สงกรานต์ปีนี้นับเป็นวันหยุดยาวครั้งแรกหลังจากที่กลับมาทำงานประจำ ผมพยายามวางแผนที่จะทำให้ได้ทุกอย่างในหยุดยาวครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมญาติ ไปเล่นน้ำกับเพื่อน ปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยง อ่านหนังสือ ดูหนังและดูซีรีส์ที่ค้างคาเอาไว้
แต่ก็นั่นแหละครับ ความเป็นจริงมักสวนทางกับสิ่งที่คิดไว้เสมอ
ผมทำได้เพียงแค่ไปเยี่ยมญาติที่ปากช่อง ดื่มเบียร์กับเพื่อน และนอนอ่านหนังสืออยู่บ้านเท่านั้นเอง แม้จะไม่ได้ครบตามที่ต้องการ แต่วัดจากความสุขหลังอ่านหนังสือเล่มต่างๆ จบ ผมก็คิดว่าช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา (และกำลังจะหมดไป) ของผมนั้นคุ้มค่าแล้วล่ะ
เดียวดายใต้เงาจันทร์: โก้วเล้งรำพัน
โลกหมุนไปวันวัน
เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล
สิทธารถะ
คือจำนวนหนังสือทั้ง 4 เล่มที่ผมอ่านจบในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา บางเล่มอ่านระหว่างเดินทาง บางเล่มอ่านตอนรอเพื่อนที่ร้านเหล้า และบางเรื่องทุ่มสมาธิตั้งใจอ่านอยู่บ้านไม่ไปไหนเพราะไม่อยากพลาดใจความสำคัญและประเด็นอันลุ่มลึกจากตัวหนังสือ
บางเล่มพาเราไปรู้จักกับโลกของมิตรภาพ สุรา ปรัชญาชีวิต บางเล่มพาไปเจอกับโลกใหม่ของโสเภนี ชายผู้พยายามฆ่าตัวตาย และจิ้งจก บางเล่มพาเราเข้าไปในความสงบของแม่น้ำที่มอบบทเรียนอันล้ำค่ามากมายรอให้เราตักตวงไม่รู้จบ
ถ้าหากเป็นช่วงเวลาที่ทำงานไม่ประจำ แค่อ่านหนังสือจบหลายๆ เล่มก็คงไม่น่ายินดีอะไรเท่าไหร่เพราะมีเวลาค่อนข้างเหลือเฟือ แต่หลังจากที่ทำงานประจำ จำนวนเล่มหรือหนังสือที่เลือกอ่านก็น้อยลงไปมากทีเดียว ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้แม้ไม่ได้ชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำ แต่ก็ได้เพลิดเพลินไปกับกระแสธารของตัวอักษรก็ไม่เลวเหมือนกัน
พักหลังมานี้ผมมักจะไม่เอาหนังสือไปใส่ปกเหมือนแต่ก่อน อย่างแรกเพราะความไม่สะดวก แต่อีกปัจจัยหนึ่งก็คือผมชอบสัมผัสหน้าปกอย่างที่มันควรจะเป็น เพราะหนังสือบางเล่มที่เลือกเฟ้นกระดาษสำหรับปกอย่างดีให้ผู้อ่านได้เสพอรรถรสยามสัมผัสด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นการเข้าถึงหนังสืออีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ในตอนนี้ (คงได้เล่าอีกทีตอนเขียนถึงหนังสือ สิทธารถะ เพราะมันทำให้ผมเข้าใจความคิดนี้มากขึ้นเลย)
มันจึงเป็นวันหยุดที่เราปล่อยตัวปล่อยใจไปกับตัวอักษร ใช้เวลาทุกๆ วันไปกับการอ่าน อ่านอย่างหิวกระหาย อ่านอย่างละโมบ อ่านอย่างคนเพิ่งเจอขุมสมบัติล้ำค่า
ผมไม่อยากให้วันหยุดหมดไปเลย.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in