คืนวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2017 ผมรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากนั่งรถจากบ้านสู่มหาวิทยาลัยปัจจุบันของผม พร้อมความคิดเต็มหัวไปหมด เอาจริงๆนี่ก็ประมาณรอบที่หกที่ผมถ่อตัวเองจากพิษณุโลกสู่จังหวัดเชียงใหม่ แตกต่างตรงที่สามรอบแรกผมมาเที่ยว เปี่ยมไปด้วยความสุข แต่สามรอบหลัง ผมเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย และมันสร้างความทุกข์ให้ผมแปลกๆ เอาจริงๆช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ผมโคตรจะแย่ อยู่ในภาวะเกือบซึมเศร้า ทุกอย่างมันหดหู่ไปหมด ผมต้องออกจากเมืองที่ผมฝั่งรากลึกอยู่ 18 ปีเต็ม หลายๆคนเข้ามาปลอบประโลมผม ผมดูเป็นเด็กในสายตาครอบครัว และเพื่อนๆ ผมต้องทนกับคำว่า เดี๋ยวมันก็ดีเอง เดี๋ยวก็มีเพื่อนเองแหละมึง อยู่ประมาณสองอาทิตย์ พร้อมกับการประโคมเพลง No Distance Left To Run ของวง Blur ใส่หูตัวเองเพราะผมคิดว่ามันเป็นชื่อเพลงที่เข้ากับเหตุการณ์ในชีวิตของผมมากที่สุดในขณะนั้นแล้ว (ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลิกราก็เถอะ) และกลับมาฟัง Linkin Park เพลงต่างๆที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดของที่ถ่ายทอดผ่านเสียงที่ผมจะไม่ได้ยินอีกแล้วของ Chester Bennington เอาจริงๆการตายของเขาก็โคตรจะส่งผลต่อสภาพอารมณ์ของผมด้วย ผมอ่อนไหวไปหมด ซึ่งตอนนี้มันก็ยังคงเป็นอยู่
หลังจากที่ผมมาถึงหอพักของมหาวิทยาลัย ห้องของผมกับเพื่อนร่วมห้องอีกหนึ่งคน เอาเป็นว่าเขาไม่ได้สำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องที่ผมกำลังเล่าอยู่ ผมรู้สึกเหนื่อยล้า หกชั่วโมงบนรถทัวร์มันบั่นทอนผม ถึงผมจะนั่งบ่อยก็ตามทีเถอะนะ ผมจึงอาบน้ำ จัดของ ก่อนทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายใจ ความเหนื่อยล้ากระชากผมลงสู่ภวังค์นิทราอย่างง่ายดาย มันควรเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็รู้สึกตัว ทุกอย่างยังมืดอยู่ ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ผมคิดว่าผมคงตื่นเวลาปกติ แบบทุกเช้าที่ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกสิบนาทีโดยอัตโนมัติ แต่เปล่าผมตื่นมากลางดึก ผมจึงพยายามหลับต่อ ผมก็หลับเหมือนเดิมแล้วตื่นขึ้นมาในลักษณะเดิมซ้ำไปมา อยู่ทั้งคืน มันทำให้ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เลยเอามาเขียนลงเล่นๆ มันดูเป็นบทความที่ไร้สาระ แต่ผมขอนับเป็นบทนำที่ผมจะเขียนลงเว็บ Minimore แห่งนี้ละกัน ผมเขียน เพราะผมแค่อยากเขียนน่ะครับ
ตอนนี้ผมยังมีเรื่องในใจ เรื่องที่ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมคงจะไม่ทำ แต่มันมาตอนที่ผมกำลังรู้สึกทุกข์ทนที่สุดในชีวิตตอนนี้นี่เอง ผมเริ่มคิดถึงการซิ่ว (ถ้าใครไม่เข้าใจคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ อีกครั้งพร้อมเด็กปีต่อจากผมนั่นเอง) ผมคิดว่าถ้าผมได้ไปอยู่กับเพื่อนๆที่ผมสนิทกว่านี้ ชีวิตผมคงลงตัวมากกว่า เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนใส่รองเท้าผิดไซส์ ติดกระดุมผิดลำดับ กินลูกชิ้นหมดก่อนเส้น ดูดชาหมดก่อนไข่มุกยังไงยังงั้น
และผมไม่อยากทุกข์ทนอย่างนี้ ผมต้องการไปสู่ที่ที่สบายกว่า มันทำให้ผมคิดถงท่อนเพลงของวง Keane อย่าง Somewhere Only We Know ที่ร้องว่า "นี่หรือที่ที่เราเคยรัก นี่หรือที่ที่ฉันฝันหา" ผมอาจจะดูโลภไปหน่อย เออก็จริง ผมมันคนโลภมาก ที่ที่ผมอยู่มันดี แต่ผมไม่มีความสุข ผมโคตรจะทุกข์ทน หลังจากได้ลองเรียนวิชาตัวคณะคาบแรก ผมก็รู้สึกหงุดหงิด ไม่มีสมาธิ ผมต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ ไม่งั้นปีนี้ ผลการเรียนก่อนซิ่วผมจะเละเทะแน่ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in