เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storylittleowl
รีวิวเข้ารอบPortfolio ศิลปกรรมศาสร์ละคอน ธรรมศาสตร์
  • รีวิวเข้ารอบพอร์ต สินกำละคอนธรรมศาสตร์

                สวัสดีค่าาา...เราเป็นเด็กรุ่น 64 นะ (Dek64) อยากจะมารีวิวการเข้ารอบพอร์ตของคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคอน ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จริง ๆก็ผ่านมาสักพักแล้วแหละ แต่ไม่ได้มีโอกาสเขียนสักที คิดว่าอยากเขียนไว้ เผื่อมีรุ่นน้องอยากมาเข้าที่นี่ จะได้เป็นข้อมูลเอาไว้เตรียมตัวบ้าง ?

                เกริ่นก่อนว่าคณะศิลปกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คืออะไร ไม่ค่อยมีคนได้ยินชื่อสักเท่าไหร่ คือคณะนี้ไม่ใช่คณะวารสารศาสตร์นะแต่อยู่ตึกเดียวกัน ? ซึ่งคณะนี้จะประกอบด้วย 2 สายหลัก ๆ คือ 

    1. การละคอน ที่เราเรียนอยู่ 
    2. คือเอกพัตราภรณ์ มีแยกอีกว่าเป็นแฟชั่นหรือสิ่งทอ

    คณะเราอยู่ที่รังสิตนะ (กว้างใหญ่ไพศาลจะมีอีกเอกหนึ่งคือออกแบบหัตถอุตสาหกรรมอยู่ที่ลำปาง

                ซึ่งพูดถึงเอกการละคอน ที่ธรรมศาสตร์เนี่ย ปีหนึ่ง เราจะเข้ามาเรียนเหมือนกันหมด เรียนพวกพื้นฐานการทำละครเวทีทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง บท ฉาก แสงสี เสื้อผ้า แต่งหน้า ทั้งหลายแล้วปี 2 ถึงจะเริ่มมีให้เลือกสายที่ตัวเองสนใจ เช่น สมมุติว่าเราชอบการแสดงการกำกับ ก็จะเรียนลึกลงไปในสายนี้เลย ซึ่งก็จะมีหลายสายให้เราเลือกนะ ทั้งการแสดง กำกับ แต่งหน้าสำหรับละครเวที เขียนบท ฉาก ไฟ เสียง ฯลฯ ซึ่งพอเรียนลึกลงไปด้านใดด้านหนึ่ง ปี 4 ก็จะได้ทำวิทยานิพนธ์ด้านนั้น 

               การเรียนของที่ธรรมศาสตร์อะนะ เนื่องจากก่อนหน้านี้ การละคอนรวมอยู่กับคณะศิลปศาสตร์เราก็เลยจะมีความเรียนทฤษฎีและเนื้อหาเยอะ (ก็คืออ่านหนังสือเยอะนั่นแหละ) แต่พอเราเป็นศิลปกรรมศาสตร์ เพราะงั้นด้านการลงมือเราก็ไม่แพ้กันนะ และที่ธรรมศาสตร์มีโรงละคอนที่ได้มาตรฐานสุด ๆ ด้วย ยิ่งทำให้ภาคปฏิบัติสนุกเข้าไปใหญ่เลย (รอไปเรียนที่มอไม่ไหวแล้วว) อันนี้ก็เป็นคร่าว ๆ เกี่ยวกับคณะและเอกของเรานะ

                มาสู่ช่วงสำคัญที่เราอยากจะมาแชร์เรื่อง PORTFOLIO 

                คือตอนแรก เราแทบจะไม่รู้จักคณะนี้เลยรู้แค่ว่าครูที่สอนเราจบมาจากคณะนี้   พอถึงช่วงที่ตามหาตัวเอง ก็เลยลองสุ่ม ๆ มาเรื่อย ๆ เราเป็นคนที่ชอบทำงานด้านนิเทศ วารสาร การละครอยู่แล้วแล้วก็ชอบทำอีเวนท์ด้วย ก็เลยดูว่าคณะไหนมันเหมาะกับเราตอนแรกก็เลือกที่นิเทศศาสตร์ของจุฬานะ อยากเรียนด้านวารสาร แต่อีกใจก็อยากเรียนทำละครอยากเป็นคนเบื้องหลัง ก็เลยตั้งไว้เป็นช้อยส์ใกล้ ๆ กันส่วนที่เลือกธรรมศาสตร์ ส่วนหนึ่งเพราะชอบความเป็นธรรมศาสตร์ แล้วก็คุยกับครูที่จบคณะนี้มาเราชอบในสิ่งที่ครูสอนเรา แล้วอยากเรียนลงไปลึก ๆ ด้านนี้เลยเลือกเรียนมหาลัยเดียวกับครู เพราะชอบเนื้อหานั่นแหละ

