เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dustman : ไอ้ธุลีดินผงผงาดค้ำจุนโลกHacker Dewdie
ตอนที่ 4 : วันแห่งการพิพากษา (ตอนจบ)
  •           ผมลืมตาขึ้นมาด้วยความปวดหัว มึนงง และโลกโคลงเคลงไปมา คล้ายกับการล่องบนเรือสำราญ ผมนั่งบนเก้าอี้ทีี่โต๊ะรับประทานอาหารภายในห้องครัว มือขวาจับแก้ว ข้างๆ มีขวดเบียร์ตราเสือดำทีี่มีบาดแผลจากการโดนกระสุนยิงแสกหน้าหลายขวด มีโซดาที่สั่งมาจากโรงงานอิตาลี ส่วนมือซ้ายกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น เมื่อเปิดเครื่องดูก็พบเป็นรูปภาพของแมรี่ที่ส่งรอยยิ้มหวานๆ 


              ผมเอามือเกาหัวตัวเอง ลูบใบหน้า และสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติ ผมนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานตอนเย็น แมรีี่ สาวข้างบ้านทีี่ผมอยากจะคบหาดูใจเดินออกจากบ้านไปกับแฟนเก่าของเธอ ผมเห็นเหตุการณ์นั้นรู้สึกปวดใจดั่งไฟสุมทรวงทะลวงอกผม ราวกับตกอยู่ในนรกสิบชั้น หลังจากนั้นดืี่มเบียร์จนขาดสติและหลับลงไปโดยที่ไม่รู้สึกตัว


              ในวันนี้ ผมโทรไปลาป่วยทีี่ทำงาน และเก็บหัวอยู่ในห้องนอน นอนเอามือก่ายหนัาผาก มืออีกข้างสไลด์มือถือเพื่อดูภาพทีี่ผมกับแมรี่ทำกิจกรรมร่วมกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำนํ้า ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูนิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ชมเมืองเก่า เข้าสัมมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้นแล้วก็ร้องเพลง โอ๊ยเยอะ...


              "กริ๊งงงง กริ๊งงงงง" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการนอนงีีบบนเตียงชั่วครู่


              "ฮัลโหล พีีท วันนีี้นายไม่กอบกู้โลกแล้วเหรอ"


              "กอบกู้โลกอะไร ฉันไม่ทงไม่ทำมันแล้วละ ฉันไม่อยากช่วยเหลือใครทั้งนั้น"

              
              "นายพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ดูสิ คนทั้งโลกกำลังรอนายอยู่ เขากำลังเดือดร้อน"


              "เมสัน...ผมจะไปช่วยพวกเขาได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังไม่รอดเลย แล้วจะไปช่วยใครเขาได้"


              "ไม่เอานาพีีท ไม่เอานา....ทุกคนกำลังเรีียกร้องนาย นายคือความหวังของเขา"


              "..............."


              "นายจะต้องรู้จักการเสียสละละทิ้งชีวิตส่วนตัวลงบ้าง ควรถือผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นสิ่งสำคัญ"  เมสันพูดไปเรื่อยๆ  "เอาล่ะ อีก 15 นาทีมีคนแก่เดินข้ามถนน  อีีก 20 นาทีต้องไปช่วยค่ายอาสาลงเสาเข็ม และ 2 ชั่วโมงต่อจากนั้นนายต้องลอยไปลอนดอนเพื่อไปเช็ดห้องน้ำในโรงแรมห้าดาว และตอนเย็นนายต้องลอยกลับมาที่ไต้หวัันเพื่อแก้ปัญหาการจราจร ตกค่ำก็ไม่มีีคิวอะไรอีกแล้ว อ่อ...3 ทุ่มวันนี้ ไปห้ามเด็กที่แอบเล่นผีถ้วยแก้วในยามดึกด้วยนะ จบ...."


