เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TRANS스웩짱기
[แปล/สัมภาษณ์] จางกียงและอีซูฮยอก 2 นักแสดงที่ 1 คนรับ 2 บทบาทในละคร Born Again
  • Sorce: Esquire Korea
    แปลไทยและเรียบเรียง: 스웩짱기 @SWAGJJANGKI
    (ขอแปลแต่ในส่วนของจางกียงนะคะ)
    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีงานต่อเนื่องไม่ขาดเลย
              หลายคนบอกว่าผมทำงานไม่พักเลย แต่ความจริงแล้วผมคิดว่าในช่วงระหว่างการทำงานแต่ละงานก็มีเวลาพักเพียงพออยู่แล้วครับ เลยรู้สึกแปลกๆหน่อย อย่างไรก็แล้วแต่เวลาทำงานผมก็สบายใจนะครับ ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่ยังต้องทำต่อไป ถึงแม้ว่างานที่ทำจะไม่ได้เยอะมากแต่ผมก็คิดเสมอว่าต้องทำอย่างเต็มที่โดยไม่พักครับ แถมงานก็เข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะด้วยแล้ว สรุปก็คือตอนนี้ผมชอบทำงานครับ

    ในช่วงเวลาว่าง ปกติชอบทำอะไร?
              ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ อาจจะดูรายการ Infinite Challenge ไม่ก็ดูหนังที่ยังไม่ได้ดู ไปเดินเขาที่ไม่ค่อยได้ไปบ่อยๆ บางครั้งก็ไปเดินเล่นหรือจ็อกกิ้งที่แม่น้ำฮันบ้าง ไม่ก็นัดเจอเพื่อนจากอุลซานที่อยู่ในโซล ดื่มเบียร์ด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องของกันและกัน อะไรประมาณนี้ครับ

    เพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน มีท่าทีอย่างไรบ้าง หลังจากที่เราเริ่มมีชื่อเสียง?
              ครั้งแรกที่ผมได้ออกทีวี พวกเขาบอกว่าไม่ได้ดูกันครับ ผมเองก็ไม่ชอบอายต่อหน้าเพื่อนด้วยครับ ตอนนี้ค่อยๆเริ่มให้เพื่อนๆดูกันทีละนิด 1-2 คนครับ ถึงจะยุ่งจนไม่ได้ติดต่อกันบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่คิดถึงก็จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ปรึกษาหารือกัน ทำให้นานๆทีเจอหน้ากันก็ไม่รู้สึกแปลกนะครับ และเพื่อนๆ ที่เคยกินข้าวด้วยกันมา แต่งงานและพูดถึงเรื่องเลี้ยงดูลูกกันแล้ว ตอนนั้นก็ออกจะขำครับ อย่างไรก็ตามถึงเรื่องที่คุยจะไม่พิเศษอะไร แต่ก็เป็นเพื่อนที่สบายใจทุกครั้งที่คุยนะครับ

    จากเรื่อง Come and Hug Me ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายหน้าใหม่ใน Baeksang Arts Awards และก่อนหน้านั้นก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจาก MBC Drama Awards มาแล้ว รู้สึกได้รับการยอมรับจากการเป็นนักแสดงนำครั้งแรกบ้างมั้ย?
              เป็นผลงานแสดงนำครั้งแรกก็จริง แต่มันหมายถึงการพยายามอย่างหนักในการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งถ้าครั้งแรกผลเป็นแบบนี้ ผลงานต่อไป ก็ยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้น ผมคิดว่าความหมายของรางวัลเป็นแบบนี้ครับ ยังไงก็ตามมันเป็นงานที่ดีมากๆครับ ยิ่งไปกว่านั้นการได้รับรางวัล Baeksang เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วย งงไปหมดเลยครับ ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าได้รับรางวัลนี้แล้วก็รู้สึกว่าเราได้โตขึ้นมาอีกก้าว และอีกด้านหนึ่งด้วยรางวัลนี้ผลงานถัดไปจะต้องพยายามให้มากขึ้นอีก ผมคิดแบบนี้ครับ

