เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Happy Birth day to mekhaotumrai
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน 24
  • บันทึกวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม 2566

    อยู่ดี ๆ ความคิดก็ลื่นไหล บันทึกหรอ วันนี้วันเกิดฉันนี่ เขียนเรื่องสั้นแบบพี่เจนวโรดมน่ะหรอ ส่งประกวด เป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว เรื่องสั้นคืออะไร เขียนเรื่องสั้นเขียนยังไง ฉันจะหางานจากงานเขียนได้ยังไง จะเริ่มยังไง คิดแล้วก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นไปหยิบแมคบุ๊กที่ชั้นสองแล้วลงมือพิมพ์ความคิดล่าสุดลงไป เรื่องสั้นจำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงมั้ย ฉันจะเล่าเรื่องตัวเองช่วงที่เป็นซึมเศร้าได้มั้ย แล้วจะเขียนยังไง หรือต้องไปลงเรียนการเขียนอีกรอบ หัวจะแตกอีกแล้ว สมาธิสั้นในวัยผู้ใหญ่ทำตัวฉันหัวหมุน ฉันเรียบเรียงความคิดไม่ได้ จนทำให้ไม่แม้แต่จะพูดรู้เรื่อง ความคิดในหัวก็เช่นกัน มันไม่ทำงานเป็นเส้นตรง ฉันลืมพูดเรื่องนี้กับจิตแพทย์นะ เพื่อนของฉันทักฉันล่าสุดว่าฉันเริ่มพูดไม่มีจุดหมายและพูดไม่รู้เรื่อง มีอาการติดอ่าง ไม่มั่นใจสิ่งที่ตัวเองจะพูดออกมา ตอนนี้ฉันทำได้แค่เขียนตามสิ่งที่ฉันคิด ฉันเรียบเรียงไม่ถูกด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรง่ายสินะ งั้นกลับมาทักทายหน่อยแล้วกัน สวัสดี ฉันชื่อข้าว เด็กสาวว่างงาน และเป็นโรคซึมเศร้า วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน สวัสดีปีที่ 24 เวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ของชีวิตได้ถูกสังเวยให้กับระบบการศึกษาอันว่างเปล่าและมีผลตอบแทนเป็นความสิ้นหวังและท้อแท้ในชีวิต

    ฉันไม่โทษคุณหรอกนะ ถ้าเริ่มอ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะตัดสินว่า ก็แน่นอนสิ เธอป่วย ความคิดสิ้นหวัง ท้อแท้มันก็โผล่มาแบบไม่มีสาเหตุอยู่แล้ว ความคิดที่รับบทเป็นเหยื่อ สร้างสถานการณ์เลวร้ายร้อยแปดพันอย่างขึ้นมาในหัวและคิดว่าฉันคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ ๆ สี่เดือนแล้วที่ฉันลาออกจากงานประจำมาเพื่อรักษาตัวจากอาการป่วยนี้ สี่เดือนแล้วที่ฉันไม่ได้กลับมาเขียนเหมือนช่วงตอนเริ่มมีอาการ คุณต้องไม่ได้อ่านหรอก ข้อความช่วงนั้นของฉันมันดิ่งลงเหวมาก ฉันยังกลัวเลยว่าถ้ามีคนอ่านอาจจะรู้สึกแย่ ฉันไม่กล้าเข้าไปอ่านเองด้วยซ้ำ ครั้งแรกของฉันที่ลงมือเขียน ฉันมีความคิดว่าฉันจะเขียนจดหมายบอกลาทุกคน เนื่องจากไม่มีความประสงค์ที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นสัญญาณหนึ่งของคนป่วยหรอกนะ (ถ้ามีคนใกล้ตัวพูดแบบนี้ สังเกตให้ดีล่ะ อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนฉันทุกคน)



    เรื่องของเราจากข้าวธรรมดา

    เสนอตอน รีวิวซึมเศร้าในวัย 24 ปี 

    (เวอร์ชัน เกียรติคุณประกาศ ปล.ยังเรียนไม่จบหลักสูตรซึมเศร้า แต่อยากขอบคุณก่อน ฉบับบันทึกร่าง)

    รีวิวชีวิตในวัย 24 ปี อายุ 24 ปีครั้งแรก ติดโควิดไปแล้วสามรอบ เรียนจบมาแล้วสองปี ลาออกมาแล้วสี่เดือน ทำเรื่องโง่ๆ มาเป็นร้อยครั้ง เสียน้ำตาเป็นกะละมัง อกหักจนตับเกือบพัง และเป็นโรคซึมเศร้า