              เมสันวางสายไป ปล่อยให้ผมยืนอึ้งอยู่สักครู่
              นีี่คือหน้าที่ของซุปเปอร์ฮีีโร่สำหรับผมที่ต้องทำในแต่ละวัน และเมสันคือหุ่นยนต์ AI ผู้ทำนายการเกิดเหตุการณ์ล่วงหน้า ซึ่งได้มาจากการไปขุดคุ้นในตลาดซอฟแวร์ออนไลน์ระดับโลกที่เรีียกว่าอีเปย์  มันใช้สถิติจากข้อมูลที่ผ่านและวิเคราะห์ออกมาได้อย่างแม่นยำมาก มันสามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เป็น 1 วัน โดยมีความแม่นยำถึง 90%  และมันมีความอัจฉริยะ สามารถโต้ตอบและต่อรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งนั่นเป็นข้อดีที่ทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ มันไม่สามารถทายหวยได้


              ผมลุกขึ้นจากเตียง มองนาฬิกาปลุกทีี่แสดงเลขฐานสองเป็นเวลานาน นึกถึงเหตุการณ์ทีี่ผ่านมา  แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกทีี่ปกคลุมด้วยหมอกสีีน้ำตาลทีี่มากกว่าวันทีี่ๆ ผ่านมา หลังจากนั้นหยิบผ้าขนหนู อาบน้ำ แปรงฟัน และสวมชุดฮีโร่สีีส้ม ลายพื้นดินแตก ส่องกระจกเพื่อจ้องมองดูตัวเองและพลันนึกในใจว่า 



               "พวกเขารู้ว่าถ้าเจอเสื้อแบบนี้ กางเกงแบบนี้ แบบฟอร์มแบบนี้ นั่นก็คือความหวังของพวกเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในชุดนี้มีีความหวังอะไร"


              ผมดึงพลังงานจากร่างกายตัวเอง จางหายไปกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เพื่อทำภารกิจของวันนี้


  •           12 กุมภาพัันธ์
              ผมตื่นขึ้นมาจากเตียงนอนด้วยสภาพอ่อนล้า ปวดเมื่อยไปทั่วตัว  อาบน้ำ แปรงฟัน สวมชุดทำงาน และเดินลงมาข้างล่าง เปิดโทรทัศน์หยิบขนมปัง ชงกาแฟ ถือมาวางที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์ และนั่งพิงเอนโซฟา ดูรายการข่าวยามเช้า


              "น้องเปิ้ล พร้อมไหม.....โอเค งั้นไปฟังน้องเปิ้ลเหล่าข่าวกันเลยดีกว่า"


              "ขอบคุณคุณสต๊อกและพิธีีกรจอมขันอย่างมากค่ะ เริ่มกันที่แคนาดา หมีีขาวจากขั้วโลกเหนือย้ายถิ่นฐานลงมาทางใต้ คาดการณ์ว่าคงเป็นการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ของหมีขาวเพื่อหนีหนาวมาสู่ทีี่อุ่น  ในประเทศเยอรมันตอนนี้อากาศร้อนทะลุ 50 องศาไปแล้ว และมีผู้คนเกิดอาการฮีทสโตรก ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับ 100 คน  ส่วนอินโดนีเซีย เกิดหลุมขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100-300 เมตรในหลายพื้นที่ มีลาวาผุดจากพื้น .... ทุกประเทศทั่วโลกต่างยกเลิกการเดินทางโดยเทีี่ยวบิน เนื่องจากไม่สามารถกำหนดเรดาร์ทิศทางการบินส่งผลทำให้การบินล้มเหลว  สำหรับเครื่องบินที่บินไปยังประเทศจีน กลับพบว่าบินไปยังมาเลเซีย เครื่องบินที่บินไปยังอเมริกา บินไปยังบราซิล ซึ่งสาเหตุเหล่านี้จะรายงานกันต่อไป"


              จากการเล่าข่าวครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่าง มันเป็นไปตามคำทีี่เขียนบันทึกไว้ในหนังสือเรื่อง THE MOMENT OF THE WORLD มาก ทั้งเหตุการณ์สลับขั้วแม่เหล็ก การเอียงตัวของโลก จนสลับระหว่างขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ หรือนี่....เหตุการณ์กำลังใกล้จะเป็นจริงมากขึ้น


     .........


              13 กุมภาพันธ์
              เช้าของวันนีี้ ผมลุกขึ้นจากทีี่นอนโดยไม่ได้มองนาฬิกาปลุกเลขฐานสอง เดินไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองไปยังบนท้องฟ้า ผมยังคงเห็นเม็ดสีขาวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า ผมพนันได้เลยว่ามันไม่ใช่เม็ดฝุ่นทีี่เกาะกระจกผมแน่นอน  เมื่อคืนวานนี้ตอนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ผมสังเกตเห็นกลุ่มดาวทีี่เป็นเม็ดเล็กๆ ส่องแสงสีแปลกอยู่บนท้องฟ้า 


              ผมทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงตอนเย็นกลับมายังบ้าน เปิดดูรายการในโทรทัศน์ แต่แล้ว...


