เราไม่ได้จะมาอธิบายว่า Toeic คืออะไร สำคัญยังไง นำไปยื่นอะไรได้บ้าง เพราะเราเชื่อว่าเพียงแค่จรดปลายนิ้วถามอากู๋ก็จะได้คำตอบที่ต้องการทุกอย่าง และยังได้ข้อมูลที่อัพเดตด้วย สำหรับเรา เราสอบ Toeic เพื่อนำไปยื่นสมัครแอร์ ใช่แล้ว! ฉันนี้แหละจะไปสมัครแอร์555 จริงๆแล้วตอนแรกก็ไม่ได้สนใจจะไปสอบหรอกเพราะสายการบินแขกที่เราอยากเข้า เค้าไม่ได้ require คะแนนสอบ Toeic เค้ามี English Test ของเค้าให้ทำอยู่แล้ว แต่เราก็ไปสอบเผื่อไว้เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันหน่ะเรียนอังกฤษในไทยมาทั้งชีวิต ภาษาอังกฤษของฉันจะอยู่ระดับไหนกัน
ก็คือดีใจมากกและขอบคุณที่ตัวเองทำแบบฝึกหัดก่อนไปสอบ คะแนน 800 ไม่ใช่คะแนนที่มากสุด เพื่อนเราได้คะแนน 800++ กันทั้งนั้น แต่เราก็ดีใจกับตัวเองมากจริงๆเพราะตอนออกจากห้องสอบฟีลลิ่งคือเดี๋ยวได้มาสอบใหม่แน่ๆ เพราะตอน Listening Part เราอ่านสกรีนช้อยส์ผิดข้อ ส่วน Reading Part ทำไม่ทัน 10 ข้อ 5 นาทีสุดท้ายเลยดิ่งไปเลย เพราะถ้าเราอ่านไป ยังไงก็ไม่เข้าหัวแน่ๆ ;_;
พูดถึงบรรยากาศ เราสอบวันศุกร์ 9 โมงเช้า ควรไปถึงก่อนอย่างน้อย1ชม.เพื่อทำใบเข้าสอบ เอาบัตรประชาชนไปด้วย ปากกา ดินสอ ยางลบไม่ต้องเอามา เค้ามีเตรียมให้หมด นาฬิกาก็ให้ถอด ในห้องมีบอกเวลา ถ้ากลัวหนาวก็ใส่แขนยาวไป กรรมการคุมสอบใจดี ใส่ใจดีมาก เรานอนมาน้อย น้ำมูกไหล เค้าก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้?
วิธีการเตรียมตัวสอบ Toeic ของเรา เราให้เวลาตัวเอง 2 สัปดาห์ (รีบสอบเพราะหลังจากนั้นเราจะยุ่งจนไม่มีเวลาเตรียมตัวใดๆ) เราทำแบบฝึกหัดที่หาโหลดตามเว็บ มีเยอะมาก ไม่ต้องไปหาซื้อหนังสือยังได้ (นี่พูดจริงๆ!) เราทำแบบฝึกหัดไปทั้งหมด3ชุด คือ Oxford 2 ชุด, Cambridge 1 ชุด มีคนบอกว่าแบบฝึกหัดของ Oxford เหมือนข้อสอบจริงมากที่สุด แต่เราว่าของ Cambridge ก็ยากเหมือนกัน ให้สบายใจก็คือมีอะไร ก็ทำไปให้หมดอ่ะแหละ แบบฝึกหัดของ Barron เค้าบอกว่าจะยากน้อยกว่า เพราะเป็นพวกพื้นฐาน แล้วก็แบบฝึกหัดของ Longman และอื่นๆด้วย หาใน google เจอหมด
เวลาฝึกทำแบบฝึกหัด เราทำแบบจับเวลา แบ่งเป็น 2 พาร์ทคือพาร์ทฟังและพาร์ทอ่าน อย่างพาร์ทฟังไม่ต้องจับเวลาก็ได้เพราะเราต้องทำให้ทันตามที่เทปเสียงพูดอยู่แล้ว ก็คือต้องมีสติ หลุดแล้วหลุดเลย ส่วนพาร์ทอ่านจับเวลา 75 นาที ก็คือทำไม่ทันทุกครั้ง เหลือ 3-4 บทความตอน 10 นาทีสุดท้ายตลอดเลย เป็นคนอ่านช้าอ่ะแง T_T
