เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนโลกSanti
เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนโลก
  •     ผมนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างมาสักพักใหญ่ๆ เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านไปในขณะนั้นเอง เขาก้าวเท้าไปเหยียบขี้หมา พร้อมทำท่าทางตกใจ

    “เห้อ น่าเบื่อจริงๆ จะทำอะไรก็น่าเบื่อไปหมด เหมือนดูหนังที่รู้ตอนจบเลย หาไรกินดีกว่า”

    ผมเดินออกมาจากห้อง เดินลงไปชั้นล่าง เพื่อหาอะไรกิน อ้าว ไม่มีอะไรอยู่ในตู้เย็นเลยเหรอ ผมคิดในใจ หลังจากนั้นจึงขอเงินแม่เพื่อไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ

    “ ตอนไปร้านสะดวกซื้อ เอาขยะไปทิ้งด้วยนะ ” แม่บอกก่อนผมจะเดินออกจากบ้าน
    “ ครับๆ ”
    น่าเบื่อสุดๆ ผมกำลังหิวอยู่นะแม่ ให้ไปทิ้งขยะเนี่ยนะ ค่อยทิ้งวันหลังดีกว่า

        ในขณะที่เข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ผมก็หยิบขนมซองโปรดขึ้นมา พร้อมกับเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์เรียบร้อยเสร็จสรรพ

        ไม่กี่นาทีต่อมามีชายสวมโม่งสีดำ เดินเข้าไปพร้อมควักปืนออกมา ก่อนจะเล็งไปที่พนักงานของร้านสะดวกซื้อ แล้วพูดขึ้นอย่างเสียงดังว่า

    “ยกมือขึ้น มีเงินเท่าไหร่ เอามาให้หมด! ”

    พนักงานดูท่าทางตกใจและสั่นกลัว จึงรีบหยิบเงินให้กับชายสวมโม่งดำอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้ไม่น้อยเช่นกัน แต่พอมาลองนึกดูแล้ว หนังส่วนใหญ่ก็มักจะจบแบบแฮปปี้ใช่ไหมล่ะ

    “ หยุด ! นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางอาวุธลง แล้วมอบตัวซะดีๆ ! ”

    ตำรวจมาทันเวลาพอดี พวกเขาจับกุมโจรโม่งดำคนนั้นได้แล้วพาตัวกลับไป เห็นไหมล่ะ หนังที่รู้ตอนจบแบบนี้มันน่าเบื่อสุดๆ 

    ผมรีบเดินออกจากร้านสะดวกซื้อทันที่ที่ตำรวจมา แหงล่ะ ขืนอยู่นานกว่านี้คงถูกตำรวจเรียกไปเป็นพยานในเหตุการณ์แน่ รีบชิ่งออกมาคงจะดีที่สุด ไหนๆก็จับคนร้ายได้แล้วคงไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรนี่นะ ผมคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไปสักครู่เพลินๆพร้อมกับกินขนมไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อยระหว่างทางเดินกลับบ้าน ไม่ถึงสิบนาทีขนมก็หมดอย่างรวดเร็ว อา คิดๆดูแล้วนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด ขนมนี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องเลยด้วยซ้ำ รู้งี้คงซื้อมาสักสองสามถุงไปแล้ว


  • ทันใดนั้นผมก็กวาดสายตามองซ้ายมองขวาเพื่อหาถังขยะที่อยู่แถวๆนี้แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว เอาล่ะ นี่คงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดเรื่องที่ร้อยสำหรับวันนี้ได้ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจโยนถุงขนมทิ้งลงพื้นทันที ก็มีแวบนึงที่รู้สึกผิดบ้างล่ะนะ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา แถวนี้มันดันไม่มีถังขยะเองนี่ เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บไปทิ้งให้นั่นแหละ สมัยนี้ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น ไม่สิ ต้องพูดว่าทำกันทุกยุคสมัยนั่นแหละ

    แต่ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่มีใครมาเก็บหรอก…

    ผมเดินรับลมเย็นๆเรื่อยๆจนมาถึงบ้าน หลังจากเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับคุณพ่อกับคุณแม่ที่ห้องนั่งเล่นเหมือนกับกำลังนั่งรอผมอยู่ เอาล่ะ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกใช่ไหม

    “ พ่อมีข่าวดีจะบอก.. วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวที่เกาะลันตากัน “

    เกาะลันตา? ทะเลเหรอ? ไชโย! ในที่สุดผมก็จะได้ไปทะเลสักที อยากไปพักผ่อนสมองบ้าง ไม่มีอะไรสวยกว่าทะเลสีคราม เสียงคลื่นกระทบฝั่งที่แสนจะไพเราะ ทรายที่แสนจะนุ่มเท้า แถมยังเต็มไปด้วย กุ้ง หอย ปูปลา เป็นสถานที่ในฝันของผมเลยล่ะ

    เมื่อพ่อพูดจบผมก็รีบวิ่งเข้าห้องแล้วเปิดคอมพิวเตอร์เสิร์ชชื่อเกาะลันตาทันที ก็อย่างที่บอก ทะเลเป็นสถานที่ในฝันของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็เคยไปเที่ยวแค่ครั้งเดียวเมื่อตอนยังเป็นเด็ก มันเป็นความทรงจำที่แสนวิเศษที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถ้าเป็นเปรียบเทียบเป็นหนังแล้วล่ะก็ ทะเลก็คงเป็นหนังที่ผมอยากเปิดดูซ้ำหลายๆรอบ

    “ โอ้โห้ สวยใช้ได้เลย พ่อเรานี่เซนส์ดีจริงๆ “

    ผมนั่งเลื่อนดูรูปกับดูรีวิวไปเพลินๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับรูปๆหนึ่ง

    “ อะไรน่ะ รูปเต่ากับถุงขนมเหรอ เหมือนขนมที่เราทิ้งเมื่อกี้เปี๊ยบเลยนี่นา “ 

    แต่ยังไม่ทันได้กดเข้าไปดูรูป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงแม่ที่เรียกให้ผมลงไปทานข้าว ผมหันไปหาเสียงเรียกหน้าประตูตามสัญชาติญาณ ก่อนจะตะโกนตอบตกลงกลับไป

    แต่พอหันกลับมารูปนั้นก็หายไปเสียแล้ว เป็นไปได้ยังไงกัน?

