เราเลือกไปเชียงใหม่กันด้วยรถทัวร์ทั้งไปกลับเลย จริง ๆ ตอนแรกกะจะไปรถไฟกัน เพราะมีเพื่อนไม่เคยเคยขึ้นรถไฟด้วย แต่เพราะเราจองตั๋วกันช้า เวลาที่เราอยากได้มันเต็มหมดแล้ว หวยเลยมาออกที่สมบัติทัวร์ ค่าตั๋วไปกลับ 1539 บาท เลือกที่นั่งแบบ VIP เพราะว่าจะได้นั่งสบาย ๆ กัน แถมเราออกเดินทางตอนเย็น ๆ กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็เช้าพอดีจะได้เที่ยวต่อเลย
เราออกเดินทางกันประมาณ 1 ทุ่ม แต่เรากะเวลาผิดเลยถึงเชียงใหม่กันเร็วกว่าที่คิดไว้ ก็คือ ตี 4 ครึ่ง เลยไปหาอะไรกินกันที่ Mc แล้วหาว่าข้อมูลว่าเช้า ๆ แบบนี้เราจะไปที่ไหนกันได้บ้าง
แล้วก็มีคนแนะนำว่า ตอนเช้า ๆ ให้ขึ้นไปดอยสุเทพกัน เพราะไปกลับใช้เวลาไม่นาน ก็เลยเดินไปหารถแดงแล้วถามราคาขึ้นไปกัน ตกคนละ 120 บาท
หลังจากลงมาจากดอยสุเทพ เราก็แวะเอากระเป๋ากันไปฝากที่โฮสเทลก่อนแล้วเรียก Grab ออกไปหาข้าวกินกันแถวนิมมาน
เป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น ส่วนใหญ่เป็นอาหารเช้าพื้นเมืองของคนที่นี่ ตั้งแต่เมนูไข่กระทะ ข้าวต้ม ข้าวต้มแห้ง ขนมปังสังขยา ส่วนเมนูน้ำจะมีตั้งแต่กาแฟไปจนถึงน้ำสมุนไพรต่าง ๆ
P.S.
สาขาแรกของร้านชาไข่มุกเจ้าดังในสยามที่คนเยอะไม่แพ้ในกรุงเทพฯ เลย แน่นอนว่าสาขานี้เมนูเยอะกว่า ทั้งเมนูน้ำและเมนูของหวาน แถวในร้านยังมีที่นั่งกับมุมถ่ายรูปอีกด้วย แต่ตอนที่เราไปร้านเพิ่งเปิด ไข่มุกยังต้มไม่ทันเสร็จเลยออกจะวุ่นวายหน่อย ๆ
P.S.
ชื่อร้านเก๋มากพ่อแม่พี่น้อง ร้านนี้ใครชอบคาเฟ่สายอาร์ต แบบว่าต้องการมาเพื่อนเสพงานศิลป์โดยเฉพาะน่าจะพลาดที่นี่ไม่ได้เลย ที่ร้านคนเยอะตลอด แต่ร้าไม่เสียงดังวุ่นวายเลย ใช่ค่ะ ร้านโคตรเงียบ เพราะลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ
P.S.
มาถึงตามเก็บคาเฟ่ถึงเชียงใหม่จะพลาดร้านนี้ไปได้ยังไง เป็นร้านที่มีได้มุมถ่ายรูปหลายเยอะ พร็อพถ่ายรูปในร้านก็เยอะและพื้นในร้านก็เยอะมากเช่นกัน เหมือนมีบ้านเป็นหลัง ๆ ตั้งไว้เพื่อวางโต๊ะกับเป็นมุมถ่ายรูปยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ ส่วนเมนูในร้านจะหนักไปทางกาแฟมากว่าเมนูน้ำอย่างอื่น ส่วนเมนูขนมในร้านจะมีเค้กให้เลือกเยอะ
P.S.
หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่โฮสเทลเพื่อที่จะเช็คอินเข้าห้องพักกัน และนอนพักเอาแรงก่อนจะออกไปถนนคนเดินตอนเย็น
เราไปช่วงตั้งตลาดเสร็จใหม่ ๆ คนยังไม่เยอะมากเดินสบายสุด ๆ และตลอด 2 ข้างทางจะไม่ต่างจาก Night Market ที่อื่นมากนักตั้งแต่พวกเสื้อผ้า กระเป๋าหนัง โปสการ์ด ยาดม ของที่ระลึกต่าง ๆ แต่ของที่แต่ละร้านเลือกมาขายค่อนข้างโอเค แบบของสวย ไม่ใช่สักแต่ว่าจะขายอย่างเดียว เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอคนเล่นดนตรีเปิดหมวก เจอจุดที่รับวาดภาพที่มีหลาย ๆ เจ้ามานั่งเป็นแถวจุดเดียวกันหมดเลย แล้วแต่ละเจ้าก็วาดภาพคนละแบบกันหมดเลย ทั้งวาดภาพเหมือน ภาพล้อเลียน ภาพสีน้ำ ภาพวาดดินสอ หรือภาพวาดเป็นไฟล์จาก iPad ก็มี
เดินมาสักพักก็เริ่มมองหาร้านของกิน โดยจะมีจุดที่มีร้านขายอาหารรวม ๆ กันอยู่ทั้ง 2 ข้างแล้วก็มีโต๊ะให้นั่งกินด้วย แต่ตลอดทางที่เดินมาก็มีร้านขายของกินเหมือนกัน
ปกติไม่ชอบเกี๊ยวซ่าเพราะมันมีไส้ แต่อันนี้ตอนเดินผ่านป้ายร้านแปะไว้ว่า แป้งสดไส้ผัก เลยสั่งมากินชุดนึง อันนี้ต้องยอมอะอร่อยจริงๆ แป้งนุ่มมาก แถมไส้ผักคล้ายกุ้ยช่าย จากใจคนชอบกินแป้งกับชอบกุ้ยช่าย อันนี้คือต้องกินซ้ำ
ทาโกะยากิหมึก อันนี้ของเพื่อนไม่ได้ชิม ตอนมองไปที่เตานี่เห็นหนวดหมึกก่อนเลย ก็คือไม่หวงเครื่อง แถมแถวยาวมากกก ต่างชาติมุงกันเยอะ
เคบับไก่ชอบที่แป้งกรอบๆ หน่อย แถมไอ้ที่เค้าทาบนแป้งตอนย่างก็คือหอมมาก ไก่นุ่มม ก็คือไม่ใช่ของค้างคืน ให้ไก่เยอะจนไส้ทะลักออกมา นึกว่าทาโก้เพราะมันม้วนไม่ได้
P.S.
วันนี้เรานัดกับคนขับรถแดงที่เราเหมาเอาไว้แบบ 2 วัน 1 คืนจากในเพจ ให้มารับที่โฮลเทลตอน 10 โมง แล้วไปที่พักที่ม่อนแจ่มกัน ระหว่างนั้นเลยให้คนขับแวะวัดในเมืองก่อนที่นึง
เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเมืองเลย ตอนเราไปนักท่องเที่ยวมากที่วัดนี้กันเยอะมาก ๆ ต้นไม้เยอะ บรรยากาศร่มรื่นมาก โดยวัดนี้จะมีอุโมงค์เป็นกำแพงยาวอยู่ภายในเลยทำให้เป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง
เป็นร้านที่มีพื้นที่ร้านกว้างมาก มีต้นไม้เต็มร้าน เราเลยจะเห็นพื้นที่สีเขียวเต็มร้านไปหมด ที่ร้านมีทั้งอาหาร น้ำโซดา น้ำสมุนไพรต่าง ๆ แล้วก็เค้กด้วย ตอนเสิร์ฟตกแต่งมากสวยมากกก มีคนถยอยมาที่ร้านเรื่อย ๆ โชคดีที่เรามากันก่อนนิดหน่อยเลยสวนกันกับตอนที่คนเข้าไปเยอะ ๆ ที่ร้านมีโซนที่ถ่ายรูปหลายโซนมาก
รีบลุกกันแต่เช้าเพื่อมาถ่ายท้องฟ้าเปลี่ยนสีตอนเช้ากันโดยเฉพาะ แสงตอนเช้าสีสวยมากและอากาศก็เย็นมากเช่นกัน
ที่พักมีอาหารเช้าให้ด้วยยย เป็นพวกข้าวต้ม ขนมปังปิ้ง โอวัลติน กาแฟ บริการตัวเองได้เลยตรงจุดที่เค้าตั้งโต๊ะไว้ให้
P.S.
พอเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักพี่คนขับรถเค้าก็จะพาเราไปที่แปลงดอกไม้ที่เป็นจุดถ่ายรูปของม่อนแจ่ม โดยจะมีค่าเข้าไปตรงส่วนของแปลงดอกไม้คนละ 20 บาท
P.S.
