เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Hearts Collidethanyakorn4834
1
  • "เกลเลิร์ตกรินเดลวัลด์"

     

    เมื่อสิ้นสุดเสียงแนะนำตัวคนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ย้ายตัวเองมาทิ้งตัวลงตรงโต๊ะใกล้ๆเขา เสียงดังจากเก้าอี้เรียกความสนใจจาก อัลบัส ดัมเบิลดอร์ที่ก้มหน้าอ่านหนังสือให้เงยขึ้นมองผู้มาใหม่  

     

    เด็กหนุ่มผมแดงสังเกตคนโต๊ะข้างๆจากหางตา ผมสีทองสว่าง ใบหน้าคมกับท่าทางนิ่งๆที่เกือบจะเรียกได้ว่าสงบนั้นดูมีเสน่ห์แปลกๆยังไงชอบกล

     

     อ้อ! และเหมือนเจ้าตัวคงจะชอบสีดำหรือเปล่านะ?

     

    พลันนัยน์ตาสีฟ้าก็หันมาสบเข้ากับของเขา อัลบัสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังทำพฤติกรรมที่เสียมารยาทอยู่ แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้เอ่ยคำขอโทษเขากลับเห็นอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ไม่ดังมากจากอีกฝ่าย

     

    อัลบัสรีบหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความอายเกินจะทน พอดีกลับที่อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาแล้วเริ่มการสอนจากนั้นเขาก็ทำเป็นไม่สนใจเด็กใหม่คนนี้อีกเลยตลอดชั่วโมงประวัติศาสตร์

     

     

     

    เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

     

     

    เพราะตลอดชั่วโมงอีกฝ่ายเอาแต่จ้องเขาน่ะสิ! ก็ไม่รู้หรอกว่าถูกจ้องจริงๆหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่านัยน์ตาสีฟ้าจะหันมาทางเขาบ่อยเกินไปแล้ว

     

    หรืออีกฝ่ายเคืองที่เขาทำกริยาไร้มารยาทแบบนั้นใส่อัลบัสเองก็ไม่ได้เอ่ยปากขอโทษเสียด้วย

     

    อึดอัดชะมัด!!

     

     

     

    "คุณกรินเดลวัลด์"

     

    แต่เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเขาเมื่อมิสเตอร์บรันช์อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์เรียกชื่อเจ้าของดวงตาสีฟ้าอย่างกระทันหัน

     

    เจ้าตัวเองก็ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด เพียงหันหน้ากลับไปยังทิศทางที่มิสเตอร์บรันช์ยืนอยู่

     

    "ครับ"  เสียงทุ้มต่ำที่ตอบกลับไปทำให้เพื่อนผู้หญิงในคลาสหันกลับมามองไม่น้อย

     

     

    มันขนาดนั้นเลยหรอ?

     

     

    ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ เกลเลิร์ตกรินเดลวัลด์ อัลบัสเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

     

    พอลองได้สังเกตตรงๆแล้วเจ้าตัวดูแบดไม่น้อย ห่วงสีเงินอันจิ๋วที่อยู่ตรงหูและจมูกนั่่นบอกได้เป็นนัยในความคิดของอัลบัส

     

     

    "คุณพอจะบอกอะไรเราเกี่ยวกับเรื่องของคอนสแตนติน (Constantine)ได้บ้างไหม"

     

     

    "....."

     

     

    "อะไรก็ได้"

     

     

    เหมือนกับว่าทุกคนพร้อมใจกันเงียบและรอคอยคำตอบที่จะออกมาจากปากของกรินเดลวัลด์

     

     

     

     

    "ผมรู้ว่าแค่ว่าพระองค์ย้ายเมืองหลวงจากโรมไปไบแซนติอุม(Byzantium) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น'คอนสแตนติโนเปิล' (Constantinople) ตามพระนามของพระองค์" เขาค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะตอบด้วยท่าทีที่ดูเหนื่อยหน่ายแต่ยังคงความนิ่งและสุภาพเอาไว้ได้เพราะสำหรับเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ แล้ววิชาประวัติศาสตร์นั้นมันช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกิน  เขาไม่ชอบมันและคิดว่าคงไม่มีวันชอบ