    ในที่สุดก็ผ่านปี 2023 มาจนถึงวันเกิดอีกปี pretty tough huh

    อยากขอบคุณหลายคนในปีนี้ การยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่มีคนที่หวังดีกับเราอยู่ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ปีนี้ได้เห็นจริงๆ ว่าใครพร้อมอยู่ข้างเรา ในวันที่เราลำบากและอยากตายทำให้เห็นรูปแบบของประโยคที่ว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เพื่อนใหม่คือของขวัญเพื่อนเก่านับวันยิ่งเป็นอัญมณีที่ล้ำค่า

    • เพื่อนมหาลัยทำให้เหนือความคาดหมายมากๆ ในปีนี้ ขอบคุณหวุ่ย พี่เอิท จี้ด ทิพ กัส บุ้คกี้ ฝน น้ำ แคท ธัญ พี่อาม ออดี้ มม ยานิน บุ้ค ปรญา ตนุ แก๊งแบด ขอบคุณที่คอยรับสาย เป็นกำลังใจ ชวนไปเที่ยว ชวนคุย ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณที่ดึงสติ ขอบคุณที่ไม่ตัดสิน
    • เพื่อนเวิร์คก็น่ารักมาก ขอบคุณจีน ที่จับมือเดินวันนั้น ขอบคุณหยิงๆ บีม ว่าน ซันที่ชวนออกไปเที่ยว ทริปด่วนในกันยา วันเส้าๆ เมจิ พลอยอัน ไอซ์ๆ คือเอนเนอร์จี้บวกที่คุณคู่ควร ขอบคุณที่เป็นห่วง
    • ขอบคุณเพื่อนมัธยม ว่าน ป๊อป วาว แฝด แก้ม เอ็ม ฟ้า บิว คิตตี้ เอย ป๊อปลี ปุ๋ย สำหรับการรับฟังที่มีคุณภาพและการแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตของกันและกันมันมีค่าสำหรับเค้า มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เจอมันอยู่คนเดียว

    และไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้จะยังติดต่อกับเพื่อนประถม คนดีคนเดิมคนเก่ง ไม่มีใครเก่งเท่าแม่มึงแล้ว เพราะมึงเป็นแม่คน สำหรับกูมึงเก่งจริงๆ พิ้ง ขอบคุณที่รับสายทุกครั้งเวลาไปหาหมอเสร็จแล้วไม่รู้จะโทรหาใคร ขอบคุณที่รับฟังเรื่องน่ากลัวในหัวโดยไม่ตัดสิน ขอบคุณที่พาเฟรย่าเด็กน้อยมหัศจรรย์มาหาช่วยเปิดโลกให้สดใส

    ขอบคุณบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้ติดต่อกันแล้ว แต่ยังห่วงใยเสมอ

    ขอบคุณชาวทวิตเตอร์ที่เห็นทุกทวิตในทุกช่วงชีวิตของเรา

    ขอบคุณชาวclose friends ทั้งหลายผมอาจจะไม่ได้สนิทกับคุณแต่ผมก็ยินดีให้คุณรับรู้เรื่องราวทั้งดีและบัดซบในชีวิตผมได้ หลักการมันเป็นงี้ ขอบคุณที่มี empathy ต่อกัน

    ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะสนิทกับครอบครัวเลยแต่ปีนี้ประโยคที่ว่า “ในวันที่แย่แม่จะทำให้มันดีขึ้นเสมอ” ถึงแม้ว่าประโยคแรกตอนที่แม่รู้ว่าป่วยจะเป็นประโยคคำถามว่า "ข้าวไม่เป็นไม่ได้เหรอ แม่ไม่สบายใจเลย"

    ทุกวันนี้ครอบครัวก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าความเศร้าของฉันมันเป็นยังไง เราทะเลาะกันหลายครั้ง ตัดสินกันหลายหน คนแก่ไม่เข้าใจหรอกว่าโรคซึมเศร้ามันเป็นยังไงมันไม่มีแผลหรือเลือดออกนี่หน่า ป๊ากับแม่ไม่เข้าใจอยู่หลายเดือนว่าฉันร้องไห้ทำไม ฉันเกลียดตัวเองทำไม ที่บอกว่าโรคนี้จะดีขึ้นหรือแย่ลงอยู่ที่คนรอบข้างน่ะ เรื่องจริงนะ (เพื่อนเรามันน่ารักจริงแต่มันไม่ได้อยู่รอบข้างที่เจอกันทุกวัน) ป๊ากับแม่ต่างหาก ที่รับจบกับเรื่องนี้มาตลอดหนึ่งปี