ตอนทำแบบฝึกหัด พอเราทำพาร์ทฟังเสร็จ ก็มาดูเฉลย ฟังใหม่อีกรอบ ดูว่าพลาดตรงไหน ซึ่งบางข้อมันไม่น่าผิดเลย สำหรับข้อที่ผิดจะฟังใหม่อีกรอบแบบไม่อ่าน script รอบนึงก่อน (ในเฉลยจะมี script ให้อ่านว่าเค้าพูดอะไรบ้าง) แล้วค่อยมาอ่าน script ว่าฟังไม่ออกคำไหน ส่วนพาร์อ่าน พอจับเวลา ทำเสร็จปุ๊ป ก็ไล่ตรวจทีละข้อเลย เวลาอ่านเฉลย เราจะดูทั้งข้อผิดและถูก เพราะบางทีมั่วแต่ฟลุ๊กถูกก็มี555
เราใช้สมุด 3 เล่ม เล่มที่1 ใช้เสมือนเป็นกระดาษคำตอบตอนทำแบบฝึกหัด และอะไรที่มันผิดซ้ำๆ ก็พยายามคิด หาทริคที่เหมาะกับเราลงไป เล่มที่2 จดคำศัพท์ที่ไม่รู้ตอนทำแบบฝึกหัดทั้งหมด เล่มที่3 จดสำหรับพาร์ทการอ่าน พวก grammar ต่างๆที่ไม่ได้ เราจดทั้งโจทย์และช้อย เขียนคำตอบเฉลยลงไปที่ทำให้เราเข้าใจจริงๆ
เราจดแบบนี้ เวลาจดคำศัพท์ที่ไม่รู้ เราจะจดคำประเภทอื่นๆของมันมาด้วย เพราะเรื่อง parts of speech ออกเยอะเหมือนกัน ถ้ารู้ noun, verb ,adjective ,adverb ก็ตอบได้แล้ว ส่วน grammar เราชอบจดให้ละเอียด เวลาอ่านจะได้เข้าใจ ซึ่งค้นพบว่าเราชอบทำผิดซ้ำๆ ผิดไม่จำ?
Listening Part (100 ข้อ 495 คะแนน 45 นาที)
1. Photographs 10 ข้อ
มีแต่รูปไม่มีช้อยส์ ตอนเทปพูดคำสั่ง ให้แสกนดูทุกรูป จากนั้นตั้งใจฟังโจทย์ข้อ 1 เราเป็นพวกขี้ลืมง่าย เลยมีทริคของตัวเองคือทดช้อยส์ A B C ลงไป ถ้าฟังแล้วไม่ใช่ก็ขีดทิ้ง ไม่แน่ใจก็ทิ้งไว้ ถ้าใช่ก็ฝนเลยเพราะชอบงงกับตัวเองแบบมันไม่ใช่ทุกช้อยส์เลยอ่ะจะฝนไรดี? พาร์ทนี้ควรได้เต็ม
2. Question-response 30 ข้อ
พูดคำถามและช้อยส์อย่างละ 1 รอบ ไม่มีเขียนไว้ในชีททั้งคู่ คำถามส่วนใหญ่จะเป็นพวก WH question, How, Do, Does, Did, Why,... บางครั้งฟังไม่ทัน แต่จำได้ว่ามี Why ขึ้นประโยค และมีช้อยส์ที่ขึ้นว่า because ก็ได้คำตอบละ1ข้อ แต่บางข้อก็ไม่ใช่แบบนี้ เพราะฉะนั้นต้องฟังดีๆ เราใช้ทริคทดช้อยส์ A B C ลงไปอีกแล้ว เป็นคนลืมง่าย?
3. Conversation 30 ข้อ
เป็นบทสนทนาคุยกัน 2 คนสั้นๆ ให้รีบอ่านโจทย์และช้อยส์ด้วยความรวดเร็วก่อนที่เทปจะเริ่มพูด จะได้รู้ว่าโจทย์จะถามอะไรบ้าง จากนั้นพอเทปพูดบทสนทนาจบและเริ่มอ่านช้อยส์ ให้เราฝนคำตอบ 3 ข้อเลย แล้วอ่านโจทย์และช้อยส์ของข้อถัดไปรอไว้ก่อนที่เทปจะเริ่มพูดโจทย์ของข้อที่เราอ่านรอไว้ งงมั้ย 5555
Note:
ตอนทำข้อสอบจริง เราเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคคือ พอฝนช้อยส์เสร็จ เราสแกนอ่านทางขวาทันที ทั้งที่จริงแล้วต้องสแกนอ่านด้านล่างต่างหากแง แล้วก็มีบางข้อที่สแกนอ่านล่วงหน้าไม่ทัน เพราะคิดคำตอบนาน เลยรวน แต่ต้องทำให้กลับมาตามแผนเดิมให้ได้!!!
