เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทวิเคราะห์และแปลเพลง LIVE With a Smilekaitochitome
LIVE With a Smile


  • บทความวิเคราะห์เพลง LIVE With a Smile นี้ จะแบ่งการวิเคราะห์ตามท่อนของเพลง มีการกล่าวถึงจุดเชื่อมโยง การใช้คำ และองค์ประกอบอื่นๆ เกี่ยวกับซีรี่ส์ Love Live 
    ที่มีอยู่ในบทเพลงนี้

    いつまでも いつでも 伝えたくて歌い続けて 君と走ろう もっと
    Itsumademo itsudemo tsutaetakuteutai tsuzukete kimi to hashiro motto“
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ฉันต้องการร้องเพลง เพื่อบอกว่า
    อยากจะวิ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับเธอ ให้มากกว่านี้”

    มีเรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมาในโปรเจ็คเลิฟไลฟ์ ทั้งอะนิเมะของ Muse และ Aqours ที่มีบทสรุปต่างกัน นิจิกะซากิที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และลิเอล่าที่เปิดตัวโปรเจ็คมาได้ไม่นาน ทั้งหมดต่างได้รับเสียงตอบรับดีมาก เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงเดียวที่จะสื่อถึงเรื่องราวเหล่านั้น แต่เป็นทุกอย่างที่สคูลไอดอลทุกรุ่นทุกสมัยช่วยกันสร้างขึ้นมา

    จิกะ : 最初に見た光 手を伸ばした
    Saisho ni mita hikari Te o nobashita
    แสงสว่างแรกที่ได้เห็น ลองยื่นมือออกไปคว้ามัน
    ไดยะ : 時が始まりさtoki ga hajimari sa
    ช่วงเวลานั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น

    “แสงสว่างแรก” ที่จิกะได้เห็นและยื่นมือออกไปคว้า คือ Muse พอเห็น Muse เปล่งประกาย จิกะก็อยากจะลองเป็นแบบเดียวกับ Muse แต่พอเวลาผ่านไป จิกะก็เปลี่ยนความคิด เลิกวิ่งตาม Muse และเริ่มตามหาความเปล่งประกายในแบบของตัวเองแทนจากการที่รู้ว่าพวกจิกะสนใจเรื่องนี้ ไดยะที่เคยทำวงสคูลไอดอลมาก่อนจึงเข้ามามีบทบาท พอดีกับตอนที่มาริกลับมา ทำให้ “ช่วงเวลา” ของสคูลไอดอลแห่งอุราโนะโฮชิที่ไดยะเคยมีส่วนร่วม ได้เริ่มต้นขึ้น(อีกคร้ัง)

    รูบี้ : 勇気はどこだっけ?
    yuuki wa doko dakke? 
    คานัน : 僕らの中!
    bokura no naka !
    ความกล้านั้นอยู่ที่ไหน? อยู่ข้างในตัวพวกเรา !
    มาริ : ima mo atsuku moeru
    ตอนนี้ความกล้านั้น ยังคงร้อนรุ่มอยู่ภายในใจ

    ท่อนที่รูบี้กับคานันร้อง ดูจงใจเรียงคำให้เหมือนกับชื่อเพลง yuuki wa doko ni kimi no mune ni 
    รูบี้ ที่ชอบสคูลไอดอลมาตลอดแต่ไม่มีความกล้ามากพอที่จะลองทำ
    คานัน ที่มีความกล้าอยู่ตลอดแต่ไม่อยากทำให้ใครเจ็บปวดอีกครั้ง
    และมาริ ที่ยังคงมีความกล้าร้อนรุ่มภายในใจไม่เคยเปลี่ยน 
    จนได้กลับมาญี่ปุ่นเพื่อสานต่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ

    ฮานามารุ : 夢を描けば
    yume o egakeba
    หากลองวาดฝันขึ้นมา
    โย : 嬉しく 辛く 楽しく 踊る心が
    ureshiku tsuraku tanoshiku odoru kokoro ga
    หัวใจที่โลดแล่นอย่างสุขใจ เศร้าใจ และสนุกสนานนั้น