    ฉันเข้าใจ ฉันทำให้เขาผิดหวัง และเจ็บปวดมาพอสมควร จนฉันก็กดแรงทั้งหมดมาที่ตัวเอง

    อยากจะบอกกับพวกเขาว่า ขอบคุณมากๆ ที่อยู่ข้างกัน ในวันที่ฉันไม่รักตัวเอง ขอโทษที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจที่ต้องเห็นคนที่รักอยู่ในสภาพแบบนี้ ต่อให้แม่ไม่เคยเข้าใจ แต่แม่ก็ไม่เคยจะทิ้งไปไหน ไม่เคยปฏิเสธ ฉันยังกินให้พออิ่ม(ถึงจะน้อยมาก) นอนให้พอหลับ(ถึงแม้จะหลับยากมากก็ตามที) ฉันยังเป็นลูกสาวของแม่เสมอมา ในวันที่ฉันนอนร้องไห้กองลงไปบนพื้นไม่มีแรงจะลุกมาทำอะไร แม่ยังบีบมือฉันและไม่พูดอะไรเหมือนเดิม ป๊าก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะกลัวทุกอย่างจะแย่ไปกว่าเดิม ความเงียบมันไม่ได้ดังไปกว่าเสียงสะอื้นของฉัน เสียงกรี้ดร้องในลำคอ ฝืนตัวเองแทบตายไม่ให้ร่างกายทำตามอย่างที่ใจนึกคิดเพราะใจยังไม่ปกติพอที่จะไว้ใจได้ในเวลานั้น ในใจคิดว่าถ้าตายคงสบายไปแล้ว ฉะนั้นน้ำตาทุกหยดของฉันคือหลักฐานยืนยันว่าฉันกำลังต่อสู้กับโรคนี้

    ที่ทำให้ประหลาดใจไปอีกคือขอบคุณ พี่มดกับพี่โจ้ ตัวแทนที่เปลี่ยนความหมายคำว่าลูกพี่ลูกน้องหรือคำว่าญาติในความคิดของฉันเปลี่ยนไป พี่มดส่งตรงจากญาติทางแม่ และพี่โจ้จากญาติทางพ่อ ด้วยรูปการโตมาในการเลี้ยงดูแบบครอบครัวแยก ยอมรับว่าไม่ได้อินกับความเป็นครอบครัวใหญ่อยู่แล้ว นึกไม่ออกว่าคำว่าเลือดข้นกว่าน้ำเป็นยังไง แต่แปลกใจจริงๆมันคงเป็นความสัมพันธ์บางอย่างแหละนะ ขอบคุณความห่วงใยที่มีให้มาตลอดเวลา คำแนะนำและคำปรึกษา มันมีความหมายกับหนูมากจริงๆ ขอบคุณจริงๆนะคะ

    นอกจากนี้ big thanks สำหรับหมาและแมวทุกตัวที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ การมีอยู่ของพวกเขาทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น ขอบคุณ ตะโก้ พี่เอิท ดี้ จำปี จำปา น้องหมาห้าตัวที่คอยมารับทุกเช้าไม่ว่าคืนนั้นฉันจะร้องไห้หนักแค่ไหนก็ตามขอบคุณที่ดีใจทุกครั้งที่เจอกันแม้ว่าเราจะห่างกันเพียงประตูครัวกั้นกันก็ตาม ขอบคุณส้ม และทองจัน สำหรับการให้ฝึกเลี้ยงแมวมือใหม่ ทำให้เข้าใจความเป็นแมวมากขึ้น ขอบคุณการเกิดใหม่ของทองจัน ขอบคุณที่หนูสู้จนสุดใจแม้ว่าจะขาหักแขนหักตั้งแต่หนึ่งเดือนแรกก็ตาม การเกิดมาของหนูเป็นแรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่ของเราเลยนะ ตอนนั้นยอมใจลูกแมวขาเดี้ยงตัวนี้จริงๆอะไรกันทำให้อยากมีชีวิตอยู่ขนาดนี้ ทั้งๆที่ฉันยอมแพ้และยกธงขาวแล้วแท้ๆ เห็นแววตาของน้องไม่แน่ใจว่ามีความหมายว่าอะไรนัก แต่รับรู้ถึงการอยากมีชีวิต ต้องยกให้เขาจริงๆ ขอบคุณจริงๆ

    ท้ายที่สุดแล้ว คงจะขอบคุณตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะพยายาม คิด วางแผน ทำ อะไรก็ตามที่จะทำให้ตัวเองต้องจากไป ฉันยังไม่หายหรอก ฉันยังกินยาทุกวันทุกคืน เงามืดยังเข้ามาบ้างในวันที่เผลอในวันที่ลืมตัวเอง ฉันยังต่อสู้กับตัวเองทุกวันในหัว เสียงที่ว่าจะดีไม่พอ ฉันเป็นภาระ ยังไม่มีค่า ฉันยังต่อสู้กับมันทุกวันจริงๆ ถึงแม้ฉันจะอยากตายฉันอีกคนก็ยังอยากมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ขอบคุณจริงๆที่ยังอยากมีชีวิตอยู่ ยี่สิบสี่ปีแล้วนะ เรารักคนของเรา ถึงแม้ว่าเราจะทำเหมือนไม่รักก็ตาม 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in