เรื่องราวของชายหนุ่มผู้นึงที่เจอหญิงสาวในงานแต่งงาน          วันนึงหญิงสาวได้พูดเรื่องปอกส้มและได้ปอกส้มเรื่อยๆ ต่อมาเธอใช้สองมือหยิบส้มและปอกมันราวกับว่าในมือของหล่อนมีส้มอยู่จริงๆเนื่องจากหญิงสาวผู้นี้เป็นนักแสดงละครใบ้จึงไม่แปลกที่จะทำท่าได้สมจริงราวกับว่ามันมีส้มอยู่ในมือ

อยู่มาวันนึงหลังจากเธอกลับจากแอลจีเรียเธอได้พาแฟนหนุ่มมาให้ชายหนุ่มผู้นั้นรู้จัก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือหญิงสาวนั้นแทบไม่รู้เรื่องที่ชายหนุ่มได้ทำงานอะไรเลย น่าแปลกที่ตัวเอกที่พึ่งพบเจอแฟนหนุ่มได้รับรู้ว่าเขาทำงานอะไร
หลังจากทั้งสามคนเจอกันบ่อยๆ วันนึงแฟนหนุ่มและหญิงสาวได้ขอไปเที่ยวบ้านตัวเอก เมื่อเมาได้ที่หญิงสาวสวยได้ชิงหลับไปก่อน เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนนั่งคุยกันและเล่นบทละคร
ทันใดนั้นจู่ๆชายหนุ่มก็พูดโพล่งว่า เขาเผาโรงนา
ตัวเอกตกใจเล็กน้อยและคุยเรื่องนี้กันไม่ให้หญิงสาวได้ยิน เมื่อตัวเอกค้นพบแล้วว่าโรงนาต่อไปที่พระเอกจะเผาคือโรงนาใกล้ๆที่แห่งนี้ และอีกไม่นานก็คงจะเผา ชายหนุ่มผู้มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษจึงเริ่มออกตระเวนหาโรงนาใกล้ๆบ้านเขา คอยสังเกตโรงนาทุกวันแต่ก็ค้นพบว่าโรงนายังคงอยู่ดีไม่มีสักที่ที่โดนเผาเลยแม้แต่น้อยจนผ่านเวลามาเนิ่นนาน แต่มีความประหลาดใจคือหญิงสาวนั้นได้หายไปจากชีวิตชายหนุ่มแทน เขาได้ไปที่ห้องของหล่อนก็ไม่พบ โทรหาก็ไม่ติด จนได้ข้อสรุปว่าหญิงสาวหายตัวไปแล้ว

  
สรุป : โรงนาที่ชายหนุ่มบอกเสมอว่าเขาจะชอบเผานั่นก็คือแฟนของชายหนุ่มที่คบกันนั่นเอง เพราะชายหนุ่มบอกว่าชอบเผาโรงนา แต่เมื่อแฟนหนุ่มได้บอกว่าจะเผาโรงนาใกล้ๆนี้นั่นหมายความว่าคือแฟนของเขานั่นเอง เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุด
จังหวะที่ตัวเอกรับรู้ว่าผ่านมาปีนึงแต่โรงนาที่อยู่ใกล้ๆเขาไม่ได้หายไปเลยแม้แต่หลังมีเพียงแต่หญิงสาวที่จู่ๆก็หายไป เรื่องนี้ตีความตรงตัวอาจจะงงว่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นอะไรของเขาถึงได้ชอบเผาโรงนา แต่แท้จริงแล้วโรงนาที่ว่าหมายถึง’คน’นั่นเอง