลังจากนั้นก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านและหมกมุ่นอยู่กับเกม
แต่ก็มาเข้า Fantôme Iris ตามคำชวนของคุโรคาวะ โทโมรุที่เป็นเพื่อนสนิท...
ไม่รู้ว่าเป็นการหนีหรือแค่คล้อยตามคนอื่นไปกันแน่
ทั้งมีพรสวรรค์และอยู่ในสถาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยขนาดนั้นแท้ๆ... เป็นเรื่องที่บ้าบอสิ้นดี
ทาดะโอมิ : ......
...เรย์จิคุงมองว่าซุซากิซัง “น่าอิจฉา” และรู้สึกว่ายกโทษให้ไม่ได้สินะ
เรย์จิ : หา? ฉันเนี่ยนะอิจฉาซุซากิ จุน...?
ทาดะโอมิ : ก็มีคนแบบนั้นอยู่ใกล้ตัวเรย์จิคุงใช่ไหมล่ะ
คนที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด แถมสภาพแวดล้อมก็ยังเอื้ออำนวยแท้ๆ——
แต่กลับสูญเสียทุกอย่าง ทำให้ต้องจบเส้นทางด้านดนตรีไป
เรย์จิ : ...อึก
ทาดะโอมิ : อ๊ะ จริงด้วย ไม่ใช่ว่าต้องจบเส้นทางด้านนั้นไป แต่ “คนคนนั้น” เลือกที่จะยอมแพ้และปล่อยมือเองนี่นา
แต่สำหรับเรย์จิคุงแล้ว นั่นก็ถือเป็นการ “หนี” ——
เรย์จิ : อย่ามาพูดเหมือนรู้ดีนะ!!
ทาดะโอมิ : ......
จริงอย่างที่เรย์จิคุงบอก ขอโทษนะ
เรย์จิ : ไม่หรอก...
...ฉันไม่ได้คิดยังไงเรื่องซุซากิ จุนทั้งนั้น แค่ไม่เข้าใจเท่านั้น
ทาดะโอมิ : ไม่ได้คิดยังไงงั้นเหรอ...
ทำไมมนุษย์ถึงได้โกหกแม้กระทั่งตัวเองกันนะ
[ณ แชร์เฮาส์ -Fantôme Iris-]
จุน : กลับมาแล้ว...
โทโมรุ : กลับมาแล้วเหรอจุน บอกว่าจะออกไปแป๊บเดียวแต่กลับช้าเหมือนกันนะ... หืม?
ทำไมผมกระเซิงแบบนั้นล่ะ? แถมชุดอีก เปื้อนโคลนมาใช่ไหมน่ะ ล้มอีกแล้วเหรอ?
จุน : โคลน? ...อะ จริงด้วย
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ... นี่ไปรบกวนบ้านเขาด้วยสภาพแบบนี้น่ะเหรอ? ไปนั่งโซฟาสุดหรูนั่นด้วยสภาพนี้มาน่ะเหรอ!?
โทโมรุ : สุดหรู? ไปรบกวน?
จุน : ก็เมื่อกี้——
บทที่ 4โทโมรุ : อย่างนี้นี่เอง...
ชายอายุประมาณ 30 ไปเหยียบกระป๋องเปล่ากลางฝนเข้าแล้วก็ล้มในแอ่งน้ำ——
จุน : อย่าพูดสิ! ก็สมเพชตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ!
โทโมรุ : แต่ก็สมกับเป็นจุนล่ะนะ
ไปแชร์เฮาส์เขามาด้วยใช่ไหม พอเขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยก็ปฏิเสธไม่ลงล่ะสิ?
จุน : ...อืม
โทโมรุ : แต่การที่อีกฝ่ายเป็นเด็กวง εpsilonΦ นี่... เฟลิซังเป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะ
จุน : เฟลิกซ์ซังน่ะเหรอ?
โทโมรุ : ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดหรอก...
...จากสายตาจุนแล้ว คาราสุมะคุงเป็นเด็กแบบไหนล่ะ?
จุน : เป็นคนที่อุตส่าห์คุยกับคนอย่างฉันอย่างสุภาพ แถมยังใจดีด้วยอีก
แต่บางทีก็รู้สึกว่ามองมาด้วยสายตาที่เหมือนมองขนมปังขึ้นรา... คิดไปเองหรือเปล่านะ... อะฮะๆ
ตอนยิ้มอยู่ก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ยิ้มด้วย สายตา... ก็ดูเย็นชาแล้วก็น่ากลัว
เหมือนจะคล้ายกับพี่อยู่หน่อยๆ... ด้วย...
โทโมรุ : อย่างนี้นี่เอง...
จุน : เป็นผู้ใหญ่แท้ๆ น่าสมเพชชะมัด
โทโมรุ : อืม คงปฏิเสธไม่ได้
จุน : นั่นสินะ... ยังไงซะคนอย่างฉัน...
โทโมรุ : แต่ไม่ว่าใครก็ต้องมีคนที่ไม่ถูกด้วยนั่นแหละ เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?
จุน : ...อืม
[—ไม่กี่วันต่อมา]
จุน : แฮ่ก... แฮ่ก... ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย...
ไหนว่าฝนจะไม่ตกไง!? จนถึงเมื่อกี้ฟ้ายังสว่างอยู่เลยแท้ๆ ไม่ใช่เหรอ!?
เฮือก เฮือก... อุ โชคร้ายจริงๆ... อะ หวา!?