4. Short talks 30 ข้อ
ใช้หลักการเหมือนข้อ 3 เลย แต่อันนี้สำหรับเรา เราคิดว่ามันยากกว่าหน่อย เพราะเป็นคนเดียวพูดบทความสั้นๆ ถ้าฟังไม่ดีก็จะเบลอไปเลย เหมือนฝันอยู่ แบบอ้าว พูดจบแล้วหรอ ก็คือห้ามหลุดเด็ดขาด
สรุปพาร์ทฟัง
ต้องมีสติ ห้ามหลุด เพราะพอมาดูเฉลยข้อที่เราหลุดไปอ่ะ มันน่าเสียดายมาก แบบบางทีมันไม่ได้ยากเลย บางครั้งเราฟังออก แต่ฟังไม่ทัน คือไม่รู้ว่าเค้าพูดคำนี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น สติสำคัญมาก (กอไก่ล้านตัว)
Reading 100 ข้อ 495 คะแนน 45 นาที
5. Incomplete sentence 40 ข้อ
เป็นพวก grammar ต่างๆ เช่น parts of speech, preposition, conjunction, vocabulary, tense, past participle, present participle, passive voice, relative clause และอื่นๆ โดย 40 ข้อนี้ เราตั้งใจทำภายใน 15 นาที แต่เราก็ทำไม่ได้ เราใช้เวลาไป20นาทีทุกครั้ง ก็คือเราไม่เคยทำพาร์ทอ่านทันเลย ;_;
Note:
ทริคทำเร็วคือ บางครั้งไม่ต้องเข้าใจความหมาย ดูคำหน้า หลังแล้วเลือกคำตอบเลย แต่ก็ใช้ไม่ได้กับทุกข้อ เช่น ข้อนี้มี noun 2 ข้อ จะเลือกอะไร หรือข้อที่เป็น idiom หรือ phrasal verb ถ้าไม่รู้อย่าเสียเวลาคิด ให้ฝนเลย เดี๋ยวทำไม่ทัน
6. Text conpletion 12 ข้อ
เติมคำในช่องว่างในรูปแบบของการเขียนจดหมายต่างๆ เราไม่ได้อ่านทุกคำทุกประโยคเพราะสามารถอ่านแค่ประโยคที่ต้องตอบได้ แต่บางครั้งก็ต้องอ่านเพื่อหาความสัมพันธ์ของประโยคก่อนหน้า ก็คือให้สแกนช้อยส์ก่อนแล้วจะรู้ว่าต้องอ่านยังไง ให้รีบทำเหมือนเดิม เพราะมีบทความรออยู่อีกเพียบบ
7. Paragraph 48 ข้อ
เป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำทันเลยแง มีตั้งแต่บทความสั้นๆ ถามแค่ 2 ข้อกรุบกริบ ไปจนถึงบทความยาวๆที่ถาม 5 ข้อ วิธีของเราคืออ่านคำถามกับช้อยส์ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอ่านข้างบน เราเป็นคนอ่านช้า ตอนลองทำแบบฝึกหัด เรามักทำไม่ทัน 20 ข้อ ซึ่งคือ 4 บทความหลัง ส่วนตอนสอบจริงไม่ทัน 10 ข้อหลัง เราเลยดิ่งเลย ไม่ทันแล้วว
อย่างที่บอกไปว่าตอนสอบจริงเราเหลือ 5 นาทีสุดท้ายกับอีก 10 ข้อ เราเลยดิ่งเพื่อความสบายใจเพราะการฝนใช้เวลามากกว่าที่คิด ลองคิดดูว่าถ้าเราอ่านได้เร็วกว่านี้ 10 ข้อที่เราดิ่งไปอาจทำให้เราได้คะแนนมากกว่า 800 ก็ได้ เพราะฉะนั้นพาร์ทอ่าน อ่านให้ทันเท่านั้นนน
สุดท้ายนี้คือ อยากให้ฝึกทำแบบฝึกหัดเพราะจะทำให้เรารู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง แล้วแก้ไขให้เรามีการพัฒนาขึ้น อย่างน้อยก็ให้ดีกว่าเมื่อวาน ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ได้ เราเชื่อว่าภาษาอังกฤษคือทักษะที่เกิดจากการสะสมมา จะเร่งให้ได้เลยคงไม่ใช่ มันต้องใช้เวลา ลองฝึกแบบที่เรามีความสุขก็ได้ เช่น ฟังเพลง ดู Netflix เป็นต้น
ป.ล. แปะลิ้งค์คลังข้อสอบ TOEIC เอาไปลองทำดู มีโจทย์ เฉลย คลิปเสียง ครบมากก ไม่ต้องเสียตังค์ไปซื้อหนังสือเลยด้วย อิ_อิ >>> http://freetoeicexam.blogspot.com/2017/02/toeic-download-1.html
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังเตรียมสอบ Toeic อยู่นะคะ
ด้วยรัก
Justtakenote
ป.ล. ยังคิดชื่อนามปากกาเกร๋ๆไม่ออก ก็ใช้แบบนี้ไปก่อนแล้วกันนะ555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in