ลิ้น
มันเป็นแค่เช้าธรรมดาๆ วันหนึ่ง เช้าธรรมดาๆ ที่จะแมตต์ทำหน้าที่ของเขาตามปกติ ให้อาหารโอลิ แล้วอยู่กับเขาคอยสังเกตพฤติกรรม
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อโอลิเริ่มไอ
แมตต์แค่ละสายตาไปชั่ววินาทีเดียว เขาปล่อยให้โอลิจัดการกับชามเนื้อสับด้วยตนเองในขณะที่เขากำลังก้มไปหยิบมื้อเช้าของตัวเอง
แค่วินาทีเดียวเท่านั้น
แต่โอลิเริ่มหอบและไอสำลัก
แมตต์โยนกล่องข้าวตัวเองทิ้งไปแล้วรีบไปดูเขา
“โอลิ นายไหวไหม?” เขาถาม โอลิส่ายหน้าและกุมคอตัวเองไว้แน่น
แย่ล่ะ… หรือว่ากระดูก?
“ไหน ขอฉันดูหน่อย” โอลิอ้าปากให้เขาดู แมตต์ดึงเขาไปอยู่ตรงที่ที่มีแสงชัดแล้วสำรวจดูในปากโอลิ สิ่งที่เขาเห็นคืออะไรบางอย่างสีเข้มที่ดูเปียกๆ อุดอยู่เต็มคอโอลิ และมันดูเหมือนกำลังขยายใหญ่ขึ้น อันที่จริงมันค่อยๆ โตขึ้นต่อหน้าต่อตาแมตต์จนเขาทันเห็นลิ้นไก่ของโอลิโดนกลืนหายไปกับก้อนสีเข้มนั่นด้วยซ้ำ
“อะไรวะเนี่ย”
โอลิหอบอีกครั้ง มือหนึ่งคว้าต้นแขนแมตต์แล้วบีบอย่างแรง แมตต์เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเขาหายใจไม่ออกจนหน้าเขียวแล้ว
"โอลิ!" แมตต์ร้องเรียกอีกครั้ง โอลิกำลังจะขาดหายใจ เขารีบโอบโอลิไว้จากข้างหลังแล้วใช้แขนรัดตามวิธีปฐมพยาบาลเพื่อดันอะไรก็ตามที่กำลังอุดคอเจ้ากิ้งก่าอยู่ให้ออกมา "แข็งใจไว้นะ!" เขาบอกพลางใช้กำปั้นกระแทกอีกครั้ง โอลิดิ้นอยู่ในอ้อมแขนเขา พยายามตะเกียกตะกาย ทำอะไรก็ให้ตัวเองหายใจได้อีกครั้ง เขาทุบอกตัวเอง ล้วงปากและข่วนคอกับหน้าตัวเองจนเลือดซิบ
แมตต์กระแทกกำปั้นเข้ากับโอลิอีกครั้งก่อนจะไม่ทันการ อีกฝ่ายกำลังเริ่มหมดแรงจะสู้แล้ว โอลิเริ่มตาพร่าใกล้จะหน้ามืด ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางลงไปทุกที สิ่งที่กำลังโตอยู่ในตัวเขากำลังทำให้เขาหายใจไม่ออก
“เดี๋ยว อย่า อยู่กับฉันก่อน!” แมตต์ตะโกนแล้วโวยวายให้คนช่วย ริชาร์ดกับเจ้าพวกบ้าในแล็บที่คอยเฝ้าโอลิมัวแต่ทำอะไรอยู่ เจ้าเด็กนี่… ไฮบริดมูลค่าหลายสิบล้าน… กำลังจะตายแล้วทำไมไม่มีใครเข้ามากัน?
เขากระแทกท้องโอลิสุดแรง จนอะไรบางอย่างที่ติดคออีกฝ่ายพุ่งออกมา
เนื้อสีม่วงตกลงพื้นดังแปะ โอลิสูดหายใจเฮือกแล้วไอค่อกแค่ก ก่อนล้มหมดแรงใส่แมตต์
เขารอดตายแล้ว
แต่แล้วเมื่อเขาก้มมองดูสิ่งที่เกือบทำให้เขาตายเมื่อครู่นี้ชัดๆ ถนัดตา เขาก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“อะไรวะเนี่ย” แมตต์สบถเมื่อเขาเห็นสิ่งที่ออกมาจากปากของโอลิ มันเป็นเนื้อสีแดงอมม่วงความยาวเกือบสองเมตรที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย ปลายของมันกองอยู่ที่พื้น ส่วนปลายอีกด้านยังคงคาอยู่ในปากโอลิ แล้วจู่ๆ มันก็ขยับได้ ทำเอาแมตต์กระโดดหนีด้วยความตกใจ ทำเอาโอลิสะดุ้งไปด้วย เขาคว้าเจ้าสิ่งนั้นให้มันอยู่นิ่งๆ แล้วหันมามองแมตต์ สายตาฉายแววความกลัวออกมา
“แมจ…” เขาเรียกเสียงสั่น เจ้าเนื้อนั้นทำให้เขาพูดแทบฟังไม่รู้เรื่อง
เจ้าเนื้อนั่น… คือลิ้นเขา
ไม่ว่าโอลิจะดูเหมือนชาด้านกับอาการกลายพันธุ์ต่างๆ แล้ว แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แมตต์ได้เห็นแววตาของเขาที่กลัวจับใจ
ก่อนที่แมตต์จะได้พูดอะไร หรือดึงเขามากอดเพื่อปลอบ เจ้าพวกคนที่แล็บก็เข้ามาดึงตัวโอลิออกไปและพาเขาไปที่ห้องแล็บเพื่อสังเกตอาการตามเคย แมตต์ได้แต่ยืนดูโอลิบนเตียงผ่าถูกทดลองต่างๆ นานาผ่านกระจก พวกนั้นทั้งจับ ทั้งดึง ทั้งจิ้ม ทั้งขูดเพื่อเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ โอลิที่หายจากอาการช็อคแล้วเริ่มส่งเสียงขู่และแยกเขี้ยวใส่พวกนักวิจัยอย่างดุร้าย
ไม่คิดจะให้เวลาเขาเลยรึไงวะ แมตต์ยืนกำหมัดแน่น พวกนั้นไม่ยอมให้เด็กนั่นได้มีเวลาพักเลยแม้แต่น้อย
ขั้นตอนต่อไป พวกเขาสอดเครื่องมือเขาไปในปากโอลิเพื่อง้างมันให้เปิดค้างไว้เพื่อที่จะได้ดูได้ว่าลิ้นกลายพันธุ์ขนาดยักษ์นี้มันซ่อนอยู่ในตัวเขาได้ยังไง แล้วจะทำยังไงให้มันหายไปได้บ้าง โอลิได้แต่ดิ้นไปมาพลางส่งเสียงกรีดร้องลั่นจนแมตต์ต้องเบือนหน้าหนี
ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของเขา เพราะวินาทีต่อมาหลังจากพวกนักวิจัยเอาเครื่องมือออกจากปากโอลิ เจ้ากิ้งก่าก็สับกรามงับดังฉับ...
