ใครที่เข้ามาอยู่ในรั้วโรงเรียนแห่งนี้แล้ว จะต้องเจอกับ
ค่ายแรก เรียกได้ว่าเป็นค่ายรับน้องเลยทีเดียว ที่โรงเรียนนี้ เราเรียกค่ายนี้กันว่า
'ค่ายยอด' หรือชื่อเต็มๆก็คือ
'ค่ายยอดนารีสตรีวิทยา' คงรู้แล้วสิว่านี่คือโรงเรียนอะไร ;)
ค่ายนี้เป็นค่ายที่เข้าพร้อมกันหมดทั้งรุ่น ซึ่งฉันเป็นรุ่นอะไรนั้นก็ต้องอ่านกันต่อไป ;) โดยเริ่มเลยจะเป็นพิธีในหอประชุม แค่อันนี้ก็กินเวลาจวนเที่ยงแล้ว ก่อนอื่นเลย ทุกคนที่เข้ามาถึงแล้วจะต้องเช็คว่าตัวเองอยู่ห้องอะไร โดยห้องกิฟต์จะอยู่ที่ห้อง 4 และห้อง 5 พอฉันรู้ห้องของตัวเองแล้วก็เดินไปที่ป้ายห้องที่เป็นรูปตัวการ์ตูน รอสักพัก พี่ม.ปลายจะพาขึ้นไปเก็บกระเป๋าในห้องนอนหรือก็คือห้องเรียนหนึ่งในตึกเจ็ดเป็นรอบๆ แล้วพากลับลงมานั่งรอจนถึงเวลา
พอถึงเวลา จะมีอาจารย์มาคุมให้เข้าแถวเป็นห้องๆ นักเรียนทุกคนจะมีพวงมาลัยอยู่ในมือคนละหนึ่งพวง เรียงต่อแถวกันตามลำดับไป เคารพธงชาติและสวดมนต์ก่อนที่จะทยอยเดินเข้าห้องประชุมไปเป็นแถวๆ พอถึงข้างในหอประชุม แน่นอนว่านั่งที่พื้น ส่วนเก้าอี้ทางด้านหลังจะเป็นของผู้ปกครอง พิธีจะเริ่มดำเนิน เด็กนักเรียนจะลุกไปทีละแถวเพื่อเดินขึ้นไปบนเวทีที่มีอาจารย์หลายท่านนั่งอยู่ วางพวงมาลัยไว้บนพาน กราบ และเดินกลับลงมา วนไปจนครบทั้งรุ่น
พอจบพิธีในส่วนนั้น จะมีสวดมนต์คล้ายพิธีไหว้ครู แต่อันนี้จะเป็นแนวๆฝากตัวเป็นศิษย์เทือกๆนี้ แล้วก็ร่วมกันร้องเพลงโรงเรียนเป็นอันเสร็จพิธี ให้อาจารย์หรือผอ.เนี่ยแหละออกมาให้โอวาทย์ แล้วก็มีเหมือนศิษย์เก่าออกมาเล่าเรื่องของโรงเรียนให้ฟัง ส่วนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อพอสมควร... ฉันเผลอหลับไปแวบหนึ่งด้วย
คราวนี้เสร็จสิ้นพิธีจริงๆละ ผู้ปกครองทยอยออกจากห้องประชุม มีกน.มาอธิบาย ให้ทานของว่าง ฉันจำได้ว่าเป็นซาลาเปาไส้หมูสับ ที่กลิ่นเครื่องเทศแรงมากแล้วฉันไม่ถูกกับกลิ่นเครื่องเทศสุดๆ ตอนนั้นคือกินแต่แป้งเลยแหละ... พอกินเสร็จกน.ก็ปล่อยออกไปเป็นแถวๆ โดยมีพี่เลี้ยงประจำห้องคอยคุม ไม่แน่ใจว่าห้องละกี่คนแต่คุ้นๆว่า 5-7 คนเนี่ยแหละ ตรงนี้ก็จะพาขึ้นไปเปลี่ยนชุดลำลอง เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มมั้งถ้าจำไม่ผิด ทำธุระส่วนตัว ผูกผ้าพันคอสีตามห้อง ซึ่งฉันได้สีบานเย็น... คือแสบตามาก
ส่วนตรงกิจกรรม ฉันจำรายละเอียดไม่ได้มาก จำได้แค่ว่ามีเป็นพวกในห้องประชุม แล้วก็มีโค้ดนิดๆหน่อยๆช่วงละลายพฤติกรรม กน.จะพูดว่า 'ใครไม่ก้าว' แล้วให้พวกเราต่อว่า 'หนึ่งหนึ่งก้าว' พร้อมทำท่าประกอบไปด้วยตามเลขรุ่น จะได้กินข้าวราวๆเที่ยง กับข้าวก็อร่อย มีทั้งอาหารเผ็ดแล้วก็อาหารที่ไม่เผ็ด ตรงเรื่องกิจกรรมต่างๆนี่ขอข้ามไปละกัน เอาเป็นว่าสนุกทุกอย่าง :)