    ฮานามารุที่ไม่รู้จักสคูลไอดอล และเริ่มสนใจเพราะรูบี้ มีความสนใจเล็กๆ อยู่แต่ไม่กล้าทำเพราะคิดว่าตัวเองไม่น่าเหมาะและไม่รู้จักมันดีพอ แต่พอรูบี้เข้ามาชวน ฮานามารุเลยได้ลองวาดความฝันนั้นขึ้นมาสำหรับโย คิดว่าน่าจะพูดถึงจิกะมากกว่าพูดถึงตัวเอง เพราะโยก็เป็นคนหนึ่งที่คอยสนับสนุนและเฝ้ามองการเดินทางของจิกะอย่างเต็มที่มาตลอด (ตัวโยเองก็มีช่วงเวลาที่เจ็บปวดอยู่เช่นกัน)

    โยชิโกะ : 止められないよ
    tomerarenai yo
    หยุดไม่ได้แล้วล่ะริโกะ : 行けるとこまで 行ってしまおうよ
    Ikeru toko made itte shimaou yo
    ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้กันเถอะ

    โยชิโกะที่ไม่ได้สนใจสคูลไอดอลในตอนแรก ได้มีจิกะเข้ามาชวน และบอกว่าเธอจะเป็นตัวเองในอย่างที่อยากเป็นได้ โยชิโกะเมื่อได้ลองมาเป็นสคูลไอดอล เกิดความรู้สึกชอบขึ้นมาก็หยุดความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้วท่อนของริโกะ มีการอ้างอิงจากเพลง Pure Phrase มาค่อนข้างเยอะขอทำการยกมาบางส่วน

    心が描いた 新しい世界
    Kokoro ga egaita atarashii sekai 
    ああ どこだろう どこだろう?
    Aa doko darou doko darou?
    โลกใบใหม่ที่ได้วาดฝันเอาไว้นั้น อยู่ที่ไหนกันนะ
    きっと夢は欠片Kitto yume wa kakera沢山 集めた時に
    Takusan atsumeta toki ni
    やっと 分かるの 求めてた景色が
    Yatto wakaru no motometeta keshiki ga
    แน่นอนว่าความฝันนั้นเกิดจากการรวบรวมเศษเสี้ยวมากมาย
    ในที่สุดก็ได้เข้าใจถึงภาพทิวทัศน์ที่ได้ตามหา

    ริโกะที่ล้มเลิกในการทำสิ่งที่ชอบไปและกำลังตามหาแพชชั่นใหม่ ก็ได้จิกะมาชวนเข้าอควอร์เป็นสคูลไอดอลด้วยกัน เพราะมีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง ริโกะถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ จากที่ไม่อยากจะทำอะไรมากเท่าไหร่ กลายเป็นอยากก้าวไปให้เต็มที่ ให้ไกลมากกว่านี้

    "輝きが生まれた あの季節を" 
    Kagayaki ga umareta ano kisetsu o
    僕たちはずっと走ってる
    Bokutachi wa zutto hashitteru
    ความเปล่งประกายได้เกิดขึ้นมาในช่วงเวลานั้น ที่พวกเราได้วิ่งฝ่ามันมาตลอด 

    ท่อนรวมทุกวง เหมือนสื่อว่าที่จริงในระหว่างที่เมมเบอร์ทุกคนกำลังพยายามไล่ตามความเปล่งประกายตรงหน้า พอรู้ตัวอีกที ในระหว่างทางนั้น ก็มีความเปล่งประกายนั้นเกิดขึ้นมาอยู่ตลอด 
    และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    いつまでもいつでも 伝えたくて
    Itsumademo itsudemo tsutaetakute
    想いはひとつ 歌い続けよう もっと!
    Omoi wa hitotsu utai tsuzukeyou motto!
    ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ 
    ฉันอยากจะบอกกับเธอว่าความรู้สึกรวมเป็นหนึ่งเดียว 
    มาร้องเพลงต่อไปด้วยกันเถอะ