                กลับมาสู่พาร์ทของความจริงจัง

                ช่วงม.ปลายเป็นช่วงที่เราค้นหาตัวเองไปเรื่อย ๆ เลยได้ลองทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างส่วนหนึ่งก็โชคดีด้วยแหละที่โรงเรียนสนับสนุนให้ทำกิจกรรม ทั้งทำละครเวทีทุกปีเข้าร่วมงานสัมนาต่าง ๆ  มีออกไปทำ Staff ข้างนอกบ้างแล้วยังมีทำหนังสือในชมรมอีก  ก็คือพยายามพัฒนาตัวเอง ทำงานและค้นหาตัวเองมาเรื่อย ๆ (ผลงานตอนทำพอร์ตเลยจะไม่เหนื่อยมาก) 

         เริ่มมาแน่ใจตอนม.6 ว่ายังไงเราคงนี้ไม่พ้นงานด้านสื่อบันเทิงการสื่อสารงานเบื้องหลังแล้วล่ะ ช่วงต้นม.6 ก็เลยเริ่มรวบรวมงานที่ตัวเองทำ เริ่มจากทำลิสต์ รวมรูป งานทุกชิ้นที่เคยทำ ยิบย่อยบ้างก็ได้ เอาผลงานใหญ่มาประปราย ลองวาง Template เล่น ๆ ศึกษางานพอร์ตจากเด็กรุ่นก่อน ๆ ของต่างประเทศบ้าง เราว่าสิ่งที่เราภูมิใจแล้วมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเลยคือการทำงานออกแบบบนคอมพิวเตอร์เป็นมันสำคัญมาก ๆ ฝึกไว้แต่เนิ่น ๆ นะ เพราะพอถึงเวลา เราต้องใช้จริง ๆ ยิ่งถ้าเราทำงานให้ดูเป็นตัวเองได้เท่าไหร่ ก็จะยิ่งโดดเด่นขึ้นเท่านั้น ในมุมมองเรานะ 

                      ในช่วงเวลาระหว่างม.6 นั้นเราก็เริ่มถ่ายรูปผลงานเก็บผลงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเรื่อย ๆ นะ จนเราได้รับประกาศของธรรมศาสตร์ รอบ Portfolio รอบนี้คือจะไม่ใช้คะแนนสอบนะ แต่เกรดต้องถึงที่เขากำหนดแล้วก็มีผลงาน อันนี้แนะนำให้ทุกคนติดตามเพจที่จะคอยประกาศไว้นะ จะได้ตามข่าวง่าย ๆ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับคณะค่อนข้างหายาก ต้องดูเป็นรอบ ๆ ไป

                     ซึ่งรายละเอียดของรอบพอร์ตเขาก็จะประกาศทางเว็บงานรับเข้าธรรมศาสตร์ ว่าต้องเตรียมเอกสารและชำระเงินอย่างไรบ้าง

               ตอนนั้นคือเราก็ลองอ่านรายละเอียดของมอดู อันนี้เราขอชมธรรมศาสตร์ก่อนเลย คือ คณะนี้รายละเอียดรอบพอร์ตคือแน่นมาก บอกว่าต้องใส่อะไรหน้าไหน ซึ่งเราชอบนะ แถมโทรไปถามรายละเอียดได้ เขาตอบมาแบบใจดีมาก 

                    ซึ่งรายละเอียดที่ต้องใส่ในพอร์ตก็ เน้นที่ผลงานด้านละครเวที เขียนบท งานภาพยนต์ต่าง ๆ แทรกผลงานวาดรูป หนังสือ อื่น ๆ ลงไปบ้าง ประกาศนียบัตร ไม่ต้องเกี่ยวกับละครทั้งหมดก็ได้ แต่เน้นที่ความน่าสนใจและความสามารถของเรา แล้วก็มีให้ใส่ใบเกรดกับ statement of purpose 