และกัดลิ้นตัวเองจนขาดในทีเดียว
ทีมนักวิจัยในชุดกาว์นแตกฮือ ลิ้นกลายพันธุ์นั่นนอนจมกองน้ำลายอยู่ที่พื้น ส่วนโอลิที่เลือดกบปากกัดฟันหลับตาแน่นแล้วเอาหัวกระแทกเตียงซ้ำๆ ด้วยความเจ็บปวด
“โอลิ!” แมตต์ตะโกนแล้วตัดสินใจบุกเข้าไปในห้อง เขาวิ่งไปหาโอลิที่เตียง แต่อีกฝ่ายขู่ฟ่อใส่เขาอย่างดุร้ายไม่ต่างกับสัตว์ที่กำลังจนตรอก เขารู้ว่าตอนนี้โอลิคงไม่ฟังอะไรแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามพูดปลอบ โอลิก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี เพราะวินาทีต่อมาเขาก็ถูกการ์ดชาร์จแล้วรวบตัวออกจากห้อง
แมตต์ได้แต่โวยวายหาโอลิอยู่หน้าห้องแล็บ การ์ดสองคนที่ล็อคตัวเขาไว้ตัวใหญ่เกินไป เขาไม่มีทางสู้ แต่ไม่นานริชาร์ด หัวหน้าศูนย์วิจัยก็เดินออกมาพร้อมกับโอลิ เจ้ากิ้งก่าดูหมดฤทธิ์ไม่ดุร้ายเหมือนที่เขาเห็นเมื่อครู่ อันที่จริงโอลิหันมาส่งรอยยิ้มโชกเลือดให้กับเขาด้วยซ้ำ
ยาสลบอีกตามเคย… เขาคิดเมื่อรับโอลิมา โอลิปรือตามมองเขาแล้วส่งเสียงครางในลำคอ ฤทธิ์ยาไม่เต็มโดสไม่ทำให้เขาสลบในทันที แต่งุนงงกับทุกสิ่งรอบตัว เขาซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของแมตต์เหมือนกับแมวพลางใช้หางตัวเองรัดต้นขาของอีกฝ่ายไว้แน่น แมตต์ถอนหายใจเฮือก เสื้อของเขาคงเลอะเลือดซักไม่ออก เขาหวังว่ามันไม่ใช่เลือดของคนในแล็บ… แต่ดูท่าทีของห้องแล็บที่ดูสงบในระดับนึงแล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าโอลิไม่ได้ไปกัดคอหอยใครเข้า
“พาเขากลับไปที่ห้อง” หัวหน้าของเขาสั่ง แมตต์ไม่รอช้า อุ้มเขากลับไปที่ห้องทันที
“แมะ…” โอลิเรียกเสียงอ่อย ทำเอาเลือดผสมน้ำลายย้อยใส่ไหล่ของเขาเพิ่ม
“ไม่ต้องพูด พักก่อน” เขาว่า เจ้าบ้าโอลิ ทำไมถึงทำแบบนี้
โอลิส่งเสียงในคอ ทั้งปากของเขาระบมไปหมด ยาสลบแค่ทำให้เขามึนแต่ไม่ได้ทำให้อาการเจ็บในปากหายไป
แมตต์วางโอลิลงที่เตียง เจ้ากิ้งก่าค่อยๆ มุดลงไปใต้กองผ้าห่มแล้วส่งเสียงครางในลำคอเหมือนแมว แมตต์รู้สึกเหมือนโดนใช้แล้วทิ้ง แต่เขาได้แต่ยักไหล่ ยังไงเขาก็ต้องปลุกโอลิมาทำแผลอยู่ดี
แต่พอเขาจะเดินไปหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เขาก็โดนดึงขากางเกงไว้ กรงเล็บทู่ๆของโอลิเกี่ยวขากางเกงของเขาไว้เป็นเชิงบอกว่าอย่าเพิ่งไป แมตต์ถอนหายใจแล้วก้มลงไปดึงออก
“ฉันแค่เดินไปหยิบของเอง” เขาว่า โอลิส่งเสียงครางในลำคอประท้วงแต่ก็ไม่ได้ดึงเขากลับมาอีก เขาเดินไปเปิดตู้ แล้วก็สบถในใจ กับแผลข่วนที่หน้ากับคอเขายังพอดูแลได้ แต่แผลที่ลิ้นที่เจ้าเด็กนั่นกัดขาดเขาจะทำยังไง แถมไม่ใช่ลิ้นปกติอีก…
ให้ตายเถอะโอลิเวอร์ ไม่มีซักวันเลยใช่ไหมที่นายจะไม่ทำให้ฉันเกือบหัวใจวายตายน่ะ
การทำแผลผ่านไปด้วยดี ฤทธิ์ยาสลบยังมากพอที่จะทำให้โอลิไม่แผงฤทธิ์อะไรกับเขาอีก ส่วนแผลในปากแมตต์ได้แต่ทาๆ ยาฆ่าเชื้อให้นิดหน่อยๆ จนกระทั่งโอลิเริ่มส่งเสียงขู่ในคอเขาถึงละมือ
เขาไม่แน่ใจว่าพวกคนในแล็บเห็นกันรึยัง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าโอลิมีสองลิ้น…
