เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
fictober 2018sleepy cat
1. poisonous: ขอติดตามพิษ-สวาททุกชาติไป
  • “กุดเอ๊ย กุด มากินข้าวนะลูก”
    แมวลายสลิดอ้วนท้วนขนเป็นมันตัวหนึ่งค่อยๆ นวยนาดออกมาจากมุมพงหญ้าราวราชา หางกุดสั้นส่ายไปมา หญิงชราร่างผอมแกร็นยิ้มละไม “เที่ยวเพลินเชียวนะลูก” เจ้าแมวลายร้องหง่าวรับขณะที่นางลูบหัวลูบหลังลูกชายตัวโปรด ที่ยอมให้กอดหอมได้ครู่เดียวก็หันไปหาชามข้าวสมกับที่แม่เรียกหา
    หญิงชราไม่ได้มีฐานะ แต่เพื่อเจ้าลูกชายสี่ขาที่มาเยี่ยมเยียนนางบ่อยยิ่งกว่าลูกชายแท้ๆ แล้ว นางยอมปรนเปรอมันอย่างถึงขนาด ทุกเช้าต้องไปตลาด ซื้อปลามาต้มแกะให้เจ้ากุดกิน เคยให้อาหารเม็ดก็ไม่โปรด แค่วันหนึ่งๆ ก็เสียค่าปลาไปร่วมร้อยบาท แต่นางก็ไม่เคยปริปากบ่น ในเมื่อเห็นเจ้ากุดกินได้ อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นางก็พลอยมีความสุขไปด้วย
    ช่วงนี้นางยิ่งอารมณ์ดี เนื่องจากในตลาดมีแม่ค้าหน้าใหม่ขายปลาถูกกว่าเคย นางบรรจงต้มแกะสุดฝีมือ ไม่มีแม้แต่ก้างย่อยให้ระคายปาก เจ้าตัวโปรดก้มหน้าก้มตากินจนเกลี้ยงถาด ก่อนจะเดินวางมาดร้องหง่าวๆ จากไป เจ้ากุดของนางชักจะเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ไม่รู้คืนนี้จะไปเที่ยวไหน แสงผีตากผ้าอ้อมเริ่มหม่นมัวซัว นางเก็บถาดข้าวล้างสะอาดก่อนจะเข้าเรือนไป
    แต่ผ่านไปสามวัน เจ้าลูกชายก็ยังหายจ้อย เรียกเช้าเรียกเย็นก็ไม่กลับมา นางก็ซื้อปลามาคอยอยู่ทุกวัน วันนี้ยิ่งหนัก แม่ค้าเจ้าที่ขายปลาถูกหายไปแล้ว นางจำใจเดินไปซื้อเจ้าเดิม
    “อีนั่นมันเอาปลาโดนวางยาเบื่อมาขาย ทำบาปทำกรรม เอาแต่ได้ กูล่ะสมน้ำหน้ามัน” แม่ค้าปลาเจ้าเก่ากำลังสาธยายอย่างออกรส
    “ผัววางยา เมียขาย โดนจับไปก็ดี” แผงขายผักที่อยู่ถัดกันไปตะโกนตอบ นางไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว รีบสาวเท้ากลับบ้านให้เร็วที่สุด ปากร้องเรียกลูกชายตัวโปรด จนกระทั่งเห็นอะไรลายๆ อยู่ที่มุมพงหญ้า แมลงวันบินตอมอยู่เป็นกลุ่ม.....
    .................................................