    ท่อนกึ่งซ้ำ สื่อถึงความรู้สึกที่ Love Live ทุกบ้านมีร่วมกัน

    อายูมุ : 雨の後の虹
    Ame no ato no niji
    ชิโอะริโกะ : 渡ってみたいね 
    Watatte mitai ne
     อยากลองข้ามผ่านสายรุ้งหลังฝนตก
    เอ็มม่า : 空は晴ればれと
    sora wa harebare to
    ที่ปรากฏบนท้องฟ้าอันสดใสเนอะ

    สายรุ้งหลังฝนตกในท่อนของอายูมุ คือหลังจากเหตุการณ์ผิดใจกันมากมายในเนื้อเรื่องของทั้งเกม
    และอนิเมะ แต่เมื่อเหตุการณ์ได้จบลง นิจิทุกคนก็ยังรักกันไม่เปลี่ยน 
    การข้ามผ่านในท่อนของชิโอะริโกะ เหมือนอยากจะบอกกับอายูมุ 
    และบอกกับทุกฝ่ายในเหตุการณ์ของเกม All Stars season 2
    ท้องฟ้าที่สดใสในท่อนของเอ็มม่า สื่อถึงความรู้สึกหลักๆ ของเอมม่าในเกม Season 2 
    ที่ไม่ชอบใจหลานจูและเคืองใจคาริน แต่ก็รู้ว่าสักวันนึงเหตุการณ์มันจะผ่านไป 
    ถึงเวลานั้นเอ็มม่าก็พร้อมที่จะเปิดใจให้หลานจูกับคารินเหมือนเดิม

    คาริน : 希望の太陽が明日の
    Kibou no taiyou ga ashita no
    เซ็ตสึนะ : 星たちを照らすように
    hoshi tachi o terasu you ni
    ขอให้ดวงอาทิตย์แห่งความหวังส่องสว่างไปยังเหล่ากลุ่มดาวในวันพรุ่งนี้

    ความรู้สึกของคารินกับเซ็ทสึนะ ในเหตุการณ์ของเกม Season 2 ถูกรวมเอาไว้ในท่อนนี้
    คารินที่พยายามอย่างมากในเกม season 2 แต่ก็ล้มเหลวแถมทะเลาะกับเอ็มม่า 
    พอผ่านเหตุการณ์นั้นมา คารินได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างทั้งในแง่การฝึกและในแง่มุมมองต่อสคูลไอดอล เธอก็ภาวนาให้ให้ทั้งชมรมและชุมนุมได้กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีกันเหมือนเดิม (เพราะที่จริงคารินเองก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย)เซ็ทสึนะเป็นคนที่ไม่ได้ขัดแย้งกับใครเป็นพิเศษ เธอคิดว่าเพราะทุกคนชอบในสิ่งเดียวกัน เพราะงั้นก็มาเปล่งประกายด้วยกันจะดีกว่า อย่าทะเลาะกันเลย