  • ผมสลัดความคิดทุกอย่างออกจากหัว ก่อนจะทำการปิดคอมพิวเตอร์แล้วลงไปทานข้าวกับครอบครัว   วันนี้อาหารฝีมือแม่ก็น่าทานอย่างเคย เมื่ออิ่มเสร็จสรรรพแล้วเราสามพ่อแม่ลูกก็นั่งคุยกันต่ออย่างเพลิดเพลินผมตัดสินใจเริ่มพูดถึงแพลนที่อยากจะทำที่ทะเลในสุดสัปดาห์นี้ มีหลายอย่างที่พ่อบอกเห็นด้วย บางอย่างก็ไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าบางกิจกรรมก็ไปสร้างขยะให้ทะเลเปล่าๆ ผมไม่เห้นเข้าใจเลย นึกภาพไม่ออกซะด้วยซ้ำ..

    เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเราได้ออกเดินทางเพื่อไปที่เกาะลันตา ผมนั่งฝั่งด้านหลังคนขับพร้อมกับหูฟังตัวโปรดของผม ฟังเพลงชิลล์ๆ อยากดำน้ำดูปะการัง ดูสัตว์น้ำจังเลย ผมตื่นเต้นจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วแต่แล้วภาพอนาคตที่แว๊บเข้ามาในหัวของผม มันกลับเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก มันคือภาพชายหาดที่เต็มไปด้วยขยะ น้ำทะเลจากที่สีครามสวยงามกลับเปลี่ยนเป็นสีดำที่หม่นหมอง มันดูจะไม่ใช่ทะเลที่ผมรู้จักซะแล้ว หรือผมคิดมากจนเกินไปกันนะ

    รถได้หยุดเคลื่อนในขณะที่ผมกำลังเหม่อลอย รู้ตัวอีกทีผมก็มาถึงที่เกาะลันตาแล้ว ผมได้เดินลงจากรถ ผมมองไปที่ชายหาด มันเป็นอย่างที่นิมิตของผมบอกจริงๆ มีเศษขยะเต็มชายหาดไปหมด ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจขยะพวกนั้นเลย เขาเลือกที่จะทิ้งขยะลงอย่างไม่ลังเล การกระทำนั้นมันเหมือนกับ...เหมือนกับผมในวันนั้นที่เลือกจะทิ้งขยะลงพื้น

    จู่ๆก็มีเสียงโหวกเหวก โวยวายตรงชายหาด คนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง

    “ เห้ยๆ มาดูนี่เร็ว ! ”

    ด้วยความอยากรู้ของผม ผมจึงเดินเข้าไปโดยไม่รอช้า และสิ่งที่คนเขามุงดูกันคือ พะยูน...ใช่ พะยูนเกยตื้นรอบตัวของมันถูกอวนของชาวประมงรัดไว้จนไม่สามารถว่ายน้ำได้ ดูน่าสงสารมาก เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้วแท้ๆ กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้

    นี่สินะผลของการทิ้งขยะไม่เป็นที่ จะมีสัตว์กี่ตัวบ้างที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความมักง่ายของพวกเรา

    ผมได้แต่แผ่เมตตาให้กับเจ้าพะยูนตัวนั้น และสัตว์ตัวอื่นๆที่เจอเรื่องแบบนี้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ผมหยุดคิดเรื่องเที่ยว พร้อมกับเดินเก็บขยะที่อยู่ตามชายหาดไปเรื่อยๆ ถึงในใจจะรู้ว่ายังไงก็มีคนที่ยังทิ้งขยะลงบนชายหาดอยู่ดี แต่ผมก็เลือกที่จะเปลี่ยนตัวเอง ตอนนี้ภาพอนาคตที่โหดร้ายในหัวของผมมันได้ปรากฏขึ้นอีกแล้ว มันคือโลกที่กำลังจะล่มสลาย มันกำลังค่อยๆพังลง ธรรมชาติมอบความสวยงามให้กับเรา เมื่อเราไม่รักษาดูแล มันกำลังจะเอาคืน ผมไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ แต่ผมสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่ออนาคตได้ ก่อนที่มันจะสูญสิ้นสลาย ผมจะรักษามันไว้ให้ได้นานที่สุด...

    แค่เราเปลี่ยน...โลกก็เปลี่ยน



    ปล.เป็นผลงานการเขียนเรื่องสั้นรณรงค์เกี่ยวกับสิ่งเเวดล้อมที่เขียนขึ้นมาเพื่อส่งอาจารย์ โดยเราเลือกจะนำเสนอมุมมองของคนที่เห็นแก่ตัว ชอบทิ้งขยะ ทำให้สัตว์ในทะเล หรือ ในทะเลก็ตามได้รับผลกระทบ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้ผู้อ่านทุกท่านติชมผลงานของพวกเราครับผม ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Santi (@fb3066388983574)
ว้าวววววว