    จากบทสัมภาษณ์ในอดีต บอกไว้ว่าได้ดูคลิปการเดินแบบของคุณอีซูฮยอกแล้ว จึงมีความฝันที่จะเป็นนายแบบ ตอนนี้ได้มาร่วมแสดงละครกับคุณอีซูฮยอกแล้วเนอะ
              น่าจะประมาณอายุ 19 ปีได้ครับ ตอนนั้นคอยติดตามรายการ "Seven Models" และคลิปแฟชั่นโชว์ที่พี่ซูฮยอกไปออกครับ รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ทำให้ผมคิดจะทำอาชีพนายแบบ และคิดว่าเป็นโชคชะตาของผมครับที่ต้องทำครับ ดังนั้นผมจึงโน้มน้าวคุณพ่อคุณแม่ด้วยความยากลำบากและออกมาจากอุลซานครับ สำหรับผมพี่ซูฮยอกเป็นรุ่นพี่รุ่นใหญ่ และเพราะเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ การได้มาร่วมงานกันจึงเป็นเรื่องที่มีความหมายมากสำหรับผมครับ ทำให้รู้ว่าผมเติบโตขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป ขณะที่ถ่ายทำได้พูดคุยกันมันดีมากเลยครับ สำหรับผมเป็นความหมายที่พิเศษมากที่ได้มาร่วมงานเดียวกันในฐานะนักแสดงกับคนที่ผมเคยคิดอยากจะเป็นครับ

    เพื่อมาเป็นนายแบบ การเดินทางจากอุลซานมาโซลคนเดียวนั้น เหมือนจะดูพูดง่ายเนอะ แต่ตอนนั้น คงเป็นการตัดสินใจที่สำคัญเลยสิ
              มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับ แต่มันก็ไม่ได้ยาก ดูจะง่ายก็ไม่ใช่ แค่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกครับ ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าจะสนุกๆครับ ไม่เคยคิดว่าจะทำงานนี้เพื่อเก็บเงินฮะ เรื่องเงินคือคิดถึงทีหลังเลย ได้ใส่เสื้อผ้าเท่ๆ ได้เดินแบบ การโพสถ่ายรูปหน้ากล้อง แล้วก็ได้ยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนมันดีครับ ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด พร้อมกับอยากจะทำหน้าที่ของตัวเองด้วยโอกาสเพียงเล็กๆ ขณะที่ทำงานเป็นนายแบบ ก็มีโอกาสได้ไปถ่ายมิวสิควิดีโอ โอกาสออดิชั่นละครก็เข้ามา จนถึงได้มาร่วมแสดง ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาสเล็กๆ ได้ออกมาไม่มากเท่าไร แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด และตอนนี้กับ Born Again ก็กำลังตั้งใจอย่างเต็มที่กับการถ่ายทำอยู่ครับ

    ในละคร Born Again รับถึง 2 บทบาทด้วยกัน รู้มาว่าแสดงเป็นกงจีชอลในยุค 1980 กับชอนจงบอมในยุคปัจจุบัน ผลงาน 1 เรื่องแสดงถึง 2 บทบาทเป็นครั้งแรก ถือเป็นความท้ายทายใหม่เลยสำหรับผลงานนี้
              การรับ 2 บทบาทครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่สำหรับผม ทุกๆ ผลงานเป็นสิ่งใหม่ๆที่อยากท้าทายครับ ได้เจอคาเรคเตอร์ที่ต่างไปจากผลงานก่อนหน้านี้ และการได้ลองทำสิ่งที่ไม่สามารถทำได้มาจนถึงวันนี้เป็นสิ่งดีเลยครับ อย่างเช่น ใน “Go Back Couple” ได้รับบทเป็นนักศึกษา ใน “My Mister” เป็นเจ้าหนี้นอกระบบ เป็นคาเรคเตอร์ที่ต่างกันสุดขั้วเลยครับ ได้แสดงเป็นตัวละครที่ต่างกันแบบนั้นเป็นความสนุกที่แปลกดีครับ

