เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyฟังไปฟังมา-FUNGPAIFUNGMA
[รีวิวอัลบั้ม] KOD - J. Cole
  • ถึงคนที่กำลังเสพติดทั้งหลาย



    Intro
    ถ้าหากมองข้ามเรื่องโปรดักชั่นที่ยังเป็นฮิพฮอพพื้นๆ Basic ไม่ได้เล่นใหญ่ ไรห์มแพงๆ
    ข้อด้อยดังกล่าวกลับไม่ทำให้ J .Cole โดนสั่นคลอนความเชื่อมั่นที่มีต่อแฟนเพลงแต่อย่างใด
    เพราะ J. Cole สามารถทำให้บทเพลงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอาหารสมองอย่างดีที่เราฟังแล้วต้องขบคิดตาม ราวกับว่าเรากำลังอ่านหนังสือประเภทฮาวทูหรือหนังสือประเภทจิตวิทยาเพื่อการพัฒนาตัวเองอยู่ บทเพลงของ J. Cole อาจจะไม่ใช่บทเพลงเพื่อสนองต่อความมันส์บันเทิงเริงรมย์ต่อสาวกฮิพฮอพ
    แต่บทเพลงของเขาคนนี้มีคุณค่าดีพอที่จะเสียเวลามาศึกษากันยาวๆต่อไปในอนาคต
    ไม่แปลกใจครับที่ฐานแฟนเพลงของเฮียโคลมีความแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวัน
    นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อัลบั้มฮิพฮอพบินเดี่ยวที่ปราศจากแขกรับเชิญมาฟีทเจอริ่งจะได้รับกระแสตอบรับดีเสมอมา ตื่นเต้นตั้งแต่ประกาศวันปล่อย ทั้งๆที่ประกาศก่อนแค่ 4 วัน
    ความมีสาระดังกล่าว เลยทำให้มีความอยากฟังทันทีที่ปล่อยมา
    นี่จึงทำให้อัลบั้มนี้สามารถทำลายสถิติยอดสตริมมิ่งสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมงชนะ Drake และ Taylor Swift โกลบอลซุปตาร์ได้เป็นผลสำเร็จ
    โดยที่ไม่มีข้อครหาเรื่องความฟลุ๊คหรือโชคช่วยแต่อย่างใด เพราะคนอยากฟังที่การนำเสนอเนื้อหาของเขาต่างหาก
    .
    .
    ถึงแม้ว่าสถานะของ J .Cole ในวัย 33 ปี จะเป็นถึงหัวหน้าครอบครัวโดยสมบูรณ์ ณ ตอนนี้
    ดูเหมือนทุกสิ่งจะหยุดชะงัก จนหลายคนกังวลว่า เขาจะรีไทร์จากวงการเพื่อไปอยู่กับครอบครัวเสียแล้ว
    แต่เฮียโคลก็ไม่หยุดอยู่แค่การส่งมอบมรดกความรักและคิดถึงแก่ลูกสาวของตัวเอง
    และลูกสาวของเพื่อนสนิทผู้ล่วงลับใน 4 Your Eyez Only อย่างแน่นอน
    ผมคิดว่าผลงานหลังๆมานี้ เริ่มไปทางมอบ Legacy ต่อคนรุ่นหลังอยู่เป็นกลายๆ
    ราวกับว่าพี่ผ่านอะไรมาเยอะ บอกอะไรได้ก็รีบบอกซะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
    KOD ก็มีเป้าประสงค์ที่คล้ายๆกับ 4YEO อัลบั้มชุดที่แล้ว
    เพียงแต่เฮียโคลขอขยายความห่วงใยนี้ไปยังน้องๆหนูๆวัยรุ่น ผู้เป็นอนาคตของชาติทั้งหลายว่า
    "อย่าริอาจไปเล่นยานะ ไอ้หนู "
    .
    .
    ชื่อเต็ม 3 นัยยะของ KOD ตั้งตาม 3 สเตจการติดยา ไล่ตั้งแต่
    Kids On Drug = เล่นยา
    King Overdoze = ติดยาเกินขนาด
    Kill Our Demons = ถอนยา
    ผมชอบการเล่นคอนเซปต์ในรอบนี้มากๆนะ
    นอกเหนือจากการเล่นประเด็นยาเสพติดแล้ว
    เฮียโคลยังเล่นประเด็นการเสพติดอย่างอื่นด้วย
    เฮียโคลไม่ได้ blame ยาเสพติดเป็นตัวตนเหตุให้สังคมยุ่งเหยิงเพียงอย่างเดียว
    การเสพติดอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็น ความรัก อำนาจ เงินตรา ก็นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างขาดสติเช่นกัน
    อะไรที่มากเกินไป ย่อมไม่ดีเสมอไป
    นี่คือคอนเซ็ปท์ของอัลบั้มที่ว่าด้วยการหมกหมุ่นและมัวเมาในบางสิ่งเพื่อหลีกหนีความจริงอันโหดร้าย
    ว่าแต่เราจะหลีกหนีความจริงไปอีกนานเท่าไหร่ ?
    .
    .
    ในรอบนี้ไม่มีแขกรับเชิญ เน้นบินเดี่ยวอีกเช่นเคย เฮียโคลได้เริ่มตอกย้ำเจตนารมณ์ดังกล่าวผ่าน
    ไตเติ้ลแทร็คเปิดอัลบั้มอย่าง KOD
    ที่เค้าคนเดียวก็เอาอยู่ กูไม่ฟีทใคร อย่ามาง้อให้เสียเวลามาก
    .