    “เมื่อยโว้ย มาเร็วๆ ชักช้าไม่ทันใจ อีแก่นี่”
    นางรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียง “อะไรล่ะพี่ เมื่อกี้พี่บ่นหิวข้าว นี่ฉันก็ทำกับข้าวให้พี่อยู่ไง”
    “ทำบ้าทำบออะไรนักหนา ชักช้า เบื่อโว้ย เบื่ออีแก่”
    นางน้ำตากลบตา หันหลังจะกลับไปเข้าครัว แว่วเสียงก่นด่าตามหลังมาอีกหลายคำ ตั้งแต่ผัวของนางเป็นอัมพฤกษ์มาได้ร่วมครึ่งปี ก็มีอารมณ์หงุดหงิดโมโหร้าย ไม่ได้ดั่งใจก็เอะอะด่าทอนางเป็นประจำ ช่วงแรกๆ ก็ยังคงพอทำเนา หมอใหญ่ที่โรงพยาบาลก็ยังบอกว่าอาจจะกลับมาหายได้ แต่ต้องใช้เวลา ทั้งกินยา คุมอาหาร ทำกายภาพบำบัด ช่วงแรกๆ ก็ยังให้ความร่วมมือดี ผ่านไปสองสามเดือน อาการมีแต่ทรง เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ยาที่หมอให้ก็ไม่ค่อยจะยอมกิน อาหารก็บ่นจืดชืดไม่เป็นรส วันๆ ก็นั่งๆ นอนๆ ไม่ใคร่จะยอมลุกเดินแล้ว นางต้องคอยพะนอสารพัดก็ไม่ถูกใจเสียที นี่ยาหมอก็ใกล้จะหมดแล้ว ไม่รู้จะหารถไปอำเภออย่างไร แค่คิดว่าต้องบอกให้เจ้าตัวงดข้าวงดน้ำเตรียมเจาะเลือด ก็สงสัยจะบ้านแตกอีกรอบ
    “พี่แป้น เป็นยังไงบ้าง เสียงดังไปถึงโน่น” แตงอ่อน เพื่อนบ้านวัยใกล้กันเดินมาเกาะรั้วถาม
    “จะเป็นยังไง ก็เหมือนเดิม” นางถอนใจ ตั้งแต่ผัวป่วย ก็ยังดีที่มีเพื่อนบ้านพอช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ให้นางพอได้ชื่นใจ
    “โธ่พี่ หนูล่ะสงสาร ได้ยินอยู่ทุกวัน พี่ก็ทนเอาได้ทุกวัน ยาหมอแกก็แย่เหลือเกิน ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย”
    “อ่อน แกจะไปรู้เรื่องอะไร นั่นเขาหมอใหญ่นะ”
    “หมอเลี้ยงไข้ก็มีเยอะแยะ พี่ก็ดูสิ พี่สมไม่เห็นจะดีขึ้นซักที บอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าให้เจาะเลือดปลายนิ้วก็ไม่เชื่อ”
    “อ่อน นั่นหมอเขาบอกแล้วว่ามันผิด”
    “ไม่รู้ล่ะ หนูว่าก็ลองให้หมดทุกทางนั่นแหละ ดีกว่ารออยู่เฉยๆ ให้หมอเลี้ยงไข้ อ้าวพี่ จะร้องไห้ซะแล้ว”
    “พี่เหนื่อยแล้วอ่อน อย่าพูดเลย”
    “พี่ เอางี้ หนูมียาดี ผัวหนูไปได้มา เขาชอบทางยาไทย เอาไปให้พี่สมลองกินดู แก้เหน็บแก้ชา แก้อัมพฤกษ์ก็ได้ บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท” ว่าแล้วก็หันกลับเข้าบ้าน ไปหยิบเอายาน้ำขวดหนึ่งมาให้ “เอ้าพี่ วันละห้าหยด เพิ่มได้ ไม่เกินสิบห้า สมุนไพรไทย ไม่มีพิษ”
    “อ่อน ยาอะไร พี่ไม่รู้จัก” นางมองขวดยาน้ำสีเหลืองใสอย่างลังเล “ถ้าน้ำหมักก็ยังพอเคยได้ยิน”
    “เอาน่ะพี่ เชื่อหนู ผัวหนูกินอยู่ หายเมื่อยหายชา ของดีหนูถึงเอาให้พี่นะ”
    นางกล่าวขอบคุณเพื่อนบ้าน หยิบขวดยาติดมือไปด้วย ผัวของนางหลับไปแล้ว นางกลับเข้าครัว ทำกับข้าวต่อก่อนจะยกไปให้ วันนี้ยอมตามใจ ทำหมูสามชั้นให้กิน หลังจากด่านางจนบ้านแทบแตกเมื่อนางทำปลานึ่งเมื่อวันวาน