มาถึงตอนเย็น ตรงนี้จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกให้กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ อีกส่วนคืออาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปกินข้าว ด้วยความที่ห้องน้ำมีน้อย(มาก) ฉันได้กินข้าวก่อน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นค่ายก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว มีให้เอาผ้าพันคอมาผูกข้อมือตัวเองกับเพื่อนข้างๆ เวลากินก็ลำบากไปอีก แต่ช่วยทำให้เราสามัคคีแล้วก็สนิทกันเร็วขึ้น
พอถึงตาฉันอาบน้ำ ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย การอาบน้ำที่นี่ก็คือรอบละ 5 คน เป็นอาบรวม ในห้องน้ำจะมีถังน้ำใหญ่ๆวางอยู่พร้อมขันตัก แต่ส่วนใหญ่ก็มีขันเป็นของตัวเองอยู่แล้วนะ... จะมีพี่เลี้ยงคอยบอกเวลาอยู่หน้าห้องน้ำ เอาตรงๆเลยคือถึงจะบอกว่าให้เวลารอบละ 10 นาที พอถึงเวลาจริงๆก็คือ 2-5 นาที... อย่าเรียกว่าอาบน้ำเลย ให้เรียกว่าเอาขันราดตัว สบู่ราดตัว แล้วขันราดตัวอีกรอบ
พออาบน้ำกินข้าวเสร็จก็เข้ารวมในหอประชุมต่อ คืนนี้เป็นคืนแรกมีบายศรีสู่ขวัญ ครูผูกสายสิญจน์ให้รับขวัญ แล้วไปต่อที่ฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกอยู่ในหอประชุมก่อน อีกส่วนออกไปเข้าฐาน พอเสร็จรอบแรกก็สลับกัน กว่าจะได้นอนก็ดึกเลย ฉันว่าฉันนอนดึกแล้ว แต่หลังจากพวกฉันปิดไฟนอนกันได้ พี่เลี้ยงถึงทยอยไปอาบน้ำกันแล้วค่อยนอน
มาตอนเช้าของวันที่สอง อันนี้พอตื่นแล้วก็ต้องรีบลงไปรวมกันข้างล่างเพื่อกายบริหาร ไม่ค่อยมีอะไรมากหรอก แต่จุดเด่นมันอยู่ตรงหลังกายบริหารเสร็จก็จะมีเล่นเกม ซึ่งเจ้าเกมที่ว่าเนี่ย ฉันเล่นได้มากสุดก็สามรอบแล้วโดนออกตลอด! ไม่เคยได้อยู่เป็นผู้ชนะ กน.เขาโหดจริงๆ
พอเสร็จกิจกรรมตอนเช้าก็แบ่งรอบไปอาบน้ำกับกินข้าวเหมือนเดิม คราวนี้บังคับให้ใส่เสื้อค่าย ก่อนที่จะมาผจญฐานเปียกน้ำทั้งหลาย บอกเลยว่าเปียกสุดๆ คือไม่มีใครไม่เปียก ก็จะรันฐานมาเรื่อยๆจนพอบ่าย อันนี้เรียกได้ว่าเป็นฐานที่สุดๆไปเลย ฐานนี้จะเข้าทีละห้อง ห้องที่ยังไม่เข้าก็รอข้างนอก บอกเลยว่าไม่รู้หรอกว่าโดนทำอะไรบ้าง เพราะพี่ให้ปิดตาแล้วจับคนข้างหน้าไว้ดีๆ แล้วก็บอกให้ห้ามทิ้งเพื่อน กับให้เชื่อสิ่งที่พี่พูดทุกอย่าง(เสียงดุ) แน่นอนว่าฉันก็ทำตาม แล้วก็โดนเล่นเลย...