    How come you won't get a few features?
    I think you should? How 'bout I don't?
    How 'bout you just get the fuck off my dick?
    How 'bout you listen and never forget?
    Only gon' say this one time, then I'll dip
    Niggas ain't worthy to be on my shit

    .
    ที่ผมชอบอีกอย่างนึงคือเฮียโคลเริ่มสร้างลูกเล่นทางคอนเซ็ปท์ด้วยการสร้าง alter ego อย่าง kiLL edward เลยทำให้การนำเสนอเนื้อหาดูมีมิติมากขึ้น
    เหมือนที่ Eminem สร้าง Slim Shady ตัวแทนด้านมืดจนเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ 
    เพียงแต่การนำ kiLL edward มาอยู่ในอัลบั้มในรอบนี้น่าจะเป็นเชิงเฉพาะกิจเสียมากกว่า
    alter ego นี้มีที่มาสุดแสบด้วยการยืมชื่อของพ่อเลี้ยงนามว่า edward มาเป็นตัวละครสมมติฝั่งตัวแทนด้านมืดของคนติดยา
    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฮียโคลคิดจะเอาคืนพ่อเลี้ยงใจร้ายคนนั้น เขาเคยดิสพ่อเลี้ยงคนนั้นมาแล้วในเพลง Rich Ni**as , Sideline Story , Crooked Smile , Can I Holla At You 
    ไม่อยากขยายความมากกว่านี้ ให้ไปทำการบ้านต่อเอง บอกลิสต์ล่ะ
    ยิ่งมีคำว่า kiLL นำหน้าด้วยแล้ว นัยยะไม่ได้มีแค่การปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปจากตัวอย่างแน่นอน555



    งานชุดนี้ไม่ได้เล่นประเด็นเชิงดูถูกเหยียดหยามประมาณว่า "พวกติดยาคือขยะของสังคม" 
    แต่เฮียโคลมองว่าพวกเขาเป็นเหยื่อที่ต้องพยายามดึงพวกเขาออกจากหลุมนรกนี้ออกมาให้ได้ 
    ทั้งนี้เฮียโคลก็พยายามทำความเข้าใจต้นเหตุของปัญหาเหล่านั้นเต็มที่
    การถ่ายทอดบทเพลงดังกล่าวอาจจะมีความเป็นฮิพฮอพพื้นๆโปรดักชั่นเอยการเดินบีทเอยเป็นไปอย่างเรียบๆเบสิคก็จริง แต่ด้วยความไม่ปรุงแต่งทางดนตรีเนี่ยแหละ มันมีประโยชน์ในการเอื้อกับเนื้อหาเหมือนกัน 
    สิ่งที่เราสัมผัสได้จึงเป็นความเรียบง่ายที่แอบแฝงไปด้วยความเปลี่ยวเหงา ซึมเศร้า Depress เหมือนมีหมอกร้ายลอยอยู่บนหัวเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