    หลานจู : 世界は繋がってる
    sekai wa tsunagatteru
    โลกใบนี้เชื่อมโยงกันอยู่เสมอ

    หลานจูไม่เคยมีเพื่อนเลย คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดคือชิโอะริโกะ
    แต่หลานจูก็ยังเชื่อว่าสักที่ในโลกนี้นั้นมีพื้นที่สำหรับตัวเอง 
    ซึ่งตอนที่รู้สึกแบบนั้นคือตอนที่ได้มาเจอนิจิกาคุทุกคน เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ 
    แต่กลายเป็นเพราะเจ้าตัวไม่รู้วิธีเข้าหาเลยทำอะไรผิดแปลกไปเยอะ 
    ที่จริงหลานจูไม่ได้อยากมีเพื่อนแค่ในนิจิ ในใจลึกๆ แล้วก็อยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคน และสคูลไอดอลก็ตอบโจทย์นั้น เป็นสิ่งที่จะคอยเชื่อมโยงตัวหลานจูกับทุกคน การเชื่อมโยงโลกทั้งใบ สามารถโยงไปถึงการที่โฮมิน (ผู้ให้เสียงหลานจู) และชูจัง (ผู้ให้เสียงมีอา) เข้าร่วมโปรเจ็ค ปกติเลิฟไลฟ์ดังในต่างประเทศอยู่แล้วแต่แน่นอนว่าติดกำแพงภาษาการเข้าถึงจึงไม่มากนัก พอมีเซย์ยูทั้งคู่ที่ได้ทั้งจีนและอังกฤษ ทำให้การสื่อสารกับทั่วโลกง่ายกว่าเดิม เลิฟไลฟ์ให้ความสำคัญกับแฟนด้อมต่างชาติมากขึ้น ทุกคนสามารถเข้าถึงซีรี่ส์ได้มากขึ้น 

    คานาตะ : 夢は何度も
    yume wa nando mo
    แม้ความฝันจะสั่นคลอน
    ชิสึกุ : 震えて揺れて 
    Furuete yurete
    มีอา : それでも消えないよ
    soredemo kitto kienai yo
    หรือไหวหวั่นอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางหายไปหรอก

    คานาตะกับชิสึกุเป็นท่อนคู่ เหมือนกล่าวถึงคนที่มีสถานะเป็นกลางในเหตุการณ์ผิดใจกัน(คานาตะ) และคนที่เริ่มเหตุการณ์ผิดใจซะเอง (ชิสึกุ) ท่อนชิสึกุใช้การเปรียบสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วยกริยาของสิ่งมีชีวิต (ความฝันนั้นไม่มีชีวิต แต่เปรียบด้วยคำว่าสั่นคลอน/ไหวหวั่น ราวกับมันมีชีวิต) ซึ่งตรงนี้เข้ากับชิสึกุมากท่อนของมีอามีการอ้างอิงจากเพลง I'm Still... ในใจยังมีความฝันเล็กๆอยู่แต่ไม่อาจไล่ตามมันได้เพราะมีคนคอยคาดหวัง ในตอนแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่ามีอะไรที่อยากทำหรือไม่

    ไอ : 諦めないで
    akiramenaide
    อย่ายอมแพ้นะ !
    รินะ : やりたい事は
    Yaritai koto wa 
    คาสึมิ : やってしまうんだ
    yatte shimaunda
    มาลงมือทำในสิ่งที่อยากทำกันเถอะ

    ไอซังในเนื้อเรื่องเกม Season 2 เคยเจ็บใจและร้องไห้ออกมาทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้ อยากจะเก่งและสนุกสนานไปกับทุกคนให้มากกว่านี้
    รินะตอนแรกไม่ได้สนใจ แต่พอได้ลองทำก็มีอะไรที่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ และตรงนั้นมันโยงไปเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องความสัมพันธ์ของรินะได้ด้วย เป็นการที่รินะได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ในทุกวัน 
    คาสึมิคือตัวเองมีเป้าหมายชัดเจน มีสิ่งที่อยากทำชัดเจน เพราะฉะนั้นจะไม่มีวันยอมแพ้ จะทำในสิ่งที่อยากทำจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้


    輝きと生きてる 今生きてる
    Kagayaki to ikiteru ima ikiteru
    僕たちの夢と奇跡
    Bokutachi no yume to kiseki
    มีชีวิตอยู่อย่างเปล่งประกาย 
    ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ทั้งความฝันและปาฏิหารย์ของพวกเรา
    どこまでも どこでも 追いかけたい
    Dokomademo doko demo oikaketai
    นิจิกาคุ : 想いは同じ
    Omoi wa onaji 
    ทุกบ้าน :  歌い続けよう
    utai tsuzukeyou
    อยากจะไล่ตามสิ่งนั้น ไม่ว่าที่ใดหรือเมื่อไหร่พวกเรามีความรู้สึกเดียวกัน 
    มาร้องเพลงต่อไปด้วยกันเถอะ