              "ขอคั่นรายการทางโทรทัศน์สักครู่......ช่วงนี้มีข่าวประเด็นร้อนแรงมาจากทางต่างประเทศ น้องเปิ้ลพร้อมไหม....เอาเริ่มได้" 


              "ค่ะ ขอบคุณค่ะ....หลังจากททีี่นักดาราศาสตร์จากสถานีี Area-51 ส่องกล้องโทรทรรศน์เพื่อสำรวจกลุ่มดาวแปลกประหลาดปรากฏจากท้องฟ้า ก็กลับค้นพบวัตถุรูปร่างเพรียวลม ลอยอยู่เหนือพื้นโลก ห่างจากโลกประมาณ 10,000 กิิโลเมตร  วัตถุนั้นกระจุกอยู่บนท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก และกำลังเดินทางมายังโลกของเรา เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามันมีวัตถุประสงค์อะไร ขอให้ประชาชนตติดตามความเคลื่อนไหวอีกครั้งในข่าวชั่วโมงถัดไป "


              ผมวิตกกังวลอีกครั้ง นั่นคือสัญญาณเตือนการทำสงครามแน่ๆ 


              "นั่นใครนะ"
              ผมเห็นเงาแว๊บเข้ามาสายตา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นั้นผมรู้สึกเหมือนว่ามีสิ่งบางอย่างจ้องมองผมอยู่หน้าบ้านตลอดเวลา เพื่อผมตะโกนออกไป ผมก็ไม่พบสิ่งเหล่านั้นแล้ว ผมเดิินออกไปข้างนอกบ้าน


              "พีท พีท"


              "อ่าว แมรีี่ มีอะไรเหรอ"


              "เออ..คือ..."  แมรี่พูดขึ้นมา "ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีีเลย ตอนนีี้สถานการณ์โลกของเรามันย่ำแย่เต็มทีเหตุการณ์อะไรหลายๆ มันอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว ฉันคิดว่าพรุ่งนี้โลกของพวกเราจะอยู่กันอย่างไร เธอว่าไหม"


              "ใช่...ผมก็รู้สึกได้อย่างนั้น เช่นกัน"  ผมตอบกลับไป "ผมก็คงไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้ได้อีกนานแค่ไหน"

              
              "เธอ..." แมรี่พูดขึ้นมาอย่างค่อยๆ  "ถ้าพรุ่งนีี้ไม่มีกัน อย่าทิ้งฉัันเหมือนแฟนเก่าทิ้งฉันเลย ฉันขอให้เธออยู่ข้างๆ ฉันได้ไหม "


               ผมมองดูแมรีี่ทีี่ทำหน้าเศร้าสร้อย และมีวิตกกังวลไม่แพ้เป็นอย่างมาก ใจหนึ่งก็อยากปลอบโยนในความอ่อนแอของเธอ  ใจหนึ่งก็อยากเชิดหน้านิ่งหยิ่งใส่จากการที่เธอทำหััวใจของผมว้าวุ่น  "อื้อ.....ผมสัญญา ว่าผมจะอยู่ข้างๆ เธอ" 


               "เหมือนอย่างทีี่เคยเป็นมา" ผมกล่าวปิดท้าย


  •           คืนของวันทีี่ 13 กุมภาพันธ์ 
              ผมยังคงจ้องมองท้องฟ้าในยามราตรีจากหน้าประตูทางเข้าของบ้าน เม็ดสีขาวทีี่อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนปรากฏให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมจินตนาการของการปะทะ การสู้รบต่างๆ นาๆ  ผมเปิดโทรทัศน์ที่รายงานสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทีี่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมกระทั้งเชิญนักวิชาการระดับหัวกระทิไม่ว่าอาจารย์เจ็ดชฏา อาจารย์ยิ่งตัก และอาจารย์ฝีปากกล้า ซึ่งงชาวเน็ตหลายท่านก็คงรู้จักกันดี อาจารย์พูดเพ้อเจ้อได้ทั้งวันจนผมรำคาญ และมีวลีติดปากว่า "อีดอกกกกก" มาออกรายการนี้