    The Cut-Off
    ที่มี kiLL edward เข้ามามีบทบาทสำคัญในเพลงแรก เดินด้วยเปียโนไพเราะเสนาะหู ฟังสบายราวกับว่านั่งอยู่บนโซฟา จิบแอลกอฮอล์เบาๆ
    แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกคับแค้นใจ
    ทำดีไปแล้ว สุดท้ายไม่ได้อะไรกลับมา
    ดื่มมันสูบมันเพื่อให้ลืม fake friends
    เอามาเยอะๆ ถึงจะตายก็ไม่มีใครเหลียวแลอยู่ดี
    Time will tell who is on my side
    ประโยคนี้ซ่อนความเหงาถึงขั้วหัวใจ
    .
    .
    Once An Addiction (Interlude)
    ถ่ายทอดประสบการณ์โดยตรงที่เจอมากับแม่ของเฮียโคลเองที่ติดเหล้าอย่างหนักเพื่อบำบัดความช้ำใจที่พ่อเลี้ยงเจ้าปัญหาแอบไปมีลูกสาวกับผู้หญิงคนอื่น
    Storytelling ที่สั้นแต่รวดร้าวมากๆ
    .
    .
    FRIENDS
    จะเห็นได้ว่าจากแทร็คที่แล้วเป็นการทำความเข้าใจแล้วว่า ทำไมคนถึงติดเหล้าติดยา เพราะดีลกับความเจ็บปวดจากความจริงอันโหดร้ายใช่มั้ยล่ะครับ
    เข้าใจว่าโลกนี้อยู่ยาก แต่เรามีวิธีดีลกับความเจ็บปวดที่ดีกว่าการวนลูปไปติดยานะเว้ย
    เป็นแร็พโน้มน้าวที่อยากให้ "เพื่อนๆ" ผู้ติดยาทั้งหลายคิดได้ และให้หันมาเห็นคุณค่าในตัวเอง
    โดยเฮียโคลเสนอวิธีให้ผู้ฟังไปนั่งสมาธิวิปัสสนา
    "Meditation" ทบทวนตัวเอง แทนที่จะไปเบิกยาเพิ่ม "Medication "
    kiLL edward โผล่มาเป็นครั้งที่สอง เป็นเสียงสองให้เราเสียผู้เสียคนกันเล่นๆ
    .
    .
    Window Pain (Outro)
    เฮียโคลไม่อยากทำตัวเป็นเพียงแค่คนสังเกตการณ์มองเห็นปัญหาลงมาจากหน้าต่างด้วยความเฉยเมยอีกต่อไป
    เขาต้องการจะช่วยคนด้วยการรังสรรค์บทเพลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม
    พยายามไม่ให้คนผิวสีต้องอยู่ในสถานที่ที่ถูกคาดด้วยเทปสีเหลือง
    ทำตัวเป็นลูกที่ดี คอยบำบัดทุกข์ให้กับแม่ตัวเอง
    ไล่ไอ้พ่อเลี้ยงตัวดีออกไปไกลๆ
    .
    Right now I'm starin' out the window of my Range and 
    contemplating, am I sane?
    Have I sacrificed for fame?
My occupation's on my brain
Thought that I could change it all if I had change
    .
    นอกจากนี้ยังเล่าถึงผลลัพธ์ของยาเสพติดและแอลกอฮอล์ที่ส่งผลต่อสังคมเป็นบ่อเกิดอาชญากรรม เป็นความรุนแรงที่ยากเกินเยียวยา
    โดยมีบทสัมภาษณ์จากเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆที่ต้องเจอเรื่องโชคร้ายจากการที่ญาติของเธอถูกลูกหลงกระสุนจากเหตุทะเลาะวิวาทภายในบ้าน
    เป็นกรณีศึกษาให้กับคนฟังต่อไป
    เป็นความน่าสงสารที่เด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะต้องมารับรู้ความรุนแรงที่เกิดในชุมชนตั้งแต่เนิ่นๆ
    ทั้งนี้เราได้เห็นการตอบคำถามอันชาญฉลาดของเด็กคนดังกล่าวที่ตอบคำถามของผู้สัมภาษณ์ที่ยิงคำถามมาว่า
    .