            ที่นี้เราเลยเอารายละเอียดนี้ไปคุยกับครูแบบว่าลองยื่นดูดีไหม ไม่น่าจะติดหรอก แต่เป็นการได้ลองอะไรใหม่ ๆคือไม่อยากซีเรียสกับชีวิต ปรากฏว่าการคุยครั้งนั้นส่งผลให้เรามีไฟและจริงจังขึ้นมาเฉยสรุปคือเรารื้อพอร์ตที่ทำไว้ตอนต้นปีทั้งหมดเลยแล้วมานั่งทำใหม่ 2 อาทิตย์เต็มได้พอร์ตเล่มใหม่ พอร์ตเล่มนี้เราเลิกดูรูปแบบจากคนอื่น ๆ แต่เปลี่ยนความคิดเป็นว่า ฉันอยากจะเสนอความเป็นตัวเองยังไงผ่านหนังสือเล่มนี้ให้อาจารย์เปิดแล้วอยากรู้จัก อยากที่จะให้โอกาสเด็กคนนี้เรียนพอร์ตเราจะเป็นพื้นสีดำแล้วเล่นด้วยรูปทรง สีของแสง ซึ่แสดงถึงความเป็นตัวเราที่มีความไม่ขาวแต่ก็ไม่มืดมาก ที่สำคัญคือมันจะไม่เหมือนใครแน่นอนเพราะเราจัดวางเองทุกชิ้นอย่างที่บอกว่าออกแบบบนคอมพิวเตอร์เป็นจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นส่วนปกก็ทำให้ดูแหวกแนว แต่เรียบ ๆ นะ ให้อาจารย์มองเห็นให้จินตนาการกับตัวเองว่าถ้าสมมุติมีพอร์ตสักพันเล่ม เขาต้องหยิบเล่มของเรา ก่อนส่งเราก็ให้คนอื่นช่วย ๆ ดูและติก่อนจะได้ผลงานที่โอเคที่สุด แล้วก็ส่งไปลุ้นเลย ? (เป็นการส่งไฟล์ทางออนไลน์)

          คือถึงแม้ว่าเราพยายามจะไม่จริงจังในตอนแรกแต่พอเราทุ่มเทไปหมดตัว เราก็ขอให้ผ่านเถอะ ซึ่งก็ไม่คาดฝัน ติดรอบสัมภาษณ์จริง ๆ ด้วยจากร้อยกว่าคนเหลือ 10 คน 

    (วิ่งกรี้ดรอบโรงเรียน╰(*°▽°*)╯)

                มาถึงรอบสัมภาษณ์กันบ้างเขาจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ให้สอบกับส่วนที่สัมภาษณ์ ซึ่งสอบก็จะเป็นเน้นไปที่การวิเคราะห์ น่าจะแล้วแต่โจทย์ของแต่ละปี

                มาถึงส่วนสัมภาษณ์ เราสัมภาษณ์ทางออนไลน์คือคนอื่นเขาจะแจ้งก่อน แต่ของเราคือโทรมาเลย เป็นกลัวนะ เราก็รับไปปรากฏอาจารย์นั่งสัมเป็น 10 คนเลย ตกใจมาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอาจารย์คนแรกก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่าให้เราแนะนำตัวซึ่งเราจบด้วยว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่สอนทำละครตั้งแต่เด็ก เป็นโรงเรียนแปลกๆ อาจารย์เลยถามว่าแปลกยังไง เราก็เล่าไปว่าเราเคยทำละครเวทีมาตั้งแต่เด็กประมาณม.ปลายก็เริ่มจริงจังมากขึ้นในแต่ละปีก็จะมีละครใหญ่ในโรงเรียนที่เราได้มีโอกาสเข้าร่วมในการทำหน้าต่าง ๆ บลาๆ จบไป อาจารย์ก็ถามว่าเราเรียนกับครูคนไหนสอนอะไรบ้างเกี่ยวกับละครคือครูละครเราเยอะ ก็เลยพูดไป มีบางคนอาจารย์ก็อ๋อบ้าง แล้วอาจารย์ก็ให้เราอธิบายบทความกับภาพที่เราเขียนจากนั้นก็ถามว่าเราชอบละครเวทีเรื่องไหน ทำไมถึงชอบ ซึ่งตอนนั้น็ตอบไปว่า Hamilton เพราะชอบความโปรดักชั่นที่ทำให้รู้ว่าเรากำลังแสดงละครอยู่คือแสดงให้รู้ว่าแสดง แอบงง แต่ประมาณนั้นแหละ 

    อาจารย์ก็ถามต่อว่าทำไมถึงเลือกมาเรียนที่ธรรมศาสตร์ แล้วก็ถามว่าเคยไปงานเทศกาลละครไหม หลังจากนั้นก็ไม่มีไรละ เลยวางจบการสัมภาษณ์

             ตอนนั้นก็คิดว่าคงจะไม่ได้หรอกเพราะคุยแค่ 10 นาทีเอง คนก่อนหน้าคุยตั้งครึ่งชม.แหน่ะ แล้วก็คิดว่าเรายังตอบไม่ดีพอแน่ๆ เลย มีหลายจุดมึนเบลอและงงมาก ๆ

    ซึ่งสุดท้ายก็ประกาศผล เราเรียนอยู่ก็เฮฮายินดีพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้อง

    อยากบอกว่าที่นี่ดีมาก ๆ เลยนะทุกคน สังคมคือน่ารักมากสำหรับเรา อาจารย์ก็คือเก่งมากจริง ๆ มาเป็นเด็กสินกำมธกันนะคะ

    ขอให้ทุกคนโชคดีกับมหาลัยที่ใฝ่ฝันนะคะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in