หลังจากที่ถ่ายรูปกันที่แปลงดอกไม้กันจุใจแล้ว เราก็มาต่อกันที่ไร่องุ่นกันต่อ ที่ไร่นี้จะมีแปลงองุ่นเล็ก ๆ มีร้านกาแฟ มีสวนดอกไม้ให้แวะเข้าไปถ่ายรูปได้
ที่นี่เราจะเสียค่าเข้าตามราคาของรถที่เข้าไปข้างในเลย ของเราเป็นเหมารถแดงเข้าไป หารค่าเข้าแล้วตกคนละ 57 บาท (เราไปกับเพื่อน 6 คน)
ที่นี่จะมีหลายโซนมากกกก กว้างแบบต้องนั่งรถไปในแต่ละจุด เพราะเดินไม่ไหวแน่นอน และในแต่ละโซนก็จะมีมุมถ่ายรูป มีดอกไม้ ต้นไม้ต่างกันออกไป ตอนเรานักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แถมยังเจอน้องประถมมาทัศนศึกษาที่สวนวันนั้นพอดีเลยด้วย
สำหรับใครที่ชอบต้นกระบองเพชรมาก ๆ เราว่าต้องถูกใจเรือนกระจกอันนี้มาก ๆ เพราะในนี่จะมีต้นกระบองเพชรอยู่เยอะมากกกก
ที่นี่มีค่าเข้าไปที่น้ำตกด้วยนะ เราไม่ชัวร์ว่าตอนนั้นที่จ่ายไปเค้าคิดเป็นรายคนหรือคิดเป็นราคาเหมาของรถที่เข้าไป จะตกคนละ 25 บาท แล้วที่นี่ก็เป็นที่สุดท้ายที่แวะมาก่อนกันที่เราจะไปหาอะไรกินนนน วันที่เราไปโชคดีอีกแล้วที่คนไม่เยอะ 55555555555 ตรงที่จอดรถจะมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่เยอะแยะมาก แล้วก็จะมีแม่ค้าออกมาเรียกลูกค้าเข้าไปที่ร้านตัวเองกันเยอะมากด้วย แล้วที่นี่ก็มีบริการเช่าเสื่อกับกระติกน้ำแข็ง แล้วก็ยังสามารถสั่งอาหารแล้วถือใส่ตะกร้าขึ้นไปนั่งกินข้าวที่ริมน้ำตกได้อีกด้วย
เห็นแบบนี้กว่าจะเดินถึงจนสุดทางก็คือหมดสภาพกันเลยนะ เดินขึ้นน้ำตก 10 ชั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย เพราะระหว่างทางก็คือร้อน ร้อนมาก 5555555555555555555 แต่พอมาถึงน้ำตกชั้นสุดท้ายอากาศกำลังเย็น ๆ ดี มีละอองน้ำจากน้ำตกกระเด็นขึ้นมาด้วย
P.S.
เราแวะมากินข้าวมื้อเย็นที่ร้านนี้กันก่อนที่พี่คนขับรถจะไปส่งเราแถว ๆ บขส. ตอนเย็น ตอนเราไปโชคดีมากที่คนไม่เยอะ เลยเข้าไปสั่งอาหารกันที่เคาน์เตอร์ ระหว่างที่รออาหารมาสามารถไปถ่ายรูปเล่นในบริเวณร้านได้เลย เพราะพื้นที่ของร้านค่อนข้างกว้างมาก ๆ ด้านนอกเป็นสวน มีต้นไม้เยอะ ๆ และแน่นอนว่ามุมถ่ายรูปก็เยอะเหมือนกัน
และแน่นอนว่านอกจากเราที่เราหาอะไรกินแล้ว เราก็แทบจะไม่ได้ลุกออกไปถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ร้านกันเลย ส่วนเหตุผลก็เพราะว่า
ใช่ค่ะ เพราะน้องแมวของที่ร้าน น้องไม่กลัวคนเลยยย ไม่เลยสักนิด พอนั่งลงที่โต๊ะสั่งอาหารกันเสร็จ น้องก็เดิน ๆ มาเล่นที่โต๊ะแล้ว เป็นแมวที่ขี้เล่นมาก ๆ แล้วดูหน้าน้องสิ ดูน้องงงงงงงง
และตอนที่เราเช็คบิลกันเสร็จแล้วกำลังเดินไปขึ้นรถกัน ไอ้แสบสองตัวนี่ก็เดินตามไปส่งถึงที่รถเลย แต่น้องไม่ได้เดินมาส่งเฉย ๆ น้องเดินตามมาเลยต่างหาก เรากับเพื่อนเลยต้องอุ้มน้องเข้าไปส่งในร้านแล้วบอกพี่เจ้าของร้านว่า พี่คะ น้องตามออกไปที่รถด้วยค่ะ 555555555555555555555 พี่เจ้าของร้านเค้าเลยหัวเราะแล้วรับไอ้ตัวแสบสองตัวเข้าไปเก็บไว้หลังเคาน์เตอร์
สุดท้ายนี้ขอจบทริปเชียงใหม่สวย ๆ ด้วยรูปถ่ายกิจกรรมที่เพื่อนตื่นเต้นกันมากที่สุดในทริปนี้...
สุดท้ายนี้เราจะมาสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอด 5 วัน 2 คืน (ไม่นับคืนที่นอนกันบนรถทัวร์ตอนขาไปกับขากลับ) เราตั้งใจเอาไว้ว่าทริปนี้เราจะใช้ไม่เกิน 5400 บาท
ค่าตั๋วรถทัวร์ไปกลับ - 1539 บาท
ค่าเช่ารถแดง - 584 บาท
ค่าที่พักคืนที่ 1 (The Blooom Hostel) - 300 บาท
ค่าที่พักคืนที่ 2 (The Best Camp) - 600 บาท
ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
Day 1 - 143 บาท
Day 2 - 1068 บาท
Day 3 - 445 บาท
Day 4 - 667 บาท
Day 5 - 62 บาท
รวมแล้วคือ 2385 บาท
Total : 5408 บาท
Status : เกิบงบ (นิดนึง)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in