    "ทำไมโลกของเราถึงไม่สวยงามอย่างที่คิดล่ะ ?"
    เด็ก: "หนูคิดว่าพระเจ้าตั้งใจจะเตือนเรา มอบบทเรียนราคาแพงให้กับเรา แล้วเราต้องเรียนรู้กับมัน เขาจะกลับมาหาเราอีกครั้ง เพื่อรับเราเป็นบุตร ทั้งนี้เราควรรู้สึกยินดีปรีดาในการมาของเขานะ เมื่อเรารับเขาเข้ามาแล้ว เขาจะ restart โลกใบนี้อีกครั้ง"

    .
    .
    ลองคิดตามสิ่งที่น้องตอบดูนะครับ
    อย่างที่ผมเคยเกริ่นไว้ เฮียโคลขอขยายความห่วงใยไปยังเด็กซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
    นั่นแหละครับการตอบคำถามของเด็กตัวน้อยๆในเคสที่เฮียโคลยกมา
    เป็นการส่งไม้ต่อให้ผู้ใหญ่หลายคนคิดกันต่อด้วยว่า
    เราควรรักษาโลกใบนี้ให้น่าอยู่ได้อย่างไร
    เพื่อให้เด็กได้เติบโตในโลกที่เด็กอยากมองจริงๆ
    ถ้าเด็กมันเติบโตในท่ามกลางสังคมที่เหลวแหลก
    สังคมก็อาจจะต่ำตมแบบวนลูบไปอยู่วันยังค่ำ
    นี่จึงเป็นการบ้านให้ผู้ใหญ่ได้คิดต่อไป
    อย่ามัวแต่รอให้พระเจ้ามาเปลี่ยนโลก
    .
    ******
    ******
    .
    นอกเหนือจากการทำหน้าที่หลักของ KOD ที่เป็น anti drug album
    J .Cole ยังขยายขอบเขตของรูปแบบการเสพติดอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการเล่นยาอีกด้วย
    .
    .
    Photograph
    เพลงที่ชื่อเดียวกับเพลงฮิตของ Ed Sheeran ที่ว่าด้วยความคิดถึง แต่พอมาเป็นเวอร์ชั่นของ J .Cole ไปในทางลุ่มหลง เหมือนเป็นการตบหัวบัคเอ็ดว่า มึงเลิกเพ้อได้แล้วไอ้ห่า กูจะมัวแต่หลงรักคนในรูปไม่ได้หรอกเว้ย
    (***แซวเล่นเฉยๆ ทั้งคู่ไม่มีปัญหาดิสกันค้าบ)
    เป็นการเสียดสีความรักยุคดิจิตอลที่ฉาบฉวยหลงรักคนที่ภายนอกมากกว่าจะทำความรู้จักผ่านโลกจริง ยิ่งเข้าสู่ยุคดิจิตอล ทุกสิ่งอย่างจะกลายเป็นอากาศ ไม่เว้นแม้แต่ความรัก
    Love today's gone digital
And it's messing with my health



    ATM / Motivat8
    เป็นตัวแทนแห่งการเสพติดอำนาจชื่อเสียงเงินทอง อันนำมาสู่การใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบขาดสติ
    ต่อให้เราซื้อของมาปรนเปรอความสุข
    สุดท้ายของเหล่านั้นก็เป็นของนอกกาย ตายไปก็เอามันติดตัวไปด้วยไม่ได้เช่นกัน
    ลองดูเอ็มวี ATM เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น