    ถ้าอย่างนั้นบทบาทที่ต่างกันใน Born Again ถือเป็นความสนุกที่มากขึ้นไปอีกไหม?
              ใช่ครับ ผมรู้สึกถึงความสนุกที่รวมกันมาจากผลงานก่อนหน้านี้ และต่อจากนี้ได้ในหนึ่งผลงาน ในขณะเดียวกันก็ยิ่งต้องละเอียดให้มากขึ้น และน่าจะต้องคิดให้มากยิ่งขึ้นด้วย นี่สินะเป็นหน้าที่ของนักแสดงที่จะได้ทำสิ่งยังไม่เคยทำให้สำเร็จ และคิดว่าจะทำมันได้ดีในระหว่างถ่ายทำในทุกๆวัน

    ว่าแต่เคยคิดว่าอยากจะเกิดใหม่อีกบ้างมั้ย?
              ไม่เคยครับ จากไปแล้วจะเกิดใหม่ได้อีกมั้ย แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความเชื่อ แต่การฟื้นคืนชีพได้นั้น แค่จินตนาการก็ไม่เคยเลยครับ
    คุณจางกียงเองก็อาจจะได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครสักคนที่ฝันจะเป็นนักแสดงหรือนายแบบก็ได้ เหมือนกับที่คุณอีซูฮยอกทำให้คุณคิดอยากจะเป็นนายแบบ
              ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นเรื่องราวดีๆครับ พี่ซูฮยอกเองก็คงรู้สึกดีแหละครับ ไม่แน่ว่าพี่เขาเองในฐานะนายแบบก็ต้องพยายาม ถ้ามีรุ่นน้องที่ต้องการเราแบบนั้น สิ่งที่ทำมาก็จะมีความหมายครับ ดังนั้นถ้าผมเองได้รู้สึกแบบนั้นก็คงจะดีเลยครับ และก็จะบอกเขาว่าเลี้ยงข้าวหน่อยนะ(หัวเราะ)

    นักแสดงหรือนายแบบ เป็นอาชีพที่มีผู้คนจับตามอง ตั้งแต่เมื่อก่อนก็อยากทำอาชีพที่เป็นที่รู้จักของผู้คนแบบนี้แล้วเหรอ?
              ไม่ใช่แบบนั้นครับ ตอนเด็กๆ ผมเป็นมีนิสัยเป็นคนกลัวคนแปลกหน้ามากครับ การที่จะต้องออกไปอยู่ต่อหน้าคนมากๆ จะกลัวเลยครับ แต่ว่าตอนม.ปลายปี1 ที่งานเทศกาลของโรงเรียน มีโอกาสได้ร้องเพลง อยากลองทำดูซักครั้งอย่างประหลาดใจครับ ก็เลยมีความกล้าและรู้สึกกังวลแต่เป็นไปในทางที่ดีครับ

    หลังจากนั้นก็เลยฝันจะเป็นนายแบบหรือนักแสดงใช่มั้ย?
              ไม่ได้ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนั้นหรอกครับ แต่คิดว่าทำไมถึงไม่เครียดนะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเป็นดาราครับ เพราะบอกว่าอยากไปโซล คำพูดหนึ่งของคุณพ่อยังจำได้เลยครับ ถามว่า ถ้าไปโซลน่ะ มีคนที่เด็กกว่า ผิวขาวกว่า หน้าเล็กกว่า ตัวก็สูงกว่าผมมากแน่ ไปที่นั่นจะทำอะไรได้เหรอ อย่างนั้นเลยทำให้เกิดความกล้าขึ้นครับ ถึงขนาดนั้นท่านก็ยังเชื่อในตัวผม ยืนยันไม่ได้ว่าจะเป็นไปด้วยดีหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าจะต้องสนุกและก็เข้าโซลมาแหละครับ