    ลองสักหน่อยคงไม่เสียหาย นางหยิบถ้วยตะไล หยอดยาลงไปสี่ห้าหยด ถือรวมไปกับชามกับข้าวให้สามีกินหลังอาหาร วันนี้ยังนับว่าเขาอารมณ์ดีเมื่อเห็นกับข้าว กินได้มากกว่าวันก่อน เมื่อเห็นถ้วยตะไล หลังจากถามไถ่ว่ายาอะไรก็ยกดื่ม “อยู่ก็เหมือนตาย” เขากล่าว
    วันรุ่งขึ้น ผัวของนางดูอารมณ์แจ่มใสกว่าที่เคย ชมเปาะว่ายาดี นางก็ดีใจ เขาไม่ได้หัวเราะให้นางเห็นมานานเหลือเกินแล้ว หลังกินข้าวยังพยายามลุกมาเดินรอบบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางแทบจะต้องอ้อนวอนให้ลุกมาเดินทุกวัน
    เย็นวันนั้น สามีของนางกินยาไปสองถ้วยตะไล
    นางรู้สึกดีใจ ยาช่างดีเหลือเกิน วันหลังจะต้องตอบแทนแตงอ่อนแล้ว นางหยิบยามาจดชื่อ เผื่อหมดจะได้หาซื้อเองบ้าง “ทิงเจอร์-นัก-สะ-วอม-มิ-กา” ยาเทวดา สะกดช่างยากเย็นนัก
    ...........................................................
    “โอ๋ เงียบก่อนนะครับคนเก่ง อย่าเพิ่งร้อง โอ๋ๆ”
    เธอขอบตาดำคล้ำ อดหลับอดนอนมาหลายวัน ลูกคนเล็กก็ร้องกวนไม่ได้หยุดทั้งคืน ต้องตื่นมาผลัดกันอุ้มกับสามี ส่วนลูกคนโตวัยสามขวบก็คอยจะวิ่งซนให้เธอต้องผวาอยู่ตลอดเวลา
    “เย้ๆ เย้ๆ วันทูๆ” ลูกสาวคนโตกระโดดอยู่บนเตียง ตะโกนแข่งกับเสียงกรีดร้องของลูกชายคนเล็ก
    “โมน่า หยุดนะลูก เดี๋ยวตกลงมา ว้าย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวดีกลิ้งตกลงมาจากเตียง แผดเสียงร้องไห้จ้าแข่งกับลูกคนเล็ก สามีของเธอพุ่งเข้าไปดูลูกคนโต โชคยังดีที่แค่หัวโน ถ้าเป็นอะไรมากกว่านี้จะพาไปหาหมอก็รอนานเหลือเกิน แล้วก็ไม่เห็นจะได้ทำอะไรซักที
    “ป๊า หนูเจ็บ” ลูกสาวของเธอแผดเสียงสะอึกสะอื้น สามีของเธออุ้มขึ้นมากอดปลอบ มือประคบน้ำแข็งที่หัว “โมน่าคนเก่ง เป็นเด็กผู้หญิงต้องไม่กระโดดนะคะ” เจ้าตัวเล็กเงียบลงนิดหน่อยหลังพ่อปลอบ ก่อนจะหลับไป
    “พ่อ แม่เหนื่อยจังเลย จะทำยังไงดี นี่ราลี่ก็ติดมือ วางไม่ได้เลย”
    “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพอโมน่าตื่นมาก็เปิด ipad ให้ดูแล้วกันนะ ครั้งก่อนดูลูกก็ชอบอยู่ เห็นเล่นเกมเงียบเชียว”

    หมายเหตุ1: ทิงเจอร์นักสะวอมมิกา (tincture nux vomica) ยาน้ำที่มีส่วนผสมของเมล็ดแสลงใจ 
    หมายเหตุ2: ยาดังกล่าว ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังหาซื้อได้หรือไม่ แต่เป็นความอยากของผู้เขียนที่จะเขียนเรื่องโดยมีต้นแสลงใจมาเกี่ยวข้องนานแล้ว อาจจะผิดพลาดจากความเป็นจริงบ้าง ซึ่งขอยอมรับ
    หมายเหตุ3: เพิ่งรู้สึกตัวว่า แม้จะเป็นหัวข้อ poisonous แต่ก็ไม่ได้มีคำว่าพิษอยู่เลยสักคำเดียวในเรื่องนี่สิ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in