     

     

     

    หลังสิ้นเสียงทุกคนในคลาสพากันหันไปหามิสเตอร์บรันช์ หวังจะได้คำเฉลยจากเธอ

     

    และคำตอบที่ได้ยินก็ทำให้ทุกคนในห้องต้องถอนหายใจโล่งอกออกมาแทบจะพร้อมกัน

     

     

    "นั่นดีมากคุณกรินเดลวัลด์"  มิสเตอร์บรันช์ยิ้มให้เด็กหนุ่มเล็กน้อยมองดูแล้วอารมณ์ดีกว่าทุกวัน

     

     

     

    จะไม่ให้ลุ้นได้ยังไงในเมื่อคุณครูของพวกเขาเล่นถามนักเรียนที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่อย่างไม่มีปี่มีคลุ่ยขึ้นมาอีกเเล้วน่ะสิ  จะว่าชินก็ไม่เชิง เพราะทุกครั้งที่มีเด็กย้ายเข้ามามิสเตอร์บรันช์จะเริ่มถามคำถามพวกเขาเหมือนเป็นการรับน้องอย่างไรอย่างนั้นและดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นอีกคนที่ทำให้เธอประทับใจไม่น้อย

     

    กรินเดลวัลด์พยักหน้าให้เธอเป็นเชิงขอบคุณครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งลงแล้วเอามือขึ้นมาเท้าคาง

     

     

    "มีใครอยากจะเสริมอะไรต่อจากคุณกรินเดลวัลด์ไหม"

     

     

    จะว่ายังไงดีล่ะถึงอาจารย์จะถามกลับมาแบบนั้น ก็คงจะไม่มีใครอยากที่จะลุกขึ้นมาตอบหรอกเพราะหากตอบผิดขึ้นมาหัวข้อบทสนทนาต่อไปที่นักเรียนจะได้ยินไปตลอดสองอาทิตย์ก็คงจะมีแต่เรื่องของคอนสแตนตินเป็นแน่

     

     

    แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้อัลบัสยกมือขึ้นท่ามกลางความเงียบ

     

    มิสเตอร์บรันช์มองลอดแว่นอันกลมเล็กๆของเธอมาที่เขา

    "มิสเตอร์ดัมเบิลดอร์"  และแน่นอน เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องรวมถึงเกลเลิร์ต กรินเดลวัลดที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่อัลบัสไม่สนใจสายแต่พวกนั้นเขามองตรงไปหน้าชั้นเรียน ก่อนเอ่ย

     

    "ครับ  ในปีค.ศ. 312-337คอนสแตนตินรวมจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิเดียวกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งและย้ายเมืองหลวงจากโรมไป ไบแซนติอุม (Byzantium) เปลี่ยนเรียกชื่อใหม่ว่า'คอนสแตนติโนเปิล' (Constantinople) ตามพระนามของพระองค์ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบุลโดยเจตนาจะให้เป็นศูนย์กลางของการปกครองดินแดนทั้งภาคตะวันตกและตะวันออกครับ"เขาเว้นจังหวะนิดหน่อยเพื่อพักหายใจก่อนจะพูดต่อ

     

    " แต่ทั้งนี้กลับทำให้ประชาชนเริ่มรู้สึกแบ่งแยกทางจิตใจทางตะวันตกซึ่งมีอิตาลี สเปน โลกยังยึดอารยธรรมโรมันอยู่ (Romanization) แต่ทางตะวันออกซึ่งมีคอนสแตนติโนเปิล และเอเชียโมเนอร์ต่างรับอารยธรรมกรีก(Hellenization) และเมื่อคอนสแตนตินประกาศ 'กฤษฎีกาแห่งมิลาน' (Edict of Milan) แล้วคริสตศาสนาก็สามารถเผยแพร่ในอาณาจักรโรมได้"  พูดจบอัลบัสก็นั่งลง ไม่สนใจรอบข้างอีก

