เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
out of the silent planetscar.
King Arthur: กษัตริย์ที่แท้ทรู

  • อาจมีสปอยเลอร์


    • แต่ไหนแต่ไรมา ตำนานอัศวินโต๊ะกลมก็เป็นเรื่องที่มีหลายเวอร์ชั่น ไม่ได้มีคนแต่งแค่คนเดียวหรือฟันธงเป็น official แหล่งเดียวกัน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเขาว่ากันว่าอาเธอร์มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่ประวัติศาสตร์กับตำนานบางทีก็แยกจากกันไม่ขาด (สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับตำนานนี้อยู่แถวๆ คอร์นวอลล์ ทางใต้ของอังกฤษนั่นเอง มีปราสาทด้วยนะ ชื่อ Tintagel Castle) 


    • นั่นทำให้การนำตำนานอาเธอร์มาเล่าใหม่ มักมีองค์ประกอบคล้ายๆ กัน ตัวละครชุดเดิมแต่รายละเอียดไม่จำเป็นต้องเป๊ะตรงกันเสมอไป ตำนานอาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลมมีการต่อเติม แต่งเพิ่ม คาดเดากันมาโดยตลอด (สรุปคือเขานิยมงอกแฟนฟิคของแฟนฟิคของแฟนฟิคกันมานานแล้ว...) แต่ถ้านับฉบับนิยายที่เป็นเสาหลักของตำนาน หนึ่งในนั้นคงไม่พ้น Le Morte D'Arthur ของโธมัส มาลอรี หรือฉบับโมเดิร์นซึ่งมีการสอดแทรกการเมืองยุคหลังสงครามโลก และเป็นหนังสือโปรดของแมกนีโต ก็ The Once and Future King


    • แต่ทุกเวอร์ชั่น อย่างน้อยต้องมีอาเธอร์กับดาบในศิลา ซึ่งมาพร้อมกับคอนเสปต์ The Born King (บางทีก็ The True King) เสมอๆ แม้แต่ฉบับหนังที่ไคลฟ์ โอเวนเป็นอาเธอร์ (ที่มีทีมอัศวินเป็นชาติปางก่อนของฮันนิบาลกับวิล แกรห์ม... นั่นแหละนะ) อันนั้นเป็นฉบับที่เขาว่าพยายามทำให้สมจริงและมโนให้ใกล้เคียงประวัติศาสตร์ แต่ก็ยังเล่าถึงดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์สักหน่อยอยู่ดี 


    • ดังนั้น พอมาถึงยุคกาย ริชชี จะเล่าทื่อๆ เดิมๆ ก็คงไม่ใช่แนวแล้ว ในเมื่อเล่าใหม่แบบเท่ๆ อย่างงี้ก็ได้ ดังนั้นในเซตติ้งของจักรวาลนี้ คาเมลอตจึงเป็นลอนดิเนียม ซึ่งหมายถึงลอนดอนโบราณ เป็นอังกฤษในยุคหลังโรมัน-ก่อนแซ็กซอน (ไวกิ้ง) โจมตี แต่เป็นอังกฤษที่มีพลังแฟนตาซี เรียกได้ว่า alternate universe ไปอีก


    • วอร์ติเกิร์นก็มีตัวตนในประวัติศาสตร์ (เคยอยู่ในยุคหลังโรมันครองอังกฤษเช่นกัน) มีบันทึกหลากหลายเหมือนกัน แต่ทุกเวอร์ชั่น วอร์ติเกิร์นมักเป็นตัวร้าย ไม่ usurper ก็เป็นทรราช


    • กลับมาธีม The Born King หรือ The True King หรือก็คือกษัตริย์ที่ "แท้จริง" ในจุดนี้มีสองความหมาย หนึ่งคือการเป็นผู้สืบเชื้อสายของแท้ อีกความหมายคือเป็นผู้ที่ควรได้ครองบัลลังก์และเป็นกษัตริย์จริงๆ


    • ถ้าขยายความต่อไปอีก ธีมนี้เป็นหนึ่งในธีมคลาสสิกที่พบเห็นได้ในวรรณคดีอังกฤษบ่อยอยู่ เพราะมันว่าด้วย legitimacy ของผู้ปกครอง ตั้งคำถามว่า "ความเป็นกษัตริย์" หมายถึงอะไร บางครั้งในเรื่องอื่นๆ ก็จะเน้นตีความที่ประเด็นของสิทธิ/อำนาจในการปกครองเหนือผู้อื่น (เช่น Richard II ของเชคสเปียร์ เชื่อว่าสิทธินั้นเป็น divine right เป็นต้น)