              "ตู้มมมมมมม !!!"   เสียงสนั่นก้องทั่วท้องฟ้า พื้นพสุธาสั่นไหวชั่วขณะ 
               ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เปิดผ้าม่านหน้าต่างออกอย่างรวดเร็ว และจ้องมองบนท้องฟ้า มีลำแสงพุ่งจากฟ้าตกลงสู่พื้นดิน คาดว่าตกบริเวณใจกลางเมืองกรุงเทพฯ  ผมเปิดหน้าต่าง ชะโงกหัวออกไป เสียงหมาเห่าดังลั่นซอย 


               "พีท นายได้ยินเสียงนั่นไหม" ผมมองไปยังที่มาของเสียง พบแมรีี่สวมชุดนอนชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างบ้านของเธอเช่นกัน


               "ได้ยิน" ผมหันหน้าไปมองแมรี่ "มันอยู่ตรงโน้นนะ"


               ผมมองเหตุการณ์โดยรอบ  ผมปิดหน้าต่างทันทีี เปิดไฟในห้อง หยิบผ้าเช็ดตัว อาบน้ำ ถูสบู่ ขัดขี้ไคล สระหัว เช็ดตัวให้แห้ง เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดซุปเปอร์ฮีโร่และสวมใส่ รูดซิปกางเกงเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ผมเดินลงบันได ไหว้พระบนหิ้ง สวมพระเครื่อง สวดมนต์ชินบัญชร หยิบกุญแจมอเตอร์ไซต์ และสตาร์ทรถออกจากบ้าน


               ผมเดินทางไปใกล้ถึงจุดเกิดเหตุ ห่างจากวัตถุแปลกประหลาดประมาณ 5 กิโลเมตร และผมเข้าไปใกล้กว่านี้ เพราะเนื่องจากถนนถูกปิดขาด แรงตกกระทบของวัตถุประหลาดนี้ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย และพังทลายลงมาย่อยยับ เกิดไฟไหม้หลายๆ บ้าน มีีรถดับเพลิง และรถพยาบาลจอดอยู่เรียงราย เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังไม่ขาดสาย ชาวบ้านวิ่งไปวิ่งมาอย่างโกลาหล ซึ่งแตกต่างจากผมที่มองดูวัตถุเพรียวลมที่มีขนาดใหญ่สูงราวตึก 10 ชั้น ที่ตั้งนิ่งและไม่ขยับเขยื้อน


               ผมยืนในบริเวณนั้นไปเรื่อยๆ จนแสงอาทิตย์จากท้องฟ้าสาดเข้ามา พระอาทิตย์เริ่มทักทายสวัสดียามเช้า ความมืดมิดเริ่มหายไป ความอุ่นเข้ามาแทน นกกาบินโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส  ฝุ่นจิิ๋วยังคงปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้มองเห็นในระยะที่จำกัด 


               "ฟู่วววว ฉีี่.........." และแล้วมีเสียงออกมาจากวัตถุรูปร่างแปลกประหลาดและปล่อยควันสีม่วงออกมาปกคลุมทั่วบริเวณ ผมหยิบหน้ากาก N95 มาสวมใส่ 


               "ทุกคน หมอบลง ก้มตัวต่ำ"
               ผมสั่งทุกคน ให้หมอบลงกับพื้น ชาวบ้านทีี่มุงดูเหตุการณ์นี้ก็ปฏิบัติตาม หลังจากนั้นอีกไม่นาน ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์สั่นบนท้องฟ้า เมื่อเงยหน้ามองดูวัตถุเพรียวลมนี้ ปล่อยสิ่งมีชีวิตออกจากยอดของวัตถุนี้เป็นจำนวนมาก และมุ่งหน้าไปทั่วทิศทาง


               "ค่อออก.....แคคค่กกกกก....โอ๊ยยยยยยยย"
               ชาวบ้านข้างๆ ผมมีอาการไอ และเริ่มกรีดร้อง บางคนมีอาการไอขั้นรุนแรง บางคนอาเจียณออกมาเป็นเลือด ทุกคนเริ่มหน้าเขียว และในไม่ช้านอนขดตัวลงบนพื้น ชักกระตุกไปมา ผมรีีบคลานไปจับชีพจรของพวกเขา ก็ทราบว่าหลายคนเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนชาวบ้านบางคนทีี่สวมหน้ากาก N95 รอดชีวิต