    เป็นภาพรวมของนิจิกาคุในตอนนี้(และทุกบ้านได้ด้วย) ท่อนนิจิกาคุคือ ทั้งผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาเยอะแยะมากมาย แต่ในท้ายที่สุดทุกคนก็มีความรู้สึกเดียวกันมาตลอด

    คาน่อน : 祈りの声がInori no koe ga 
    คูคู : 歌声になる utagoe ni naru
    เสียงอธิษฐานแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเพลง

    คาน่อนที่ไม่ได้อยากทำอะไรเป็นพิเศษเพราะล้มเลิกเรื่องร้องเพลงอย่างจริงจังไปแล้ว เหลือแค่ร้องเล่นเฉยๆ แต่ในใจลึกๆ ยังคงอยากจะร้องเพลงอีกครั้ง เพราะชอบในการร้องเพลง ในตอนที่ช่วยคูคูให้เป็นสคูลไอดอล คูคูก็ได้แรงบันดาลใจมาจากคาน่อน และเป็นคนที่มอบความกล้าให้ด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่คาน่อนภาวนาอยู่แต่ไม่กล้าทำมาตลอด จะเปลี่ยนเป็นเสียงเพลงที่เปล่งออกมาจากใจ (ช่วงเหตุการณ์เพลง Tiny Star)

    สึมิเระ : 君の願いは
    Kimi no negai wa 
    จิซาโตะ : いつか
    itsuka
    เร็น : 君の力で
    kimi no chikara de
     ลิเอล่า : 叶う日が来るんだ
    kanau hi ga kurunda
    สักวันหนึ่ง ความปรารถนาของเธอจะเป็นจริงได้ ด้วยพลังของเธอเอง

    สึมิเระที่หวังว่าจะเป็นเซ็นเตอร์ในสักวัน จิซาโตะที่อยากจะเป็นพลังให้กับคาน่อน และเร็นที่อยากให้โรงเรียนของแม่ยังคงอยู่ต่อไป สักวันหนึ่งความพยายามของพวกเธอทุกคนจะเป็นจริงได้ ด้วยพลังที่อยู่ภายในตัวของพวกเธอเองทั้งสิ้น ซึ่งในท้ายที่สุด ทุกอย่างนั้นก็ได้เป็นจริงแล้ว

    คาน่อน/เร็น/คูคู : 笑顔でね さあ進もう!
    Egao de ne saa susumou!
    ยิ้มเข้าไว้นะ เอ้า ไปกันเถอะ !
    สึมิเระ/จิซาโตะ : 笑って乗り越えようさあ進もう!
    Waratte norikoe you saa susumou!
    มาก้าวข้ามไปด้วยรอยยิ้มกันนะ เอ้า ไปกันเถอะ !

    ท่อนที่มีคำว่ารอยยิ้ม ดูจะมีการอ้างอิงถึงเพลง Wish Song จากท่อนที่แปลได้ว่า “หยาดน้ำตานั้น ไม่เหมาะกับเธออีกต่อไปแล้ว”ท่อนของสึมิเระกับจิซาโตะ สื่อถึงการก้าวข้ามถึงขีดจำกัดของตัวเอง (ทั้งการเป็นเซ็นเตอร์ของสึมิเระ และการเป็นพลังให้กับคาน่อนของจิซาโตะ)

    เร็น : 聖なる
    Seinaru 
    จิซาโตะ :情熱で 
    jounetsu de
    สึมิเระ : 進もうよ
    susumou yo 
    คูคู : 進もうよ
    susumou yo
    ก้าวต่อไปด้วยความหลงใหลอันแรงกล้า ก้าวต่อไปนะ