ฉันเดินเกาะเพื่อนมาเรื่อยๆตามทาง จำไม่ได้หรอกว่าใครอยู่ข้างหน้า คนข้างหลังก็เช่นกัน รู้แต่เดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยตะโกนบอกว่าช้าๆหน่อยเพราะคนที่เกาะฉันอยู่เดินช้ามากกก แต่คนข้างหน้าเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ ฉันต้องวิ่งตาม เพื่อนที่เกาะฉันอยู่ข้างหลังก็ปล่อยมือ ตอนนั้นฉันตกใจมากพยายามควานหา จนมีพี่เดินมากระซิบแล้วบอกว่าตัดแถวให้แล้ว ไม่ต้องห่วง... ฉันไม่ได้ติดใจอะไร แต่พอผ่านมาสักพัก มีพี่เดินมากระซิบฉันอีกรอบ บอกแนวว่าทำไมทิ้งเพืื่อน ฉันคือคิดไว้เลยว่าอยากให้เธอไปคุยเธอไปคุยกับเขาก่อน แต่ก็โอเค ฟังพี่พูดต่อ ทีนี้พี่เขาว่าแรงมากกก ฉันก็พยายามกัดปากไว้ไม่ให้ร้องไห้ แต่สุดท้ายก็คือร้อง! อยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน...
พอผ่านตรงนั้นมาก็จะเหมือนเดินขึ้นบันไดเนี่ยแหละ แล้วก็เดินลง แบบงงมากว่าอยู่ตรงไหน... สุดท้ายก็มานั่งที่ไหนสักที่ พี่ให้กราบ อะ โอเคกราบ แล้วพี่ก็พูดประมาณว่าให้เรารักกันนะ แล้วก็มีให้ดื่มน้ำร่วมสาบาน และนั่นคือน้ำแดงใส่เกลือแน่ๆ รสกลิ่นมันใช่!
ในตอนกลางคืนของวันที่สอง มีคอนเสิร์ตในหอประชุม เพลงเยอะมาก มีทั้งเพลงไทย เพลงสากล เพลงเกาหลี แล้วฉันคือคนที่ฟังทุกแนว... ตื่นมาตอนเช้าก็คือเสียงหายไปแล้ว แต่นอกจากนั้นก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากๆ ทำเอาลืมไม่ลงไปเลยแหละ บางคนก็ร้องไห้ คือเป็นอะไรที่ดีมากㅠㅠ คือให้ตั้งแถว แจกเทียน แล้วก็เดินออกมาจากหอประชุม จะเห็นเป็นเทียนใส่อยู่ในแก้วเรียงกันเป็นรูปหัวใจ กับตัวอักษร 'SW119' แล้วก็ไปนั่งรวมกันกลางสนามบาส ทำพิธีเทียน พี่แต่ละคนจะเดินเข้ามาจุดเทียนให้น้อง ระหว่างทำพิธีก็คือต้องต่อสู้กับลมไปด้วย วันนั้นลมพัดแรงมากกก ฉันเมื่อยแขนสุดละ พยายามไม่ให้เทียนดับ จบพิธีพี่ก็เดินมาผูกสายสิญจน์ให้น้อง บางคนก็ได้หลายเส้น ส่วนฉันได้ 4 เส้น...
วันสุดท้ายไม่ค่อยมีอะไรมาก จะเป็นพวกฐานรักโรงเรียน แล้วก็บอกว่าแถวไหนอยู่ตรงไหน เข้าหอประชุม อันนี้จะเป็นเหมือนพิธีปิดค่ายละ พอออกมาจากหอประชุมก็มีพี่ยืนเอามือประสานกันทำเป็นประตูเหมือนที่ตอนเด็กๆเราเล่นรีรีข้าวสารกันนั่นแหละ มาจนถึงกลางสนามบาสแล้วก็บูมโรงเรียนกัน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าเอาลงมา กลับบ้านได้ เป็นอันจบค่าย...
เป็นค่ายที่สนุกมาก แล้วก็ได้ประสบการณ์ดีๆเยอะมาก แต่ที่เขียนไปข้างต้นมาจากความรู้สึกของฉันล้วนๆ บวกกับความที่เป็นคนจำอะไรไม่ค่อยได้ อาจจะเขียนบางเหตุการณ์สลับกันไปบ้าง หรืออาจจะลืมอะไรไปบ้างㅠㅠ แต่โดยรวมแล้วเป็นค่ายที่ดีมากๆ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in