ลิ้นเดิมของเขายังอยู่ในสภาพดี ส่วนลิ้นที่งอกออกมาใหม่เหลือเป็นแค่ก้อนเนื้อด้วนๆ งอกมาจากโคนของลิ้นเดิม ทำเอาแมตต์อดรู้สึกพะอืดพะอมไม่ได้
จู่ๆ โอลิก็สำลักเสียงดังขึ้นมา จนแมตต์เตรียมจะเรียกให้คนมาช่วยอีกครั้ง
แต่ไม่
โอลิถุยก้อนเนื้อความยาวเท่านิ้วก้อยออกมา เขามองก้อนเนื้อที่ม่วงไปด้วยสีของยาฆ่าเชื้อด้วยสายตางุนงง แล้วเอนตัวลงนอนในกองเศษผ้าห่มต่อ
แมตต์จ้องเจ้าก้อนเนื้อนั่นตาเขม็ง นั่นมัน… ลิ้นแปลกปลอมที่เขาเพิ่งทายาให้ไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี๊
แต่ตรงโคนกลับไม่มีเลือด ไม่สิ… จริงๆ มันเป็นปล้องโค้งเหมือนเคยครอบอะไรไว้อยู่ ไม่มีแผล เหมือนแค่หลุดออกมาจากปากของโอลิเฉยๆ
“อะไรว-” แมตต์ยังไม่ทันหยิบมันขึ้นมาดู ก็โดนโอลิคว้าเอวแล้วดึงลงมานอนข้างๆ กัน
อี๋ แมตต์อดนึกด้วยความรังเกียจไม่ได้ว่าเจ้าเศษลิ้นนั่นคงกลิ้งปนอยู่ในเตียงกับพวกเขา แต่โอลิไม่สนใจ เขาขดตัวกลมแล้วนอนเบียดเอาไออุ่นจากแมตต์ มือข้างหนึ่งกำมือแมตต์ไว้แน่น
“ขอบคุณนะ…” เขาพูดงึมงำแล้วผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา แมตต์ได้แต่ลูบหัวเขาด้วยความสงสาร ผิวของโอลิให้ความรู้แปลกอยู่ใต้มือเขา หลายส่วนที่เคยนุ่มนิ่มกลับกลายเป็นเกล็ดลื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะใบหน้าข้างขวาที่เคยไม่มีเกล็ด ตอนนี้ก็เห็นเนื้อสีเขียวผุดขึ้นมาตรงโหนกแก้มเขาแล้ว
พวกเขาต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าโอลิจะปรับตัวกับลิ้นของตัวเองได้ ใช่ มันงอกกลับมาอีก และสามารถหลุดเองได้ไม่ต่างกับหางของกิ้งก่า เมื่อโอลิเลิกตกใจกลัวมันแล้ว เขาก็เริ่มนึกสนุก มีหลายครั้งที่แมตต์มาเจอเจ้ากิ้งก่าแกะห่วงจากพวงกุญแจที่จิ๊กมาจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์เอามาเสียบกับลิ้นตัวเองเหมือนกับจิวเวลรี่เจาะลิ้นจนเขาต้องดุด้วยความห่วง
เป็นบาดทะยักขึ้นมาจะทำยังไง เขาโวยวายอยู่หลายรอบ ไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะรู้จักไหมว่าบาดทะยักคืออะไร
แต่เจ้าตัวเอาแต่หัวเราะอย่างไม่แยแสแล้ววิ่งหนีไป เพราะยังไงก็สามารถกัดลิ้นทิ้งเหมือนเดิมได้
สำหรับแมตต์ เขาเลิกเป็นห่วงเรื่องนั้นแล้ว แต่เขาห่วงอะไรที่ใหญ่กว่านั้นมาก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก… ที่เขาเห็นการกลายพันธุ์ต่อหน้าต่อตา ก่อนหน้านี้โอลิเวอร์ก็ผลัดฟันเกือบทั้งปากมาแล้ว
เมื่อไหร่มันจะหยุด? สำหรับโอลิ?
ไม่มีใครตอบได้ แม้แต่พวกในแล็บก็ตอบไม่ได้
ตอนที่พวกนั้นผสมเขากับดีเอ็นเอสัตว์เลื้อยคลานที่ปะปนกันมั่วซั่วราวกับจับฉ่ายไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโอลิ
แมตต์กลัว กลัวว่าซักวันเขาจะไม่โชคดีแบบเช้าวันนั้น ซักวันพวกเขาจะเสียโอลิไป
ซักวัน “เขา” จะเสียโอลิไป
อา… รู้ตัวอีกทีเขาก็ผูกพันธ์กับสัตว์ทดลองเกินหน้าที่ไปแล้วสินะ
ทอม
ลิฟ...
โอลิ...
โอลิเวอร์…
นั่นคือชื่อของเขา… โอลิรู้ตัวตั้งแต่จำความได้
เวลาเจ้าพวกคนชุดขาวในห้องแล็บพูดว่าลิฟ… นั่นหมายถึงเขา
แต่เขาคือโอลิ เขารู้ตัวมาตลอด
และเขารู้ด้วยว่าชื่อเขาเต็มๆ คือโอลิเวอร์
แต่ “ทอม” คือชื่อใครกันนะ?