    เขาก้มหน้ามองหนังสือที่เต็มไปด้วยลอยปากกาและไฮไลท์สีพาสเทลซึ่งมองดูแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายตามากขึ้นทีเดียว

     

    "นั่นเป็นคำตอบที่เยี่ยมมากเลยคุณดัมเบิลดอร์น่าประทับใจที่สุด" คงไม่ต้องบอกหากจะถามว่าศิษย์คนโปรดของเธอคือใคร เพราะเขาเป็นเด็กอีกคนที่ตอบคำถามวิชามิสเตอร์บรันช์ได้ในตอนที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว  นั้นทำให้บรันช์นึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่เด็กชายผมแดงลุกขึ้นตอบคำถามของเธอด้วยความเขินอายบวกกับความไม่มั่นใจในตนเองที่ทำให้คุณครูประจำวิชาประวัติศาสตร์นึกเอ็นดูเขาขึ้นมา

     

    แต่สิ่งที่ทำให้มิสเตอร์บรันช์ชอบอัลบัสคือ ความกล้าต่างหาก

     

    เพราะคำตอบที่เด็กน้อยพูดออกมาในตอนนั้นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสียหน่อย แต่อัลบัสกลับกล้าที่จะพูดมันออกมาและครั้งนี้เขาทำให้เธอเห็นพัฒนาการที่มากขึ้นไม่น้อย

     

     นักเรียนส่วนใหญ่ที่เธอเคยเจอมักจะไม่ค่อยสนใจเรียนวิชาประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่นัก ก็แน่ล่ะมิสเตอร์บรันช์รู้ดีว่ามันเป็นวิชาที่น่าเบื่อบวกกับต้องใช้ความจำและความเข้าใจอีกด้วย  เวลาเธอเปิดโอกาสให้นักเรียนได้พูดในเรื่องที่จะสอนนักเรียนมักจะไม่ค่อยลุกขึ้นมาพูดถึงเรื่องราวในอดีต  บรันช์เองก็ไม่ค่อยเข้าใจเด็กสมัยนี้เอาเสียด้วยสิ

     

    แต่อัลบัสมักจะมาให้เธอสอนเรื่องราวต่างๆให้เขาอยู่เสมอๆ  เธอเชื่อว่าสักวันเด็กคนนี้อาจจะเป็นแรงบัลดาลใจให้เพื่อนๆในคลาสสนใจเรียนวิชานี้ขึ้นมาบ้างก็ได้

     

    แม้ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปก็ตาม

     

    เธอเริ่มสอนต่อทุกคนกลับไปสนใจหนังสือบนโต๊ะของตนอย่างตามเคยแต่กลับมีเพียงนัยน์ตาสีฟ้าที่ยังคงมองเด็กหนุ่มผมแดงด้วยความสนใจ

    เจ้าตัวเองก็คงรู้สึกตัวว่ากำลังถูกมองจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาเขาเสียทีแอบเห็นสีแดงฝาดที่หูของคนผมแดงเสียด้วยสิ

     

     

    แหม่ เกลเลิร์ตชักจะเริ่มสนใจเรียนวิชาเรียนประศาสตร์ขึ้นมาเสียแล้ว

     

     

    .................................

     

     

     

    มันขนาดนั้นเลยหรอ?

     

     

    ที่ว่าน่ะ.....