    Kevin's Heart
    คอนเซปต์เพลงนี้ผุดขึ้นมาจากศรีภรรยาของเฮียโคลที่นอนเล่นมือถือ
    อยู่ดีๆก็เลื่อนฟีดเจอข่าวฉาวของเฮีย Kevin Hart ดาราตลกชื่อดังที่เป็นข่าวนอกใจภรรยาที่กำลังท้องแก่
    เลยทำให้เกิดเพลงนี้ โดยโยงข่าวฉาวเมื่อปีที่แล้วมาเป็นคอนเซปต์คู่ขนาน 
    เรื่องของผลเสียของการติดยาหรืออบายมุข ซึ่งไม่ได้มีผลเสียต่อสุขภาพอย่างเดียว 
    ยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของครอบครัวอีกด้วย
    จากการโดนยาบ้ามอมเมาจนใช้ชีวิตอย่างไม่มีสติ นั่นอาจเลยเถิดนำมาสู่การนอกใจในที่สุด
    ในขณะเดียวกันการติดเซ็กส์ก็เหมือนกับการติดยา ที่ได้โอกาสเมื่อไหร่ก็เผลอไม่ได้
    นำไปสู่การทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวได้เช่นกัน
    เพลงนี้จึงเป็นตัวแทนของคนติดอบายมุขและเซ็กส์ในเพลงเดียวกัน
    อยากให้ไปตามดูเอ็มวีด้วย Kevin Hart ยอมเล่นเอ็มวีกลิ่นดราม่าเพื่อเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของอัลบั้มนี้
    .
    .
    BRACKETS
    ขยาย scope ไปถึงประเด็นข้อสงสัยเรื่องการจัดเก็บภาษีของภาครัฐ
    โดนชาร์จภาษีแพงแล้ว รัฐเอาเงินเหล่านั้นไปทำอะไรต่อกันแน่ ? 
    แล้วทำไมทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมล่ะ ? 
    เงินภาษีที่เราเสียควรจะไปใช้สร้างถนน สร้างโรงเรียน ให้คนยากจนได้มีโอกาสเรียนหนังสือบ้าง
    แทนที่จะไปจมอยู่กับเงินสนับสนุนนักการเมืองให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแล้วแก้บทกฎหมายให้ตัวเองพ้นมลทิน หรือแทนที่จะไปจมอยู่กับอาวุธปืนให้พวกกระหายความรุนแรงเอาไปยิงกันเล่น 
    สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่คนโดนลูกหลงกลับกลายเป็นบุคคลผู้บริสุทธิ์ 
    คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเสียใจกับลูกที่จากไปจากเหตุกราดยิง
    และที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ
    คุณพ่อคุณแม่ผู้เป็นเหยื่อความเสียหายต้องมาเสียภาษีที่ถูกเอาไปเข้าระบบคอรัปชั่นอยู่ดี
    ฟังดูอาจจะนอกประเด็นคอนเซปต์"เด็กติดยา"
    แต่ถ้าเรามาลองดูเคสที่ผ่านๆมาที่ผมได้ยกตัวอย่างในแต่ละเพลง
    ระบบคอรัปชั่นเนี่ยแหละคือปัญหาใหญ่ที่แตกลายปัญหาในสังคมให้มันบานปลายขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด
    (ประเด็นนี้ บ้านเราเนี่ยแหละตัวดีเลย !)