ถึงเขาจะอ่านหนังสือได้ไม่ค่อยคล่อง แต่เขาก็อ่านตัวอักษรสามตัวที่สลักอยู่ที่มือขวาของเขาออก
T-O-M อยู่ตรงสันนิ้วสุดท้าย ใต้เกล็ดสีดำที่กินแขนเขาไปเกือบทั้งแขนแล้ว
หรือมันจะเป็นชื่อเขา? โอลิคิด เขาจำได้ พวกในห้องแล็บมีสองชื่อกันทั้งนั้น บนป้ายที่ติดที่เสื้อ
“โอลิเวอร์ ทอม” ใช่ชื่อเขารึเปล่านะ? แต่มันฟังดูแปลกเกินไป แล้วไม่เข้าหูเขาเลย…
เขารู้ว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้ มีเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนจะมาจุดที่เขาจำได้ แต่มันคืออะไร?
ไม่มีใครยอมบอกอะไรกับเขา จนกระทั่งแมตต์ นิโคลส์เข้ามา
หลังจากผ่านไปไม่นานที่แมตต์มาอยู่กับเขา เขาเห็นแมตต์จ้องลายบนตัวเขาเขม็ง
ลาย รูปภาพ ตัวอักษร… หรือรอยสัก… ตามที่แมตต์เรียก เขาไม่เคยคิดว่ามันน่าแปลกอะไร แล้วก็คิดว่าคงเป็นอีกส่วนหนึ่งของเขาที่ไม่เหมือนกับพวกในแล็บ เขาไม่คิดว่ามันจะทำให้แมตต์จะตกใจแบบนี้
แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นแมตต์ที่เปลี่ยนไป เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ฉุนเฉียว เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแมตต์โมโห แมตต์ผุดลุกและเดินกระทืบเท้าออกไป
และเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแมตต์เถียงกับริชาร์ดอย่างรุนแรง
แมตต์ ที่วันๆ เอาแต่ยอมริชาร์ดในฐานะหัวหน้ามาโดยตลอด วันนี้กลับกล้าสู้ขึ้นมา
โอลิรอจนหมดวันแล้วแมตต์ก็ยังไม่กลับเข้ามา ก่อนหน้านั้นเขาไม่ค่อยจะใส่ใจกับคนดูแลเขาเท่าไหร่นัก พวกมันน่ารำคาญ แต่เขาแค่ก่อกวนซักหน่อยพวกนั้นก็หนีหายไปแล้ว…
แต่ไม่ใช่กับแมตต์ แมตต์ทำให้เขารู้สึกพิเศษ รู้สึกว่าตื่นมาแต่ละวันแล้วมันไม่ได้วนอยู่กับแค่อาหาร ห้องน้ำ ห้องแล็บ และรังเฉยๆ แต่แมตต์กลับยอมให้เขาลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่พวกในแล็บไม่ยอมให้เขาทำ
และแมตต์เป็นคนเดียวที่ยอมเรียกเขาว่าโอลิ...
รู้ตัวอีกทีเขาก็ติดแมตต์ซะแล้ว
แมตต์กลับเข้ามาตอนค่ำ สีหน้าเขาไม่สู้ดี โอลิแอบมองเขาจากใต้กองผ้าห่มแล้วก็เห็นแมตต์มองมาทางเขาด้วยสายตาเศร้าๆ เมื่อรู้ตัวว่าเขามองอยู่ อีกฝ่ายก็รีบเบือนหน้าหนี
ริชาร์ดทำร้ายเขาเหรอ? ไม่น่าจะใช่ โอลิมองแมตต์ด้วยสายตาพินิจพิจารณา แต่แล้วป้ายที่อกแมตต์ก็ดึงความสนใจของเขา
แมตต์ นิโคลส์
ใช่… ทำไมเขาไม่เคยสังเกตมาก่อนนะ
แมตต์ นิโคลส์
ริชาร์ด นิโคลส์
อะไรกัน?
แมตต์ นิโคลส์
ริชาร์ด นิโคลส์
เขาจำป้ายติดเสื้อของเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ ทำไมมีแค่ของสองคนนี้ที่มีชื่อที่สองเหมือนกัน?
แมตต์ นายเป็นอะไรกับริชาร์ด?
เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้และแอบดูสองคนนั้นห่างๆ ห้องที่เป็นรังเขามันก็ใช่ว่าจะปิดล็อคสนิทซะทีเดียว มันก็ยังมีซอกต่างๆให้เขาได้ปืนป่ายเพื่อแอบดูมุมต่างๆ ในตึกเช่นกัน
ทุกอย่างมันน่าสงสัยสำหรับเขามากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่แมตต์กลับมาและมีกลิ่นของริชาร์ดติดตัวมาจนเขาต้องย่นจมูกด้วยความรังเกียจ หรือเวลาที่ริชาร์ดจะพาเขาไปที่แล็บและเจ้าตัวมีกลิ่นของแมตต์ติดเต็มไปหมดจนเขางง
เขาทนไม่ไหวจนอยากจะอ้าปากถามแมตต์เสียเต็มทนแต่ก็ไม่ได้จังหวะเสียที
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาไปแอบดูแมตต์กับริชาร์ดนั่งอยู่กันสองต่อสองในโรงอาหารจากช่องระบายอากาศ
แมตต์ดูเป็นทุกข์ ไม่สิ… จริงๆ เขาดูอมทุกข์มาสักพักแล้ว แต่ครั้งนี้ริชาร์ดไม่ได้ดุหรือทำตัวไม่แยแสแมตต์เหมือนปกติ อันที่จริงเขาดูจะแคร์แมตต์มากๆ ซะด้วยซ้ำ
แมตต์สูดน้ำมูกเหมือนจะร้องไห้ ส่วนริชาร์ดเอาแขนโอบไหล่เขาไว้ ไม่นานหลังจากนั้นคำพูดต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากปากแมตต์ คำพูดที่โอลิได้ยินไม่ถนัด ส่วนริชาร์ดได้แต่ดึงเขามากอด
“ใจเย็นๆ มันไม่ใช่ความผิดนาย ทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง” ริชาร์ดกระซิบข้างหูแมตต์ ฟังแค่โทนเสียงก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน
ภาพที่เห็นตรงหน้ามันคุ้นตาโอลิอย่างประหลาด เหมือนกับเคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน เขา...กับมนุษย์อีกคน
เขากัดมือตัวเองพลางใช้ความคิด เขาจำไม่ได้ ภาพตรงหน้า… มันมาจากไหน?