     

     

    ใช่ มันขนาดนั้นเลยแหละ

     

     

    เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเด็กที่คงแก่เรียนนัก แต่กลับโปรดปรานวิชาคณิตศาสตร์มากกว่าวิชาอื่น  พูดง่ายๆก็คือ มันเป็นวิชาที่เขาชอบที่สุด

     

    อาจเพราะว่าคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีตัวเลขเป็นอนันต์ สูตรตายตัวที่ไม่เคยบิดเบือน แต่กลับทำให้ผู้คนที่หาคำตอบกันแถบตายต้องเครียดจนหัวฟู เพราะสุดท้ายก็ได้ออกมาไม่เหมือนกัน มันเป็นวิชาที่เรียกได้ว่าละเอียดอ่อน ต้องใช้ความใจเย็นและมีสมาธิถึงจะตีโจทย์ข้อนั้นให้แตก  ซึ่งเกลเลิร์ตคิดว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายเขาเสมอเวลาได้เรียนวิชานี้

     

     

    แต่ไม่ใช่กับอัลบัส

     

     

    เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ชอบวิชาที่มีตัวเลขมันยุ่งเหยิงแถมเข้าใจยาก กฎและข้อห้ามสารพัดข้อที่อ่านไปก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้

     

    เขาเคยพยายามตั้งใจเรียนเเล้ว สาบานได้!

    ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย คะแนนเขาก็ยังคงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานอยู่ดี

     

    เข้าขั้นเลวร้ายเลยล่ะ

     

    "ข้อนั้นต้องเป็นทศนิยมต่างหาก"  เสียงทุ้มต่ำที่ดังใกล้ๆทำให้อัลบัสต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มผมทองข้างตนเองซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังชะโงกมองแบบฝึกหัดวิชาเลขที่เขาทำอยู่

     

     

    "เอ่อ..."เขาไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่ายังไงดี

     

     

    "ลองใช้สมการสิเสร็จแล้วค่อยเอาไปแทนค่า แล้วจับพวกมันมารวมกันอีกที"  ดูท่าแล้วยิ่งพูดยิ่งทำให้หนุ่มผมแดงมึนเข้าไปใหญ่เกลเลิร์ตจึงย้ายตัวเองมาที่โต๊ะของอัลบัส แย่งดินสอในมือของอีกฝ่ายมาก่อนจะทำให้ดูอย่างถือวิสาสะ

     

    เนื่องจากลูกสาวของอาจารย์ที่สอนคณิตศาสตร์ป่วยกะทันหัน  ท่านจึงรีบออกไปก่อนที่วิชาแรกจะเริ่มเสียอีก  แต่ก็มิวายทิ้งการบ้านให้นักเรียนทำเล่นในชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ก็นั่งไม่ติดที่หรอก. ออกไปนั่งเล่นกันที่สนามกันเกือบหมดห้องแล้วตอนนี้  มันน่า..ดีใจเสียจริงๆ

     

     "ดูนะ นายเอาเลขของด้านนี้มาแทนก่อน จากนั้นก็เอาไปแก้สมการ แล้วก็..."

     

     

     มือของกรินเดลวัลด์ทั้งใหญ่แถมยังขาวซีด  ดูท่าน่าจะใหญ่กว่ามือของเขาเสียอีก ที่หลังนิ้วยังมีรอยสักรูปหััวกะโหลกอยู่ด้วย  อัลบัสไล่สายตาไปตามมือและนิ้วเรียวทั้งสองข้างที่ประดับไปด้วยแหวนสองสามวงที่เจ้าตัวใส่อยู่ แต่เหมือนว่าวงที่นิ้วชี้ข้างซ้ายจะใหญ่เป็นพิเศษ มีอักษรย่อตัว'G 'สลักอยู่บนนั้น คงจะมาจากชื่อของตัวเองล่ะมั้ง

     

     

    "...เท่านี้เองนายก็ได้คำตอบแล้ว"  สิ้นเสียงของอีกฝ่ายอัลบัสดุ้งเล็กน้อย พึ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้ฟังสิ่งที่กรินเดลวัลด์พูดเลยแม้แต่น้อย

     

    "เอ่อ ขอโทษนะฉัน..ไม่ได้ฟังน่ะ" เขาเป็นคนโกหกไม่เก่ง ซึ่งในเมื่อเป็นแบบนั้น พูดความจริงเสียจะยังดีกว่า ถึงแม้มันจะดูทำร้ายจิตใจคู่สนทนาไปบ้างก็ตาม

     

     