    Seinaru แปลตรงๆ คือความศักดิ์สิทธิ์ แต่ในประโยคนี้ขอแปลเป็นแรงกล้า เพราะมันหมายถึงบางสิ่งที่ทรงพลังมากๆ จนมีอิทธิพลมากพอต่อสิ่งต่างๆ ท่อนของเร็นดูจะมีการอ้างอิงมาจากเพลง Wish Song อีกเช่นกันในท่อนที่แปลได้ว่า “ทำนองแห่งความหวัง ได้สร้างช่วงเวลาตอนนี้อันแสนวิเศษขึ้นมา
    ”Jounetsu ที่แปลว่าความหลงใหล/ร้อนรุ่ม ตรงกับจิซาโตะจากเพลง Tokonatsu Sunshine
    อ้างอิงจากท่อนที่แปลได้ว่า “ความรู้สึกที่เธอมอบให้ ทั้งร้อนรุ่มและลึกซึ้งจนรู้สึก Fallin’Live”ส่วนท่อนที่ร้องว่าก้าวต่อไป ของสึมิเระกับคูคู คิดว่าสื่อถึงการที่ทั้งสองคนพยายามมาโดยตลอด สิมึเระก็เป็นเรื่องเซ็นเตอร์ คูคูก็คือการที่ตัวเองลงทุนบินมาญี่ปุ่นเพื่อเป็นสคูลไอดอล

    คาน่อน : 夢と出会うために
    Yume to deau tame ni 
    ลิเอล่า : 歌うよ
    utau yo
    เพื่อที่จะได้พบกับความฝัน มาร้องเพลงกันเถอะ

    สื่อถึงคาน่อนตรงตัวมากตั้งแต่ความหมายของเพลง Watashi no Symphony ในท่อนฮุค จากตอนที่ 11ไปจนถึงความรู้สึกแรกเริ่มของคาน่อนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงใฝ่ฝันจะชนะเลิฟไลฟ์ในตอนที่ 12แต่พอได้แพ้ก็เจ็บใจ เพราะอยากตอบแทนทุกคนที่คอยช่วยเหลือมาตลอด อยากทำให้พวกเขายิ้ม อยากให้ความพยายามนั้นเป็นรูปร่าง และเพื่อการนั้น ต้องร้องเพลงต่อไป

    จิกะ อายูมุ คาน่อน : 最初に見た光 手を伸ばした時が
    Saisho ni mita hikari Te o nobashita toki ga
    จิกะ : 始まりだったんだ 
    hajimari dattanda
    แสงสว่างแรกที่ได้เห็น ลองยื่นมือออกไปคว้ามันช่วงเวลานั้น ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วล่ะ

    คำว่าลีดเดอรคงจะเหมาะกับทั้งสามคนนี้ แม้คำว่าตัวแทนอาจจะดูเหมาะสมกับอายูมุมากกว่า เป็นท่อนที่ทรงพลังมาก ลีดเดอร์ทั้งสามคนล้วนได้เจอกับแสงสว่างแรกและลองยื่นมืออกไปทั้งนั้นจิกะเจอกับมิวส์ มั่นใจที่จะคว้าแสงนั้น อายูมุเจอกับมิวส์ อควาและเซ็ตสึนะ บางส่วนก็เพราะตัวละครผู้เล่นด้วย (สคูลสตาร์) อายูมุลองคว้าแสงนั้นทั้งที่ไม่รู้จักดี และก้าวออกไปคาน่อนที่ได้เจอกับแสงสว่างเพราะคูคู ลองคว้าแสงนั้นถึงแม้จะยังมีสิ่งที่ฝังใจตัวเองก็ตามจิกะที่ร้องว่า ช่วงเวลานั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปแล้วล่ะ ร้องด้วยเสียงที่ราวกับว่าดีใจที่มันได้เริ่มต้นขึ้น ดีใจที่ได้ลองทำทั้งยังไปตรงกับท่อนจบของเพลง Kimi no kokoro wa kagayaiteru kaiเพลงประจำซิงเกิ้ลแรกของอควา จากท่อนนั้นแปลได้ว่า “อนาคตในตอนนี้ คงได้เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว”

    อายูมุ : 勇気で 
    คาน่อน : 未来が
    Yuuki de mirai ga 
    จิกะ : 変わる 
    อายูมุ คาน่อน : 変わるよ!kawaru kawaru yo!
    ด้วยความกล้า อนาคตจะเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน !

    ทั้งท่อนนี้มีการอ้างอิงมาจากเพลง Kimi no kokoro wa kagayaiteru kai เพลงประจำซิงเกิ้ลแรกของอควาอย่างชัดเจนซึ่งความหมายของเพลงนี้เองก็สามารถปรับใช้ได้กับเลิฟไลฟ์ทุกบ้านเช่นกันท่อนของอายูมุ อายูมุเป็นคนที่แต่เดิมไม่มั่นใจในตัวเอง แต่พอได้ไล่ตามไปเรื่อยๆ มีความกล้ามากขึ้น ทุกสิ่งรอบตัวจึงเปลี่ยนไปท่อนของคาน่อน แต่แรกก็นึกภาพตัวเองต่อจากนี้ที่ไม่ได้ร้องเพลงไม่ออก แต่ในตอนนี้ก็มีเป้าหมายในอนาคคตชัดเจนแล้วท่อนของจิกะ แม้จะช่วยโรงเรียนไม่ได้ แม้จะต้องแยกจาก แม้จะไม่เหมือนเดิม แต่ในการเปลี่ยนแปลงนั้นก็มีเรื่องดีๆ ที่ตัวเองดีใจอยู่โดยรวมคือ ขอแค่กล้าที่จะทำอะไรสักอย่างขึ้นมา ณ ตอนที่เราตัดสินใจ มันก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอนาคตขึ้นแล้ว ซึ่งนั่นเป็นใจความสำคัญของเพลง Kimi Koko (ขออนุญาตใช้ตัวย่อ) อีกเช่นกัน

    สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบด้วยนะครับ เพลง Live With a Smile เป็น 1 ในประวัติศาสตร์ที่ซีรี่ส์ Love Live ต้องจารึกเอาไว้จริงๆ เพลงที่ไม่ได้มีทำนองหรือเนื้อเพลงที่โดดเด่นไปกว่าเพลงอื่นๆ ในซีรี่ส์นัก แต่ท่วงทำนองนั้นกลัับติดหู และยังมีเนื้อเพลงที่แทบจะแฝงไปด้วยเรื่่องราวทั้งหมดของทุกบ้านและทุกคนประกอบอยู่ในทุกบรรทัดเลยทีเดียว นอกจากพวกเธอทั้ง 23 คน และอีก 15 คนที่คอยมองดูอยู่เสมอ ความหมายของเพลงนี้ไม่อาจตรงกับใครได้อีกแล้วครับ บทความวิเคราะห์นี้เป็นความคิดของคุณ Komitaki ที่มีทั้งความชอบและความรักในซีรี่ส์ Love Live มานานแสนนานไม่ต่างจากพวกเราหลายๆ คนที่ติดตามซีรี่ส์นี้มาตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างในโพสวิเคราะห์นี้เกิดจากมุมมองที่มีต่อเรื่องราวของซีรี่ส์ Love Live ของคุณ Komitaki และสิ่งที่ผมในฐานะแฟนซีรี่ส์คนหนึี่ง เชื่อว่ามีอยู่จริงๆ และ Love Live ตั้งใจจะสื่อมันออกมาผ่านทั้งบทเพลงและเรื่องราวในสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอะนิเมะ เกม นิตยสาร และอื่นๆในวันที่ 31 ธันวาคม 2021 นี้ ก็มาเตรียมสนุกไปกับคอนเสิร์ตสิ้นปีกันนะครับ! 
     
     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in