               "ทุกคน คนที่อยู่ตรงนี้ ใครมีหน้ากาก N95 รีบสวมใส่มันโดยด่วนทันทีี ส่วนผู้ทีี่รอดชีวิตรีบหนีออกไปจากบริเวณนี้โดยด่วน"  ผมตะโกนให้ชาวบ้านได้ยิน  "ไปได้แล้ว เร็วๆ"


               เหล่าชาวบ้านที่รอดตาย ลุกขึ้นจากพื้น และรีบวิ่ง


               สักครู่หนึ่ง ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาใกล้และวิิ่งผ่านหูผม  เสียงนั้นพุ่งตรงไปยังชาวบ้านที่กำลังวิ่งอย่างอลหม่าน  หลังจากนั้นชาวบ้านบางคนถูกแทงด้วยอาวุธมีคม นอนล้มลงบนพื้น บางคนเหมือนถูกดึงขึ้นไปบนท้องฟ้า ชาวบ้านกรีดร้องเสีียงดังอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดโชยมา และไม่นานบนพื้นก็เจิ่งนองไปด้วยเลือด


               ผมเดินผ่านฝูงคนที่นอนล้มตายด้วยความเงียบ และเดินอย่างช้าๆ  มองดูศพที่นอนบนพื้น  บางคนคอขาด บางคนถูกเสียบทะลุอก บางคนแขนขาด ขาขาด บางคนเป็นคนแก่ที่ไม่สามารถวิ่งหนีได้เร็วเท่ากับคนหนุ่มสาว บางคนเป็นพ่อบ้านแม่บ้านที่ยังต้องเลี้ยงดูแลคนในครอบครัว บางคนก็เป็นเด็กหญิงเด็กชายทีี่จะเติบโตเป็นหนุ่มสาวในอนาคตข้างหน้า พวกเขาต้องมาจบชีวิตด้วยความโหดร้าย ความป่าเถื่อน และความทรมาน ผมมองดูพวกเขานอนตายด้วยความสังเวช


               ด้วยความโมโหเป็นอย่างมาก ผมวิ่งไปในจากร้านขายเนื้อทีี่ตั้งอยู่ริมทาง หยิบมีด วิ่งไปหาทีี่มาของเสียงนั้น ผมเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาด สูงราว 2 เมตรเดินหันหลังให้ผม มือขวาถือของหอกด้ามยาวปลายหอกมีเลือดติดอยู่ มือซ้ายถือดาบ ภาพทีี่ผมเห็นมันชัดเจนและรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า มันเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เป็นชนเผ่าเร่ร่อนแน่นอน


               ผมเอามีดฟันที่แผ่นหลังของมัน ทำให้เกิดบาดแผลรอยทางยาว มีน้ำสีเขียวซึมผ่านรอยแยกนั้นออกมา แล้วมันก็ล้มลง หลังจากนั้นผมแย่งดาบจากมัน เอาดาบของมันแทงลงบนแผ่นหลัง มันกรีีดร้องและดิ้นไปดิ้นมา ชั่วครู่หนึ่งจึงสงบลง ผมดึงดาบออกมาจากที่ปักแผ่นหลัง มองไปรอบๆ ปรากฏว่าผมอยู่กลางดงของพวกมันเรียบร้อยแล้ว


               ผมวิ่งพุ่งตรงไปยังพวกมัน เอาดาบฟาดฟันพวกมันครั้ง ทั้งกระบวนท่า ย่อ ยก ชิด จ้วง แทง รวมทั้งเพลงดาบกระเรียนเหิินหาว นางนวลเริงรมย์ กุหลาบมิไร้สิ้นแรงสวาท ฯลฯ จนพวกมันนอนแน่นิ่งลงบนพื้น


               "แมรี่" ผมนึกขึ้นได้  "แมรี่อยู่ในอันตราย"

  •           ผมดึงพลังตัวเอง และจางหายกลายเป็นฝุ่นลอยไปยังที่หมู่บ้านของผม แต่แล้ว...หมู่บ้านของผมททั้งบ้านผมและบ้านแมรี่พังราบเหมือนหน้ากลอง 