เจ็บๆๆ... ทำไมถึงได้มีขวดเปล่าอยู่ตรงนี้ล่ะ... ว่าแต่ทำไมรู้สึกคุ้นๆ ——
...อึก
เรย์จิ : เป็นคนที่ไม่รู้จักเรียนรู้เอาซะเลยนะครับ
จุน : ค... คาราสุมะคุง
เรย์จิ : ......
ผมไม่เข้าใจคุณเลย
จุน : เอ๊ะ?
เรย์จิ : เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย แต่ทำไมถึงได้ปล่อยมือจากทุกสิ่งอย่างกับวิ่งหนีไปกัน?
แต่ทั้งอย่างนั้น ทำไมถึงได้มาข้องเกี่ยวกับดนตรีที่ทิ้งไปแล้วครั้งนึงอีกเพียงเพราะคล้อยตามคนอื่นไป?
จุน : ก... ก็ฉัน...
เรย์จิ : “โชคร้าย” ดูเหมือนคำนี้จะเป็นคำพูดติดปากของคุณสินะครับ
อย่ามาล้อเล่นนะครับ คุณมันโชคดีแค่ไหนแล้ว
แต่กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนกัน
จุน : อึก... ขอโทษ...
เรย์จิ : ทำไมถึงขอโทษล่ะครับ?
ผมตั้งใจจะทำร้ายคุณนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากได้คำขอโทษสักหน่อย
บทสุดท้ายเรย์จิ : ผมตั้งใจจะทำร้ายคุณนะ ไม่ได้ทำเพราะอยากได้คำขอโทษสักหน่อย
จุน : แต่ว่า...
ฉันเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์กับคนอื่นเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไรอยู่แล้ว... ดีแต่จะทำให้คนรอบข้างหงุดหงิด... เลยคิดว่ากับคาราสุมะคุงเองก็...
ขอโทษ... ที่ทำให้ต้องทำหน้าแบบนั้นนะ...
เรย์จิ : ...อึก
——————————————
??? : ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
นี่เป็นความฝัน แค่กำลังฝันดีมากๆ ก็เท่านั้น แต่สักวันก็จะตื่นขึ้นมาจากฝัน พ่อเองก็เคยพูดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ?
เพราะงั้นขอร้องล่ะ... อย่าร้องไห้ขนาดนั้นเลยนะ... เรย์จิ
เรย์จิ : ถึงอย่างนั้นผม—— ก็ไม่อยากให้คุณล้มเลิกความฝันนั้นไปเลย
——————————————
เรย์จิ : ......
คนแบบคุณสินะครับที่เรียกว่า “คนอ่อนแอ”
...”คนอ่อนแอ” น่ะ ไม่ว่าเมื่อไรก็จะเป็น “ฝ่ายที่ถูกเอาเปรียบ” เสมอ
...ผมไม่คิดจะเป็น “คนอ่อนแอ” แบบคุณอีกต่อไปแล้ว
เพราะผมจะเป็น “ฝ่ายที่เอาเปรียบ” เอง เพราะฉะนั้น ——
ถ้าไม่อยากโดนเอาเปรียบก็อย่ามาเข้าใกล้ผมหรือ εpsilonΦ อีก
——————————————
แกร่ก
เรย์จิ : ......
ทาดะโอมิ : กลับมาแล้วเหรอ เรย์จิคุง
เรย์จิ : อา
ทาดะโอมิ : ...เรย์จิคุงทำหน้าเหมือนก่อนหน้านี้เลย เจอกับซุซากิซังมาอีกเหรอ?
เรย์จิ : นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ... สังเกตมนุษย์น่ะหัดเพลาๆ ลงซะบ้าง
ไปสืบคนอื่นแล้วบางทีอาจจะไปรู้แม้แต่สิ่งที่ไม่อยากรู้ก็ได้
ทาดะโอมิ : สิ่งที่ไม่อยากรู้นี่คือ?
เรย์จิ : ...ในครั้งแรกที่เห็นคนล้มก็ได้ยื่นมือออกไป แต่ในครั้งที่สองกลับไม่ได้ทำแบบนั้น
ในครั้งแรกก็แค่ทำเป็นใจดี แต่ครั้งที่สองคือตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง——
...แต่ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนก็คงยื่นมือออกไปอย่างไม่ลังเลเลยสินะ
(ตั้งใจใส่หน้ากากไม่รู้กี่ชั้นเพื่อปกปิด “ตัวเองที่แท้จริง”)
(แต่ไม่รู้เมื่อไรที่หนึ่งในหน้ากากนั้นกลับกลายมาเป็น “ตัวเองที่แท้จริง” แทน)
(—— พี่ ผมคงไม่สามารถกลับไปเป็น “ตัวผมเมื่อก่อน” ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ)
ไม่ได้อยากรู้เลยแท้ๆ
ทาดะโอมิ : แปลกจังเลยเนอะ... ที่เรย์จิคุงแสดงด้านอ่อนแอให้เห็น
เรย์จิ : ...อาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากคนที่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอก็เป็นได้
(...ไม่ควรไปเตือนแบบนั้นด้วยสินะ)
วันไหนฝนตกแล้วรู้สึกไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ
ทาดะโอมิ : โอเคไหม?
เรย์จิ : ไม่มีปัญหา
ฉันไม่คิดจะให้ความฝันต้องจบลงแค่ฝันหรอก
เพื่อการนั้นแล้ว ฉันจะทำให้ εpsilonΦ ชนะ LR Fes ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in