เขารู้สึกว่าตัวเองเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เด็กคนหนึ่ง มานั่งร้องไห้กับเขา เขารักษาแผลที่เข่าให้เด็กนั่นก่อนจะดึงเขามากอดและปลอบ บอกเขาว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เขาจะคอยปกป้องเอง เชื่อใจเขาได้เพราะว่าเขาเป็น…
เป็นอะไร?
เขาจำไม่ได้ จะเค้นสมองตัวเองขนาดไหนก็นึกไม่ออก เขาเป็นอะไรกับเด็กคนนั้นกัน?
ถ้าสำคัญกับเขาขนาดนั้น… ลูกเหรอ?
ไม่… เขาไม่คิดว่าใช่ สัญชาตญาณบอกเขาว่าเขายังไม่เคยเป็นพ่อใครมาก่อนแน่ๆ
ถ้างั้นแล้วเป็นใคร?
เขาแอบดูแมตต์และริชาร์ตจนกระทั่งทั้งคู่ผุดลุกขึ้นยืน มันถึงทีเขาต้องกลับไปที่รังแล้วก่อนที่ทั้งคู่จะรู้ว่าเขาแอบออกมา
โอลิมุดผ่านท่อระบายอากาศอย่างคล่องแคล่วกลับไปที่รังของเขา ประตูเปิดออกตอนที่เขามุดกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มของตัวเองพอดี ซึ่งไม่ผิดที่เขาคาด เพราะเป็นแมตต์ที่เปิดประตูเข้ามาตามเคย
โอลิแกล้งทำเป็นไม่สนใจแมตต์ แต่เขาในหัวเขามีคำถามที่อยากถามอีกฝ่ายเต็มไปหมด เขารู้สึกว่าแมตต์หย่อนตัวลงนั่งที่ปลายเตียงเมื่อเตียงของเขายวบลงไปและมีเสียงถอนหายใจดังฟังชัดประกอบ
แมตต์ไม่สบายใจ
แมตต์เหลือบมองกองผ้าที่โอลิซุกตัวอยู่แล้วถอนหายใจอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเขาจะบอกกับอีกฝ่ายยังไง และอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ แต่เขาคิดว่ายังไงก็จำเป็นที่จะต้องบอก
ซึ่งนั่นทำให้เขาอึดอัดใจยิ่งขึ้นไปอีก
โอลิลุกออกมาจากกองผ้าแล้วเขยิบมานั่งข้างแมตต์ เขาลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอาหัวดุนไหล่คนดูแลของตัวเอง
แมตต์เบิกตากว้าง เขาเคยได้ยินเรื่องที่สัตว์จะรับรู้ได้ถ้ามนุษย์มีเรื่องไม่สบายใจมาก่อน แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นโอลิด้วย
แต่ก็เพราะว่ามันไม่ใช่… ถอนหายใจดังซะขนาดนั้นถึงไม่มีญาณทิพย์ใครๆก็ดูออก อีกอย่าง… ก็ใช่ว่าโอลิจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แมตต์ไปอยู่ไหนมา และตาบวมๆนั่นเกิดจากอะไร
"เป็นอะไร?" โอลิถามโดยไม่มองหน้า
แมตต์นิ่งไปชั่วขณะ เขายังไม่พร้อมจะตอบ และเขาไม่คิดว่าจะโดนถามด้วยซ้ำ
โอลิเงยหน้าขึ้นเมื่อไม่ได้คำตอบ ตาข้างที่ยังปกติอยู่ของเขาสบตากับแมตต์ และนั่นทำให้แมตต์ชาวาบไปถึงสันหลัง
เขาเห็นอารมณ์แบบมนุษย์จากตาข้างนั้น… และเขาเห็นคนที่อยู่ในภาพที่เขาไปเจอจากแฟ้มของริชาร์ด
สายตาของโอลิทวงถามขอคำตอบจากเขา แต่เขาไม่มีให้…
เขาไม่มีคำตอบแบบที่อยากมีให้
เพราะเขาไม่อยากโกหกอีกต่อไป
โอลิแยกเขี้ยว แล้วถอนหายใจ เหมือนจะล้มเลิกความคิดที่จะขอคำตอบจากเขา
"นาย กะ- กับริชาร์ด… ทำไมนิโคลส์?" โอลิถามพลางจิ้มป้ายชื่อที่อกแมตต์ แมตต์รู้สึกเหมือนโดนซัดกลับด้วยคำถามที่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม
"เอ่อ… คือ…"
"เป็นอะไรกัน?"
