เราจำไม่ได้ว่ารู้จักม.ศิลปากร ตั้งแต่เมื่อไร แต่ที่จำได้คือถ้านึกถึงนักศึกษาที่นี่ จะนึกถึงผู้ชายผมฟูหนวดเฟิ้ม แต่งตัวเซอร์ๆ เสื้อผ้ามอมแมม เปื้อนสีที่กล่าวมาทั้งหมด จริงๆ แล้วคือคาแรคเตอร์ของนักศึกษาคณะจิตรกรรมฯ แต่คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าที่ศิลปากรสอนแต่วาดรูป หรือไม่ก็สอนนาฏศิลป์เท่านั้น (คงสับสนกับอะไรสักอย่างของกรมศิลปากร)
แต่พอช่วงที่เรียนมัธยมปลาย เริ่มต้องคิดถึงเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก็เลยต้องทำความรู้จักกับม.ศิลปากรแห่งนี้ให้มากขึ้น ทำให้ได้รู้ว่าที่นี่ยังมีคณะอื่นๆ ทั้งคณะทั่วๆ ไปอย่างบัญชี วิศวะฯอักษรฯ แต่คณะพวกนั้นต้องไปเรียนที่วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ส่วนม.ศิลปากร วังท่าพระ นั้นมีเพียง 4 คณะและที่สำคัญยังมีคณะมัณฑนศิลป์ซึ่งเป็นคณะที่สอนด้านการออกแบบด้วย
พอตัดสินใจว่าจะเรียนต่อด้านนี้ เพื่อนก็เลยบอกให้มาติวเพื่อเตรียมสอบกับรุ่นพี่นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ที่นี่ ปกติทุกคนจะเรียกกันว่า ‘พี่ติว’(ตอนแรกด้วยความเซ่อ เราเข้าใจไปเองว่าที่เรียกแบบนั้นเพราะพี่คนที่สอนชื่อติว)
ครั้งแรกที่มาม.ศิลปากร รู้สึกว่าที่นี่ไกลจากบ้านของเรามาก (บ้านเราอยู่แถวหัวลำโพง) แต่จริงๆ แล้วที่มันเหมือนไกลเพราะเราต้องนั่งรถผ่านเยาวราชซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องรถติดเป็นอันดับต้นๆ ในกรุงเทพฯ ในชั่วโมงเร่งด่วนที่การจราจรติดขัดรถติดจนแทบไม่กระดิกล้อ เราใช้เวลาเดินทางถึงสองชั่วโมงเลยทีเดียวครั้งต่อมาเลยลองนั่งเรือด่วนจากท่าสี่พระยา ซึ่งอันที่จริงต้องไปลงที่ท่าช้าง
แต่ด้วยความเซ่อ (อีกครั้ง) เราก็ดันไม่รู้จักท่าช้างอีก เลยคิดเอาเองว่าต้องนั่งไปลงท่าพระจันทร์
โดยไม่รู้อีกว่าเรือด่วนไม่จอดที่ท่าพระจันทร์จ้ะ สุดท้ายวันนั้นก็ได้นั่งเรือไปลงท่าน้ำนนท์กันเลยทีเดียว...
หลังจากนั้นก็ขยาดการนั่งเรือด่วนไปร่วมปี จนกระทั่งสอบติดแล้วได้เข้ามาเรียนเลยจำเป็นต้องกลับมาลองนั่งเรือด่วนอีกครั้ง เพื่อเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in