    ผลที่ออกมา ก็เป็นไปได้ดีอย่างที่คุณพ่อภูมิใจเนอะ
              พลังที่ทำให้ผมสามารถใช้ชีวิตคนเดียวในโซลได้มันก็เป็นเพราะการสนับสนุนของคุณพ่อคุณแม่จากอุลซานครับ ถ้าเห็นพวกท่านมีความสุขขณะที่เฝ้าดูผม ก็ยิ่งมีพลังขึ้นครับ อย่างไรก็ตามถ้าเกิดรู้ว่าผมมีความสามารถหรือทักษะทางด้านนี้ไวกว่านี้แล้วส่งมาอยู่โซล จะดีหรือมั้ยนะ เพราะคำพูดนี้ ท่าทางของผมก็มีความสุขสนุกดี ถึงอย่างนั้นตอนนี้ท่านก็ภูมิใจและชอบครับ ผมเองก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความสุขครับ

    เคยได้ร่วมร้องเพลงประกอบละคร และเคยได้โชว์ความสามารถด้านทางการแร็ปในรายการ “Tribe of Hip Hop 2” ด้วย มีความคิดอยากเป็นนักร้องบ้างมั้ย?
              ไม่เคยครับ มากกว่าที่อยากจะเป็นนักร้องก็คือคิดอยากจะทำโชว์มากกว่าครับ. ชอบการร้องเพลงต่อหน้าผู้คนเหมือนกับครั้งแรกที่ทำตอนม.ปลายปี1 และตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นครับ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ จะเช่าโรงละครเล็กๆเพื่อรวมแฟนคลับและทำโชว์ หรือไม่ก็อยากลองทำแบบ busking ที่ฮงแด แต่เพื่อที่จะทำการแสดงได้ก็จะต้องมีชื่ออัลบั้ม และถึงตอนนั้นก็น่าจะทำอัลบั้มได้นะครับ ไม่ใช่เพียงแค่อยากจะเป็นนักร้อง แต่เพื่อที่จะทำการแสดง ถ้ามีคนช่วยและมีโอกาสในอนาคตก็อยากลองทำครับ

    จากในเรื่อง “The Liar and His Lover” ได้มีโชว์การตีกลองด้วย
              เพราะละครก็เลยได้เรียนครับ มือเท้าต้องแยกกันเล่น ตอนแรกก็ยากแต่ซักพักก็พอจับทางได้ครับ ดังนั้นเลยไปเรียนแค่จังหวะพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อการแสดงอารมณ์และความรู้สึกในละครครับ หลังจากนั้นก็คิดว่าจะเรียนต่อดีมั้ย แต่พอแสดงละครต่อมาเรื่อยๆ สถานการณ์ก็ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ครับ

    ถ้าเกิดไม่ตัดสินใจออกจากอุลซานมาโซล ตอนนี้เวลานี้ก็คงไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้มั้ย ว่าแต่เคยคิดอะไรแบบนี้บ้างมั้ย?
              ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ ตั้งแต่เด็ก ถ้ามีอะไรที่อยากทำหรือตั้งใจจะทำ ผมก็จะต้องทำมันเลยครับ ตรงกันข้ามถ้าไม่สนใจหรือไม่ใส่ใจก็จะไม่แม้แต่มองมันเลยครับ แบบนี้แล้วละก็ ถ้าคิดว่าไม่ได้ออกจากอุลซาน จะทำอะไร? โดยส่วนตัวก็มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะลองทำนะครับ เคยคิดว่าจะสนุกมั้ยถ้าได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟสักร้าน อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นงานที่ทำแล้วได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบ้างนะครับ

