เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyบุญมี ระลึกชาติ
The last supper สู่ ความย้อนแยงในระบบอุปถัมภ์ในวงการศิลปะร่วมสมัยในไทย
  • - คิดหรือว่าไม่รู้





    1. บทความนี้เป็นการผู้ถึงวงการคัดเลือกศิลปินรุ่นใหม่ของสถาบันศิลปะที่สำคัญแห่งหนึ่งและเพิ่งมารู้ในภายหลังว่า..

    ในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งกรรมการจำเป็นต้องกินข้าวพร้อมไปกับการรับผิดชอบภารกิจการเป็นกรรมการซึ่งจริงๆไม่จำเป็นต้องรับฟังการนำเสนอของเขา..ก็ได้เพราะความจริงการคัดเลือกถูกวางกลมชื่อเอาไว้อยู่แล้ว

     ขอชี้แจงว่าเหตุที่ต้องฟังการพรีเซนเพราะให้มันเป็นไปตามหมากที่วางเอาไว้ผู้เข้ารับการคัดเลือกต้องเข้าใจระบบคอร์รัปชั่นและระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึกมาอย่างช้านานในสังคมไทย(ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการประกวดศิลปกรรมต่างๆหรอกโปรดจงเข้าใจ)

    ในฐานะกรรมการ เราต้องเลือกเด็กที่เรารู้จักอยู่แล้วคุณจบสายวิชาชีพอื่นหรือจบจากสถาบันในต่างประเทศมา คุณไม่รู้จักและสามารถพัฒนาวงการศิลปะในประเทศนี้ได้หรอกจงเข้าใจว่ามันต้องต่อแถวและมันมีตั๋ว (ผมเชื่อว่ากรรมการท่านอื่นถ้าได้มาทำหน้าที่ก็ทำเหมือนกัน)นอกจากนี้ วงการนี้ก็มีขนาดเล็กมากๆ ทุกคนอยู่ใกล้ชิดกันและรู้จักกันเป็นอย่างดี

    กล่าวคือกรรมการไม่ได้ไม่สนใจฟัง (แต่จำเป็นต้องเลือกคนที่เรารู้จักก่อน)เพราะกรรมการเคยเห็นผลงานและพัฒนาการของศิลปินเพราะคุ้นเคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่ในแวดวงก็เลยเข้าใจโครงการของผู้เข้าประกวดเป็นอย่างดีครับ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงไม่สามารถตัดสินใจได้

    จึงขอชี้แจงมาณ ที่นี้ด้วย และต้องเข้าใจวงการนี้ด้วย                                                                                         

    2. สังเกตว่ามีหลายคนมีศักยภาพมีวิธีคิดและผลงานน่าสนใจมาก แต่ทำไงได้ละนี้คือสนามหรือวงการศิลปะในประเทศไทย ขอให้กำลังใจในการตัดสินใจต่อสู้ด้วยการทำงานศิลปะอย่างจริงจังเวทีของพวกท่านไม่ใช่มีเฉพาะสนามหรือวงการศิลปะในประเทศไทยเท่านั้นแต่คือเวทีนานาชาติที่มีรุ่นพี่หลายๆ คนได้แผ้วถางทางไว้อย่างดีพอสมควรรอพวกเค้าอยู่

    ให้กำลังใจครับศึกษาและทำความเข้าใจสังคมไทยและการเลือกร้องประชาธิปไตยโดยยังไม่มีความเป็นกลางเถิดครับต่อสู้ต่อไป...

    พวกคุณสู้ได้ครับแต่ขอก่อน...

    ป.ล.สำหรับคนที่ไม่ได้รับการคัดเลือกในปีนี้ ถ้ายังไม่หมดศรัทธาต่อวงการนี้ก็ขอให้สู้...ก็ขอให้ส่งโครงการอีกในปีหน้า เพราะมันก็มีที่ว่างที่หรือสองที่เพื่อเป็นไม้กันหมาส่วนคนที่หมดศรัทธาจงฟื้นและเอาสิ่งที่ได้จากครั้งนี้เป็นแรงผลักดันให้วงการนี้มันขาวสะอาดวงการนี้ยังคงต้องการคนมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่เพียงแค่การยกย่อ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Lilith (@Lilith)
ทำไมเราอ่านแล้วไม่เข้าใจหลายประเด็นเลยคือ...
1. The Last supper เกี่ยวอะไร? วาระสุดท้ายของพระเยซูกับอัครสาวกทั้ง 13 มีนัยยะอื่นใดอีกนอกจากแค่คำว่า "ทานอาหาร" หากว่าเอาเฉพาะการกินอาหารมาผนวกเข้าหากันเท่านั้น ไม่คิดว่ามันตื้นเขินเกินไปหรืออย่างไร?

2. ในข้อความที่กล่าวถึงย้อนแย้งกับข้อความที่นำมาแสดงในจุดที่ว่า "การวงกลมรายชื่อผู้สมัครไว้ก่อนแล้ว" ทราบได้อย่างไรว่าเป็นเช่นนั้น หากจะผนวกในส่วนของการอ่าน Proposal ก่อนการชมการแสดงผลงาน เช่นนั้นแล้ววงการวิชาการและงานศิลปะแขนงอื่นๆ คงต้องคอรัปชันเพราะวงกลมรายชื่อผู้สมัครก่อนเป็นแน่แท้ เพราะมารยาทในการแสดงเมื่อมี Proposal ให้ทำความเข้าใจ ก็เป็นอันควรอย่างยิ่งที่จะต้องอ่านก่อนแสดงอยู่แล้ว การไม่อ่านก่อนเป็นความสะเพร่าและขาดความละเอียดใส่ใจต่อผลงานผู้อื่นแน่นอน

3. ในข้อความที่แคปมา กล่าวถึงขนาดของห้องพิจารณาที่มีขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ทราบว่าข้อมูลถึงความใกล้ชิดของคนในแวดวงสามารถตีความจากตรงนี้ได้หรือไม่? เช่นนั้นในแวดวงอื่นๆ ที่อาจจะมีผู้สมัครหรือผู้แสดงผลงานจำนวนน้อย อาทิ 5-10 คน ก็ถือว่าใกล้ชิดกันจนมองแต่พวกพ้องตนเองได้หรือไม่? หากจะพิจารณาด้วยตรรกะเดียวกัน

ทั้งนี้ที่เม้นถาม เพราะไม่อยากตัดสินจากหน้าไมค์ตรงนี้อย่างเดียว แค่อยากเห็นความเชื่อมโยงของแนวคิดดังกล่าวที่มีต่อกัน ทั้งผู้เขียนบทความนี้ กับบุคคลที่ถูกแคปภาพมากล่าวถึง เพราะในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่าออกจะคิดเข้าข้างตนเองเกินไป หากจะกล่าวพูดลอยๆ เพียงเท่านี้