    1985 (Intro to The Fall Off)
    มาถึงเพลงสุดท้ายที่เรียกเสียงฮือฮาตั้งแต่งานพรีวิวอัลบั้ม
    จะไม่ให้ฮือฮาได้ยังไง เพราะแทร็คนี้มุ่งตบเกรียนแร็พเปอร์รุ่นใหม่โดยเฉพาะที่ไม่ respect ความเป็นฮิพฮอพอย่างแท้จริง
    มัวแต่ใช้ชีวิตไปตามกระแส ฟุ่มเฟือย ไม่เอาจริงเอาจัง สุดท้ายก็ต้องหายไปตามสังสารระบบ
    คนที่โดนเยอะหน่อยก็จะเป็น Lil Pump และ Smokepurpp ที่เคยทิ้งบอมบ์ลับหลังเฮียโคลกลางคอนเสิร์ต
    โดยเฮียโคลตอกกลับพวกนั้นได้จุกไม่แพ้กัน
    พวกเอ็งมันก็แค่กระแสชั่วคราว แร็พของกูเป็นที่น่าจดจำมากกว่าพวกมึงด้วยซ้ำ
    พวกเอ็งรวยได้ชั่วคราว พอหมดกระแสพวกเอ็งก็ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน สุดท้ายก็เหลือแค่รถเบนซ์ เพราะพวกเอ็งเอาเงินไปเปย์อย่างอื่นหมดแล้ว
    ก็ได้แต่หวังว่าให้พวกเอ็งไปได้ไกลตามที่อวดอ้างก็แล้วกัน
    มาดูกันซิว่าจะไปได้ไกลซักเท่าไหร่เชียว
    พร้อมปิดท้ายด้วยการบอกเราว่า เราอาจจะเห็นโปรเจคต์ใหม่ที่อาจจะมีชื่อว่า The Fall Off ตามที่ปะในชื่อเพลงก็เป็นไปได้
    ปิดอัลบั้มแบบ To Be Continued....
    .
    ******************************************************************************
    .
    Outro
    .
    การกลับมาในรอบปีครั้งนี้อาจจะไวไปหน่อย
    แต่ J .Cole ก็ยังคงรักษาความเป็นแร็พเปอร์ที่น่าเคารพได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
    มีจุดยืนที่ชัดเจนทั้งการขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยปราศจากแขกรับเชิญ และเป้าประสงค์ที่ต้องการแต่งเพลงเพื่อ "Change" สังคมอย่างจริงจัง
    ในช่วงที่ยุคดิจิตอลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่คนสามารถเข้าถึงเรื่องดราม่าในสังคมได้ง่ายแค่เพียงปลายนิ้ว ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตอย่างซับซ้อนมากขึ้น
    การที่ผู้ใหญ่จะชอบบ่นว่า โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน
    ก็อย่าเพิ่งรำคาญไปเสียก่อน เพราะนี้คือความจริง
    ยิ่งมีสื่อทั้งในทีวี ภาพยนตร์ และเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสพยาด้วย ยิ่งยั่วยุให้น้องๆวัยรุ่นที่ยังมีความรู้สึกอ่อนไหวได้ง่ายและขาดความอดทน สามารถหลุดเข้าสู่วัฏจักรนี้ได้อย่างง่ายดาย จนกลายเป็นปัญหาเด็กติดยาจนถึงทุกวันนี้
    ผมว่าการมาของ KOD มาได้ถูกเวลามากๆ มาเพื่อเปลี่ยนความเชื่อใหม่ว่า
    การติดยานั้นไม่ใช่เรื่อง cool ตามที่ศิลปินชอบนำเสนอผ่านสื่อแต่อย่างใด
    และแน่นอนว่าการเสพยาก็ไม่สามารถดีลความเจ็บปวดให้ลืมความทุกข์ได้เช่นกัน
    มีหลายวิธีที่ดีลกับความเจ็บปวด
    แต่ไม่ใช่การติดยา ติดเซ็กส์ และติดอำนาจเงินตรา
    เพียงแค่คุณเข้าใจว่ามันมี เข้าใจในความไม่ได้ดั่งใจในชีวิต ผมได้แนวคิดนี้มาจากประโยคเปิดอินโทรในแทร็ค Once An Addiction (Interlude)
    .

    "Sometimes I think pain is just a lack of understanding
If we could only understand it all, would we feel no pain?
God must feel no pain"

    .
    KOD สามารถเปลี่ยน mindset ผมได้อีกครั้งหลังจากที่เคยทำได้ใน 2014 Forest Hills Drive ที่เปี่ยมไปด้วยสัจธรรมการมองหาความสุขจากการเห็นคุณค่าในตัวเอง
    เข้าหาชีวิตที่เรียบง่าย อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก
    เป็นอัลบั้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวกคอยขับเคลื่อนการใช้ชีวิตต่อไป

    แต่สำหรับ KOD กลิ่นดราม่าจะเยอะหน่อย แต่ก็ทำให้ขบคิดเรื่องบางเรื่องในการประคองตัว
    ภายใต้โลกอันแสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุ
    ในเรื่องโปรดักชั่นภาคดนตรีที่แลดูจื๊ดจืด ยังเทียบชั้น 2014 ไม่ได้ เรื่องนี้ผมไม่คาดหวังอะไรมากล่ะ
    แต่อย่าง KOD ก็ทิ้งประเด็นไว้บางอย่างให้เราได้ขบคิด แก้ปัญหากับชีวิตตัวเองและสังคมต่อไป
    .
    .

    Choose Wisely

    .
    Top Tracks: Once An Addiction (Interlude) , FRIENDS, 1985 (Intro to The Fall Off) , 
    Window Pain (Outro) , Kevin's Heart , The Cut-Off , ATM
    .
    .
    Give 8/10
    .
    .
    Thanks For Reading
    See Ya

    สามารถติดตามรีวิวอัลบั้มและข่าวคราวเกี่ยวกับวงการเพลงได้ที่
    Click ได้เลย

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in