    "...."  เอ่อ...แต่พอมานึกดูอีกที โกหกบ้างก็ดีเหมือนกันนะอัลบัสดัมเบิลดอร์

     

     

    "คือว่า ขอโท-"

     

     

    "หึ นายนี่ซื่อดีนะ. สนใจแหวนวงนี้ขนาดนั้นเลยหรอ"  ไม่พูดเปล่ายังยกมือข้างที่สวมแหวนวงใหญ่ขึ้นมาตรงหน้าเขาอีกด้วย

     

     

     

    "ก็..เปล่าสักหน่อย" พูดพลางเบนสายตาไปอีกทาง โอเค โกหกครั้งที่หนึ่ง คงไม่เป็นไรคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก

     

    "นายโกหกไม่เก่งนะอัลบัส"  เห็นไหมล่ะ นายมันโง่เง่าที่สุด อัลบัส  ดัมเบิลดอร์!!  อีกอย่างเขาอยากจะถามเหลือเกินว่าอีกฝ่ายรู้ชื่อของเขาได้ยังไงแต่ตอนนี้เขาอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป

     

     

     

    "......"

     

    "นายดูไม่ชอบคณิตฯนะ"  อยู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา  อัลบัสเบนสายตากลับมามองก็เห็นว่าอีกคนกำลังก้มหน้าคิดเลขในแบบฝึกหัดของเขาอยู่

     

     

     

    "ทำไมล่ะ?" เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เพียงตั้งคำถามพร้อมกับมือที่เขียนยุกยิก

     

    ….

     

     

    "มันวุ่นวายน่ะ ฉันคิดเท่าไหร่มันก็ไม่เคยได้คำตอบที่ถูกต้องเสียที  มันทั้งซับซ้อนและยากเกินกว่าที่ฉันจะเข้าใจได้"  เขาตอบออกมาตามความรู้สึกของตัวเองไม่ปิดกั้นใดๆ ไม่เสแสร้งว่ามันง่าย ไม่โกหก

     

     

    เกลเลิร์ตสัมผัสถึงความจริงใจของหนุ่มผมแดงได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายตรงๆ แปลกก็ตรงที่ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้หลบสายตาเขาเหมือนครั้งก่อนๆ นัยน์ตาสีฟ้าสองคู่สบกันต่างอารมณ์ ต่างความรู้สึก ก่อนที่เกลเลิร์ตจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

     

     

    "เย็นนี้ ... หลังเลิกเรียน  นายว่างหรือเปล่า?"  เสียงทุ้มแผ่วเบาดังออกมาจากคนผมทอง

     

     

     

    "......"

     

    "นายพอจะติววิชาประวัติศาสตร์ให้ฉันหน่อยได้มั้ย" มันเหมือนประโยคคำสั่งเสียมากกว่าประโยคขอร้อง อาจเป็นเพราะดวงตาที่จ้องมาที่เขาของอีกฝ่ายก็ได้ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น

     

    "แล้วฉันจะสอนโจทย์ปัญหาให้นายเอง" 

     

    มันก็ดูแปลกใหม่ดีนะสำหรับเขาที่ไม่คิดจะสอนใครและให้ใครสอน นอกจากน้องๆของเขาแล้ว

    อัลบัสใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลงกับข้อเสนอของเพื่อนคนใหม่

     

     

    "อืม เอาสิ กรินเดลวัลด์ "

     

     

    "ไม่ เกลเลิร์ต แค่เกลเลิร์ต"

     

     

    "อืม เกลเลิร์ต"

     


    มันก็ขนาดนั้นจริงๆนั่นแหล



    ................................

    To be continued  . 


     หรือเปล่านะ5555

    เป็นAUกาวๆ ค่ะ จะเบลอๆนิดนึงนะคะ ถาอ่านไม่รู้เรื่องต้องขอโทษด้วย555เบลอจริง


    หากผิดพลาดอะไรตองขอโทษด้วยนะคะ ///



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Tawan Samaporn (@fb8970629737970)
เขินนนนนนนนนนนนนนน