    เหมือนจะสนใจกับงานที่ได้พบเจอคนหลากหลายนะ
              ก็ประมาณนั้นครับ งานที่นั่งเขียนอะไรอย่างเงียบๆทำไม่ค่อยได้ครับ งานที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน และพบเจอผู้คน ขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเป็นสิ่งที่เข้ากับผมน่ะครับ
    ระหว่างความฝันอันแรงกล้าที่จะเป็นนายแบบที่โซล และความสำเร็จที่ใกล้เข้ามา กับขั้นตอนที่กว่าจะมาเป็นนักแสดงได้ รู้สึกมั้ยว่ามันเป็นความท้าทายที่ยากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว?
              ช่วงแรกที่ไปออดิชั่นละครตกรอบหมดทุกครั้งเลยครับ ขณะที่เห็นสายตาของผู้กำกับ และบรรยากาศที่เย็นยะเยือกของสถานที่ที่ออดิชั่น ยากมากที่จะพูดได้ตามบทของตัวเองครับ การแสดงก็ไม่ได้เรียนมาด้วย ไม่ง่ายเลยที่จะแสดงและพูดตามบทต่อหน้าผู้คน เพราะไม่เคยทำมาก่อนทำให้เป็นแบบนี้ครับ คำพูดหนึ่งที่ผมชอบก็คือ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” จะคิดในแง่ดีเสมอว่ามันต้องมีช่วงเวลาแบบนี้แล้วต่อไปก็มันจะดีเอง ทุกครั้งที่รู้สึกยากและลำบาก พยายามที่จะคิดในแง่บวกเข้าไว้ดีกว่าครับ  เหมือนตอนที่ทำงานนายแบบจริงๆครับ ตั้งแต่เริ่มแรก ก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีกับการเป็นนายแบบ พวกรุ่นพี่นั้น ใน 1 วัน มี 12 โชว์ เสร็จโชว์หนึ่งก็ต้องวิ่งไปเตรียมตัวต่ออีกโชว์ แต่ผมมีแค่โชว์เดียว พอโชว์จบก็กลับบ้านครับ ได้เห็นพี่ๆดูยุ่งกับการเตรียมตัวของโชว์ต่อๆไปก็อิจฉามากครับ คิดว่าฉันเองก็อยากไปห้องน้ำสระผมแล้วก็ไปเตรียมตัวสำหรับโชว์ต่อไปบ้าง แล้วพอยิ่งคิดแบบนั้นก็ยิ่งจะทิ้งความคิดลบๆไปครับ ถึงตอนนี้ 1-2 งาน แต่ซีซั่นต่อไปก็ 3-4 โชว์ ถัดไปอีกก็ 5 โชว์ 10 โชว์… คิดแบบนี้บ่อยครับและมันก็ช่วยได้
    ตอนนี้ กับบรรยากาศในกองก็น่าจะคุ้นเคยดีแล้ว ตอนที่เริ่มแสดงครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง?
              ตอนแรกนั้น จำไม่ได้ด้วยว่าต้องทำอะไร ไม่รู้อีกว่าต้องพูดอะไรบ้างครับ เหมือนมีเสียง ปี๊ด ดังขึ้นมาในหูครับ ถึงตอนนี้จะพอเริ่มชินแล้วบ้างแต่ความประหม่าก็ยังเหมือนเดิมและก็ตื่นเต้นด้วยครับ ยิ่งแสดงก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ครับ แต่อย่างไรก็เริ่มสบายใจขึ้นกว่าเมื่อก่อนนี้ เพราะรู้ว่าต้องแสดงออกมาให้ดีที่สุดให้สมกับที่ผู้กำกับและนักเขียนไว้วางใจ ดังนั้นก็พยายามตั้งใจทำออกมาอย่างที่ดีดัสุดครับ

    ดูเหมือนจะต้องค่อยๆมีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อได้รับบทนักแสดงนำนะ
              อย่างไรก็ตามคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่นักแสดงนำต้องรับผิดชอบครับ แต่ก็ไม่ควรจะคิดถึงตรงนั้นเป็นหลักครับ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมทำอยู่คนเดียว เพราะเป็นสิ่งที่ทำร่วมกันกับเพื่อนนักแสดง ผู้กำกับ นักเขียนบท ในกองถ่ายก็เข้ากันได้ดี และถ้ามีส่วนที่ยากลำบาก ก็ควรต้องมาพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันครับ

    ถ้ามีเรื่องเครียด หรือวิตกกังวล เป็นคนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือจะปรึกษาคนอื่น?
              ถ้าเป็นเรื่องเครียดส่วนตัว ก็พยายามจะแก้ด้วยตัวเองคนเดียวครับ ผมชอบเดินครับ เวลาออกไปเดินที่แม่น้ำฮันแล้วฟังเพลงไปด้วย ได้เดินไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย ก็จะผ่อนคลายได้ครับ ในขณะที่ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับงานแสดง ก็จะไปหาผู้กำกับโดยตรงครับ จะโทรหานักเขียนบทไปเลย

    จากที่เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าตอนช่วงอายุ 30 กลางๆ อยากเป็นนักแสดงที่ใน 1 ปี ได้ถ่ายภาพยนต์ถึง 3 เรื่อง คิดว่าใกล้แค่ไหนแล้ว?
              คิดว่ามันกำลังเป็นไปด้วยดีครับ ไม่เร็วไม่ช้า เดินหน้าไปเหมือนกับเรือที่ค่อยๆแล่นอยู่ครับ

    รู้มาว่าตอนนี้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ “Sweet and Sour” ของผู้กำกับอีกเยพยอกเจ้าของผลงานเรื่อง "Lucky"  นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สอง หลังจากเรื่อง “Bad Guys The Movie” ในฐานะนักแสดง คิดว่าน่าจะมีความหลงรักในภาพยนตร์ รวมถึงมีความปรารถนาหรือความคาดหวังส่วนตัว
              ก่อนอื่นเลย เรื่อง “Bad Guys The Movie” เป็นผลงานที่รู้สึกขอบคุณที่ได้มีโอกาสอันสำคัญยิ่งครับ และดีใจมากที่ได้มาเจอรุ่นพี่คิมซังจุง มาดงซอก คิมอาจุงอยู่ตรงหน้า เพราะแสดงเข้ากันได้อย่างดี ถือเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดเลยครับ อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ประสบความสำเร็จเพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกครับ อยากแสดงอย่างไม่ให้รุ่นพี่ๆ และตัวเองต้องอับอายครับ ดังนั้นก็เลยทำสุดความสามารถ แต่ถ้าดูอย่างเป็นกลางแล้วก็ยังมีส่วนที่น่าเสียดายอยู่เยอะครับ ในสายตาของรุ่นพี่ก็บอกว่าเห็นถึงความตั้งใจที่แสดงให้ออกมาดีนะครับ หลังจากที่ถ่ายทำเสร็จก็รู้สึกดีที่ยังได้ติดต่อโทรหา หรือส่งข้อความถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันครับ 
              ขณะที่ถ่ายทำ "Sweet and Sour" อยู่ก็คิดแบบนั้นครับ เพราะว่ารุ่นพี่ที่ดี ทำให้ผมแสดงออกมาได้อย่างสบายและมีความมั่นใจว่าจะสามารถแสดงภาพยนตร์เรื่องต่อไปให้ได้ดีครับ ฉะนั้นในภาพยนตร์เรื่องถัดมาก็เลยยิ่งอยากทำให้ดีขึ้นอีก ตอนนั้นได้ยินว่าผู้กำกับอีกเย พยอก จะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่แล้วก็ได้นัดเจอกันครับ ผมดู “Lucky” แล้วสนุกมากๆ พอได้เจอกันแล้วก็คิดว่าถ้าได้ทำงานร่วมกันคงจะดีมากๆเลยครับ บทก็สดใหม่มาก และตื่นเต้นที่ได้ลองเป็นตัวละครนี้ครั้งแรกด้วยครับ ก็เลยได้ถ่ายทำเพราะผมอยากท้าทายกับตัวเอง และด้วยเป็นครั้งที่ 2 ก็เลยสบายใจกว่าครั้งแรกและกังวลน้อยลงด้วยครับ อย่างไรก็ตามแต่ ตอนนี้ก็รอแค่วันที่ภาพยนตร์จะออกฉายอยู่ครับ อยากดูเร็วๆแล้วนะครับเนี่ย
    ชอบดูผลงานการแสดงของตัวเองมั้ย?
              เมื่อก่อนนี้ไม่ดูเลยครับ แต่ตั้งแต่ "Go Back Couple" ก็ค่อยๆเริ่มดูครับ เพราะจะได้รู้ว่าตอนนี้ผมแสดงออกมาเป็นยังไง กำลังทำอะไร พลังที่ต้องส่งถูกมั้ย หรือที่ทำออกมามันถูกรึเปล่า