แมตต์แทบอยากจะเดินออกจากห้องไปซะตั้งแต่ตอนนั้น แต่สายตาของโอลิบ่งบอกว่าถึงเขาจะเดินออกไปก็คงโดนตะครุบเค้นคำตอบอยู่ดี
เขารักริชาร์ดมาก แต่เขาไม่อยากให้โอลิรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับริชาร์ด ความเชื่อใจที่พยายามสร้างมาตั้งนานมันจะไปเหลืออะไรถ้าโอลิรู้ว่าคนที่ตัวเองสนิทด้วยที่จริงแล้วเป็นน้องชายของคนที่ตัวเองเกลียด เขาคงทนไม่ได้ถ้าโอลิรู้ความจริงแล้วตัดสินใจจะไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไป แต่เขาก็เพิ่งปฏิญาณกับตัวเองไปเมื่อครู่ว่าจะไม่โกหกโอลิอีก
ใครจะไปคิดว่าโอลิจะยกเรื่องนี้ขึ้นมา
“ยังไง?” โอลิถามแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา
“คือ…” แมตต์หลบตาเขาพลางกัดริมฝีปากตัวเอง “คือเขา…”
“ขะ- เขาเป็นพี่ฉัน” แมตต์ละล่ำละลักออกมาในที่สุด “ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนายมาก่อน” เขาคิดว่าตัวเองจะเห็นสายตาของโอลิมองมาด้วยความรังเกียจ หรือโดนขู่คำรามใส่หน้า หรือโดนเฉดหัวออกไปจากห้อง แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นสายตาว่างเปล่าที่มองกลับมา
“พี่เหรอ?” โอลิทวนคำ ราวกับไม่รู้มาก่อนว่ามันคืออะไร
มันทำให้แมตต์รู้สึกสะอิดสะเอียนกับโครงการทั้งหมดในศูนย์นี้จนอยากจะทึ้งหัวตัวเองซะตอนนั้น “ก็พี่ไง… พี่ชาย… เขาเป็นพี่ชายฉัน ฉันเป็นน้องชายเขา นายรู้ใช่ไหมว่าพี่คืออะไร?”
“ไม่อ่ะ”
คำตอบของโอลิทำให้แมตต์ใจสลาย มันตอกย้ำสิ่งที่กวนใจเขามาตลอดหลายสัปดาห์ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่ศูนย์วิจัยทำ… ที่ริชาร์ดทำ… จะสามารถทำลายโอลิไปได้ขนาดนี้
โอลิเนี่ยนะจะไม่รู้ว่าพี่คืออะไร… ในเมื่อเขาเอง...
คำพูดพรั่งพรูออกมาจากแมตต์เหมือนเขื่อนแตก เขาทนเก็บความลับไว้ไม่ไหวแล้ว เขาต้องบอกทุกอย่าง แต่สำหรับโอลิ มันคือคำสารภาพที่เขาฟังไม่รู้เรื่องจนต้องนั่งมองคนพูดด้วยสายตาว่างเปล่า
“ฉันขอโทษ- บลาๆๆ- นายต้องมาเป็นแบบนี้-บลาๆๆๆ- ครอบครัว- บลาๆๆๆ- เขารอนายอยู่- บลาๆๆๆๆ” เสียงของแมตต์ผ่านหูเขาไปโดยที่เขาไม่ได้สนใจ ใจเขากำลังจดจ่ออยู่กับคำว่าพี่ชาย เขาเคยได้ยินคำนี้มาจากที่ไหนซักแห่ง
“ฉันเป็นพี่นาย ฉันไม่มีวันทิ้งนายหรอก” เขาพูดพลางยีผมเด็กคนนั้นด้วยมือที่ปกติไร้เกล็ด เด็กคนนั้นยิ้มให้เขา ตาสีฟ้าอ่อนของเขาเป็นประกาย
น้องชาย… เขามีน้องชาย
เขาเข้าใจแล้ว พี่น้องคือคนที่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันกับเขา และพวกเขาควรจะดูแลกัน เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็มีกันแค่สองคนเท่านั้น
T-O-M ทอม
นั่นชื่อน้องชายเขา
แมตต์ดึงตัวโอลิมากอด "ฉันเสียใจโอลิ ฉันเสียใจจริงๆ ที่เราปิดบังนาย พวกเขาคิดว่ามันจะทำให้นายปลอดภัย แต่มันไม่แฟร์สำหรับนายเลยจริงๆ"
มันไม่แฟร์ ที่โอลิจะไม่รู้ว่าในโลกข้างนอกนั่น เขาไม่ใช่สัตว์ทดลองที่เป็นสินค้าของใคร แต่เขาคือคนคนหนึ่ง ที่เคยมีชีวิต มีตัวตน และมีสิทธิ์ไม่ต่างกับแมตต์และริชาร์ด และคนอื่นๆ
และเขายังมีใครที่รอเขากลับไป
แมตต์เพิ่งค้นพบความจริงเมื่อไม่นานมานี้ว่าโครงการทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นได้เมื่อสี่ปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาได้ตัวอาสาสมัครสำหรับโปรแกรมตัดต่อพันธุกรรมที่วางแผนกันมานาน
เขาเค้นคำตอบจากริชาร์ดจนสองพี่น้องแทบจะลงไม้ลงมือกัน หลังจากเห็นรอยสักที่มือของโอลิ และเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขายังมีรอยสักอีกมาก มากซะจนผิดปกติ
สัตว์ทดลองที่ถูกเพราะพันธุ์อยู่ในศูนย์มันคงมีเวลาออกไปหาช่างสักได้ล่ะมั้ง...