    • เมื่ออยู่ในหนังของกาย ริชชี ที่อาเธอร์เป็นพวกติดดินลุยๆ อัศวินแก๊งสเตอร์ ธีมนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคาแรกเตอร์และโทนเรื่อง การเป็นพระราชาสำหรับอาเธอร์เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้หมายถึงการปกครองคนอื่น มากเท่าการยอมรับตัวตนที่แท้จริงและเข้าใจหน้าที่ของตัวเองก่อน


    • ในเรื่องยังตอกย้ำพูดถึงสมดุลอยู่หลายครั้ง เพราะมีพิษเลยมียาถอนพิษ มีความชั่วก็ต้องมีความดีมาต้านทาน และเมื่อมีทรราช ก็ต้องมีกษัตริย์ที่แท้ทรูมาสู้กัน ดังนั้นหนังเลยคงสารเดิมๆ แบบคลาสสิคเอาไว้ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีปะทะความชั่ว right vs wrong เหมือนเดิม 


    • วอร์ติเกิร์นกับอาเธอร์เป็นเหรียญสองด้าน วอร์ติเกิร์นอยากเป็นกษัตริย์มากๆ ถึงขั้นยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้ปีศาจในน้ำช่วยเหลือ ส่วนอาเธอร์ใช้เวลาแทบทั้งเรื่องเพื่อปฏิเสธ เป็นลม วิ่งหนี โยนดาบทิ้งไปแล้ว เลดี้ออฟเดอะเลคยังเอามายัดเยียดให้ (สงสารเขานะคะ 555) วอร์ติเกิร์นเดียวดาย แต่อาเธอร์ไม่เคยโดดเดี่ยวทั้งที่เป็นเด็กกำพร้า 


    • ถ้าดาบคือสัญลักษณ์อำนาจและสิทธิความเป็นกษัตริย์ของอาเธอร์ สัญลักษณ์ของวอร์ติเกิร์นก็คือหอคอย ตามคำทำนายของปีศาจในน้ำ ถ้าวอร์ติเกิร์นสร้างหอคอยเสร็จก็จะได้เป็นผู้ครองอำนาจ 

    • ถ้าหากรู้สึกคุ้นๆ กับสัญลักษณ์คู่นี้ ก็เพราะมันมาแนวเดียวกับ Lord of the Rings: The Return of the King นั่นเอง หอคอยแทนความชั่วร้ายของทรราช (เซารอน) ดาบแทนสัญลักษณ์ของกษัตริย์คืนบัลลังก์ผู้มีสิทธิที่แท้จริง


    • ด้วยเหตุนี้ เมื่อดาบพบกับหอคอย เมื่ออาเธอร์เข้าใจที่มาและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และดึงดาบออกจากร่างของพ่อ ซึ่งในทางหนึ่งคือสัญลักษณ์การส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อยอมรับสิทธินั้นไว้เต็มตัว อาเธอร์จึงเอาชนะปีศาจได้ในที่สุด หลังจากที่บอกว่าวอร์ติเกิร์นเป็นคนสร้างเขาขึ้นมา อีกทั้งวอร์ติเกิร์นยังทำให้อาเธอร์เข้าใจปีศาจ (you make sense of the devil) เพราะปีศาจที่น่ากลัวที่สุด ก็คือตัวที่อยู่ในใจเราเอง


    • ป.ล. ส่งท้าย อันนี้เดา แต่เราว่าถ้ามีภาคต่อไป เมจคงจะเป็นกวินิเวียร์ (คือชื่อของกวินิเวียร์บางที่แปลว่า ภูติขาว เวทขาว white enchantress อะไรประมาณนี้) 
     
    • ป.ป.ล. ได้เห็น Katie McGrath (มอร์กานาใน Merlin) โผล่มานิดนึงนี่รู้สึกเซอร์ไพรส์มากๆ วูบนึงยังเผลอคิดว่าเป็นมอร์กานาอยู่เลย 555



      



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in