    เป็นโปรในฐานะนักแสดงได้เลยนะ
              น่าจะเป็นแค่ประมาณ semi-pro เองครับ(หัวเราะ)

    ฉันเคยสัมภาษณ์คุณอีซูฮยอกเมื่อปี 2015 ด้วยตอนนั้นคุณอีซูฮยอกอายุ 29ปี
              อ่อ เหมือนอายุผมตอนนี้เลยนะครับ

    เลยอยากจะถามคุณจางกียงด้วยคำถามเดียวกับที่ถามคุณอีซูฮยอกในตอนนั้น สงสัยว่าพออายุ30ปี อยากให้ตัวเองเป็นคนยังไง และอยากใช้ชีวิตแบบไหน
              ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ กับที่เป็นตอนนี้ก็น่าจะไม่ต่างกันมากนะครับ คงจะคิดอยู่เสมอเพื่อจะทำให้ดีที่สุดในฐานะนักแสดงเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ ยิ่งแสดงก็จะยิ่งน่าตื่นเต้นกังวลต่อไปนะครับ แต่ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ถ้าเวลาผ่านไปก็น่าจะช่วยแก้ได้บ้าง น่าจะใช้ชีวิตในฐานะนักแสดงแบบนี้น่ะครับ และเพราะถึงอายุที่ควรจะเริ่มคิดถึงเรื่องแต่งงาน ผมก็คิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างขยันหมั่นเพียรในการเป็นคุณพ่อของครอบครัวหนึ่งครับ เพราะอย่างนั้นหวังว่าผมจะเป็นคนที่ทำสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จอย่างละเล็กละน้อยครับ อยากจะใช้ชีวิตอย่างขยันขันแข็งทั้งในฐานะนักแสดง และในฐานะหัวหน้าครอบครัวครับ การที่เป็นคนเท่ไม่มีความพิเศษอะไรครับ อยากใช้ชีวิตในการดูแลครอบครัวให้ดีและได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งในฐานะนักแสดง และในฐานะพ่อที่ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถครับ

    ดูเหมือนว่าโชคชะตาในการเป็นนักแสดงจะต้องได้รับการยอมรับแน่นอนเลยค่ะ
              ดีเลยครับ ผมขอมัดรวมมาเลยได้ไหม? (หัวเราะ) เพราะกำลังคิดถึงการใช้ชีวิตในฐานะนักแสดง ที่ว่ามาก็คงจะไม่เรื่องที่ผิดหรอกนะครับ
              จบลงแล้วกับบทสัมภาษณ์ เพิ่งมีโอกาสได้แปลเสร็จเรียบร้อย ช้าไปหน่อย แต่ก็ยังทันทีก่อนละครจบนะคะ ขอขอบคุณที่รออ่านและอ่านกันจนมาถึงย่อหน้าสุดท้ายนี้ด้วยค่ะ หากมีจุดที่แปลผิดพลาดก็ขอภัยด้วยนะคะ แล้วท้ายสุดนี้ ฝากละครเรื่อง Born Again ไว้กับแฟนคลับและแฟนซีรีส์ทุกคนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in