ความจริงก็คือ.. ไม่มีการเพาะพันธุ์ไฮบริดอะไรทั้งสิ้น มีแต่การผ่าตัดดัดแปลง
ซึ่งโอลิเวอร์ สก็อตต์ ไซคส์ในวัยสิบแปดที่กำลังร้อนเงินคือคนที่ตอบตกลงเข้าโครงการนี้ และขอให้เงินที่เขาจะได้รับจากการเป็นอาสาสมัครเป็นของญาติคนเดียวที่เหลืออยู่… โทมัส ไซคส์ น้องชาย
หลังการผ่าตัดครั้งแรก โอลิเวอร์มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงจนถึงขั้นโคม่า โชคดีที่เขาฟื้นมาได้
แต่ความทรงจำของเขาหายจนเกือบไม่เหลือซาก และร่างกายค่อยๆกลายพันธุ์จนเกินที่ทางโครงการคาดไว้
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติต่อโอลิเหมือนเป็นสัตว์ทดลองตัวหนึ่ง และพยายามศึกษาเขาเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกโอลิว่าเขามีอะไรอยู่ที่โลกข้างนอกนั่นบ้าง ในเมื่อสุดท้ายเขาก็ไม่มีวันได้กลับไปอยู่ข้างนอกนั่นอีกต่อไป นี่คือทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำร้ายเขา
และมันทำให้แมตต์ใจสลายที่รู้ว่าโอลิเวอร์ลืมทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… น้องชายตัวเอง
มันอาจจะเป็นผลดีกับโอลิ แต่ไม่ใช่กับทอม
ทอม ไซคส์เพิ่งอายุครบสิบแปดปีไปเมื่อไม่นานมานี้ เขามีเงินเป็นล้านพออยู่สบายได้ทั้งชาติแต่ขาดครอบครัว เวลาว่างทั้งหมดที่เขามีหายไปกับการออกตามหาพี่ชายที่เขาคงเชื่อว่าตายไปแล้วถ้าเจ้าตัวไม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือน ถึงจะมีเงินมากแค่ไหนแต่แมตต์ก็รู้ว่ามันไม่สามารถเติมเต็มการที่พี่ชายทั้งคนหายตัวไปได้
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ทุกคนในศูนย์วิจัยนี้คิด ไม่เข้าใจว่ากล้าบอกได้ยังไงว่าสิ่งที่ตัวเองทำกับโอลิ… และทอม...มันถูกต้องแล้ว
“ทอม…” โอลิเอ่ยขึ้น แมตต์เบิกตาโพลง เขาจับไหล่โอลิแล้วจ้องตาอีกฝ่าย
“นายจำได้แล้วใช่ไหม?” แมตต์ถาม แต่โอลิไม่ตอบ เขากลับยกมือขวาขึ้นมาแทน รอยสักที่สันมือยังชัดเจนบนเนื้อสีซีดไม่ถูกกลืนไปกับเกล็ด ราวกับจะประกาศความสำคัญของตนเอง
"ทอม… น้องฉันใช่ไหม?"
"ใช่โอลิ ทอมคือน้องของนาย" แมตต์พยักหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบรูปออกมายื่นให้โอลิ ไม่ผิดแน่ เด็กวัยรุ่นในรูปคือคนที่โอลิเห็น ที่เขาสัญญาว่าจะปกป้อง
แต่เขาอยู่ไหน?
แล้วทำไม… เขาดูเหมือนแมตต์… มากกว่าตัวเขา?
“อยากเจอ อยู่ไหน?” เขาถาม พยายามจะทำความเข้าใจกับข้อมูลใหม่ แต่คำถามนั้นทำให้แมตต์มีสีหน้าเจ็บปวดอีกครั้ง “มะ… ไม่ดีเหรอ?” เขารีบถามต่อ กลัวว่าตัวเองไปพูดอะไรไม่ดีเข้า
“ไม่” แมตต์ตอบกลับแทบจะทันที “ไม่เลย… ไม่ใช่แบบนั้น”
“แต่นายเศร้า” โอลิขมวดคิ้ว คำพูดของเขาทำให้แมตต์ฝืนยิ้มให้
“เปล่าเลย” เขาเอื้อมมือไปลูบหัวโอลิพลางพยายามนึกว่าควรจะพูดอะไรต่อ “อืม… คือน้องนายน่ะ เขาอยู่ไกลจากที่นี่มากๆ เลย ก็เลย… ก็เลยเจอไม่ได้น่ะ”
โอลิเอาหัวหลบมือเขาแล้วถามต่อ “เขียนล่ะ?” ตาข้างปกติของเขาฉายแววมุ่งมั่น “ส่ง...จดหมาย? ช่วยได้ไหม?”
แมตต์ทำอะไรไม่ถูก เขาลังเล ก่อนจะบอกโอลิไปตรงๆ “ไม่ได้… ฉันขอโทษ”
โอลิได้แต่นิ่วหน้า มีอะไรบางอย่างผิดปกติ… แมตต์มองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง “โอลิ… ก่อนหน้าที่เราจะเจอกันน่ะ… นายอยู่กับริช เขาบอกว่านายเกิดที่นี่ใช่ไหม?”
โอลิเวอร์พยักหน้าหนึ่งที
“แล้วนายอายุ?”
“ห้า”
“แต่ความจริงคือ… คือ...” เขาชะงักแล้วเม้มปาก สิ่งที่เขาจะบอกมันจะทำร้ายโอลิเกินไปรึเปล่านะ
“คือ?”
ไม่ เขาจะไม่ทำพลาดซ้ำเหมือนริชาร์ด
“คือ… นายไม่ได้เกิดที่นี่ นายเกิดข้างนอกนั่น เหมือนฉัน เหมือนริช เหมือน… เหมือนทอม” แมตต์กัดฟันพูด
“ให้ตายสิ แต่ก่อนนายก็เป็นเหมือนพวกเราด้วยแท้ๆ”
ในที่สุด…
เขาทำลงไปแล้ว… ทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายลงไปแล้ว…
โอลินั่งนิ่ง… พยายามประมวลสิ่งที่ได้ยินมา จริงอยู่ที่เขาเคยฝันถึงโลกภายนอก แต่ก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องที่ริชาร์ดเล่าให้ฟัง… พอมาคิดดูแล้วว่าเขาเคยอยู่ข้างนอกนั่นจริงๆ มันน่าเหลือเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่แมตต์พูดด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ได้เกิดในนี้แล้วทำไมเขาจำอะไรก่อนหน้านี้เลยไม่ได้ล่ะ…
เขาเอื้อมมือสัมผัสแก้มซ้ายของตัวเอง เกล็ดแข็งๆใต้นิ้วของเขาตอนนี้เคยเป็นเนื้อนุ่มนิ่มเหมือนแมตต์งั้นเหรอ… เขาเคยเป็นเหมือนพวกเสื้อขาวข้างนอกที่เดินไปเดินมาได้อย่างอิสระอย่างนั้นน่ะเหรอ?
“นายเป็นมนุษย์ นายเคยอยู่ข้างนอกนั่น คือ…” แมตต์พยายามหาเหตุผล จู่ๆเขาก็คิดออก เขาปลดกระดุมแขนเสื้อเชิร์ตขาวของตัวเองแล้วถลกขึ้น เผยให้เห็นลวดลายหลากสีตั้งแต่จากข้อมือไปจนถึงข้อศอก
“ลายพวกนี้ไง ที่นายก็มี”
โอลิจ้องลายที่แขนของแมตต์ตาโต เขาเคยคิดว่าลายพวกนี้ก็เป็นเหมือนกับเกล็ดของเขา… ซึ่งไม่มีใครในแล็บนี้มี แต่ไม่ใช่เลย… เพราะแมตต์ก็มี
"เขาเรียกรอยสัก" แมตต์ว่า ปล่อยให้โอลิเอื้อมมือมาแตะดูหมึกที่ถูกสักลงบนเนื้อหนังของเขา "นาย… ต้องไปหาช่าง แล้วก็เลือกว่าอยากได้อะไร… เหมือนที่นายมือชื่อทอมที่มือไง"
โอลิละสายตาจากรายสักเขาทันทีที่ได้ยินชื่อทอม เขามองตาแมตต์
“นั่นแหละคือสิ่งที่บอกว่านายเคยอยู่ข้างนอก" แมตต์เม้มปาก ก่อนจะเล่าต่อ "สี่ปีก่อน นายเจอกับพี่ฉันตอนที่เขายังไม่ได้เป็นหัวหน้าศูนย์ พวกนาย… ตกลงอะไรบางอย่างกัน… นายตกลงจะมาอยู่ที่แล็บนี้ให้พวกเราศึกษา แลกกับเงินให้ทอม ใช่… นายกำลังต้องการเงินให้ทอม ส่วนพวกเราต้องการทดลองกับนาย ทดลองพันธุกรรม… ใช่” แมตต์มองโอลิเวอร์ที่ส่งสายตาสับสนมาทางเขา “เรา… พวกเราไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มันคือโปรเจคต์ที่ไม่มีใครเดาได้ว่าจะไปทิศทางไหนด้วยซ้ำ จริงๆ นายเซ็นสัญญารับรู้ว่าตัวเองอาจจะตายแล้วด้วย…”
โอลิขมวดคิ้ว ทดลอง? พันธุกรรม? เขาคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินคำพวกนี้มาก่อน แต่จากไหน?
"นาย… นายเกือบไม่ฟื้น เรานึกว่านายตายแล้ว แต่ก็ไม่… นายฟื้นมาเป็นแบบนี้ นะ… นายลืมทุกอย่าง ไม่ได้ติดต่อกับน้องมาเกือบห้าปีแล้ว ก่อนมาหาเรานายบอกเขาแค่ว่าจะไปทำงานซักที่ไกลๆแล้วส่งเงินกลับมาให้ แต่… ไม่ได้ติดต่อ… ติดต่อไม่ได้"
“คุณรู้ใช่ไหมว่าโปรเจคต์นี้ต้องเก็บเป็นความลับ คุณจะบอกใครไม่ได้ แม้แต่น้องคุณที่เป็นคนรับเงินเอง และโปรเจคต์นี้มีโอกาสเสี่ยงสูง คุณอาจจะตายได้”
“ถ้าตายน้องผมจะได้เงินชดเชยใช่ไหมล่ะ… ยี่สิบล้าน… ผมยอมตายได้เลย”
เขาส่งเสียงขู่ในคอ ไม่ชอบเลยเวลาที่จู่ๆก็ได้ยินอะไรในหัวโดยที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่ตอนนี้เขาพอเดาได้แล้วว่ามันมาจากไหน
"โอลิ?"
"ทำไม…"
"คือเพราะนาย.. นายเป็น"
"ทำไม ฉันทำแบบนั้นทำไม?"
แมตต์ใจหาย เขานึกว่าโอลิจะถามว่าทำไมเขาถึงติดต่อทอมไม่ได้…
"คือ… นายต้องการเงิน… ตอนนั้นนายต้องเลี้ยงน้องคนเดียว แต่นายไม่มีงาน… จนเจอริช และนายยอมทำทุกอย่างเพื่อน้อง"
โอลิไหล่ลู่ลง เขาไม่ซักต่อ
เป็นที่เขาเองสินะ…
เขาก้มมองมือตัวเอง ข้างหนึ่งเป็นเนื้อ อีกข้างเป็นเกล็ด ใช่ เขาเป็นตัวประหลาด และเขาเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไปเจอทอมไม่ได้ แต่ว่า… เขาทำแบบนั้นไปทำไมกันนะ อะไรทำให้เขาคิดว่าการทิ้งน้องไปแบบนั้นมันเป็นความคิดที่ดี…
"โอลิ…" แมตต์จับมือเขาไว้ แต่เขาดึงมือออกแล้วหนีไปขดตัวอยู่ใต้กองผ้าตามเดิม
"ขอบคุณ" เสียงห้วนๆดังอู้อี้มาจากใต้ผ้าห่ม ปิดโอกาสจะต่อบทสนทนาใดๆทั้งหมด แมตต์เม้มปาก มันจบไม่สวยนัก… แต่ก็ดีกว่าที่เขาคิดไว้
โอลิซึมไปอีกหลายวัน พอรู้ความจริงแล้วความอยากหนีออกไปโลกภายนอกของเขาก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะเขาเลือกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตอนนี้… เขาเลือกเอง อิสรภาพที่ไม่มี...เขาเลือกเซ็นสัญญาขายมันไปเอง
เขากอดรูปของทอมไว้แล้วขดตัวกลมใต้กองผ้า รูปของทอม คือสิ่งที่ใกล้เคียงกับน้องที่สุดที่เขาจะมีตอนนี้
ความผิดเขาเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in