              "แมรี่  แมรีี่ อยู่ไหน" ผมตะโกนร้องเรียกหาแมรีี่


              ไม่มีเสียงตอบรับจากที่ผมเรียก


              ผมมองทีี่บ้านของเธอ บ้านของเธอล้มลงกลายเป็นเศษกำแพง อิฐ จนไม่เป็นรูปทรงของบ้านอีกต่อไปแล้ว ผมหยิบป้ายชื่อหน้าบ้านของเธอ ผมเอามือเช็ดฝุ่น เห็นเลขทีี่หน้าบ้านของเธอ ก็รู้สึกเข่าอ่อน ล้มลง นั่งคุกเข่าบนพื้น เอามือตบลงบนพื้นดินอย่างรุนแรง


              "มันสายไปเสียแล้ว มันสายไปแล้ว ไม่นะ ไม่......" ผมตะโกนออกมาดังๆ 


              "พีท"  


              มีีมือมาแตะทีี่บ่าของผม เมื่อผมหันมองกลับไปเป็นหน้าของแมรีี่  



              ใช่ เป็นแมรีี่ตัวจริงเสียงจริงด้วย สภาพใบหน้าของเธอเปื้อนดินเปื้อนฝุ่น และมีรอยช้ำตามลำตัว ที่มือของเธอมีบาดแผลถลอก ผมเห็นดังนั้น ผมพุ่งเข้ากอดเธอ


              "เธอ เธอยังไม่ตาย"


              "ฉันตายไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉันยังรอเธออยู่" ผมเอามือจับบ่าของเธอและดันเธอออก พบว่าเธอมีน้ำตาไหลเช่นกัน ผมเอาเสยผมของเธอ และเช็ดน้ำตาที่เปื้อนที่แก้มของเธอ "ฉัันรู้อยู่เต็มอกว่าเหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน  มันเป็นไปตามทีี่หมวกนั้นพูดไว้  ตอนที่เช้าวันนี้ ฉันรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างจ้องจะฆ่าฉัน ฉันรีบวิ่งหนีและซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยที่กลางทุ่งนาหลังบ้าน ฉันได้ยินเสียงระเบิดนับไม่ถ้วน เสียงล้มพังของตึก เสียงฝีเท้าเหล่านั้น ความมืดมิด ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว เหล่านั้นมันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกกลัวต่อความตาย  


                "สิ่งแรกทีี่ฉันนึกได้ นั่นก็คือเธอ" แมรีี่พูดเว้นจังหวะสักครู่หนึ่ง และพูดต่อมา "ภาพของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในหัวทุกครั้ง............ตอนทีี่ฉันทะเลาะกับแฟน ตอนทีี่ฉันคืนดีกับแฟน ตอนที่ฉันเหงา ตอนที่ฉันเหนื่อยล้า ก็มีแต่เธอ....ทีี่ยังคงเป็นเพื่อนบ้านข้างฉัน และไม่หนีหายไปไหน เป็นเพื่อนบ้านทีี่ฉันสามารถพูดคุย ปรึกษา และระบายอารมณ์ได้ทุกเวลา"


              "ฉันรู้ว่าเธอต้องมา....ฉันเชื่ออย่างนั้น" 


              "................"


              "แล้วเธอก็มาจริงๆ"  แมรี่สะอื้น "ฉันขอร้องนะพีีท...อย่าหนีไปไหนอีีกเลย อยู่เป็นคนรักของฉันนะ นะ...."


              "เพราะฉันตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว" 


              เธอกอดผมอย่างแน่น ผมเอามือลูบหลัง ลูบหัวของแมรี่อย่างเบาๆ  


               "ผมไม่ไปไหนแล้ว ผมจะอยู่ที่นี่ และจะอยู่เป็นคนของเธอ"



              และแล้ว ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ผมเห็นมนุษย์ต่างดาวชูหอกขึ้นฟ้า ทำให้เกิดภาพแว๊บเข้ามาในหัว ผมเห็นภาพของแมรี่ทีี่โดนปีศาจตัวนี้แทงจากด้านหลัง มีเลือดไหลออกจากปาก แล้วเธอนอนล้มลงบนพื้น ตามทีี่ผมเห็นจากภาพของหมวกทรงสูงของยายแก่  


              เมื่อภาพตัดมาอยู่ในความเป็นจริง ปลายหอกแหลมกำลังพุ่งดิ่งมายังด้านหลังของแมรี่ ผมเอาท่อนแขนที่กอดแมรี่ ขวางทางหอก ปลายหอกแทงทะลุทีี่แขนซ้ายของผม ผมเจ็บปวดเป็นอย่างมาก มันพยายามดึงหอกออกจากแขนอย่างสุดแรง แต่หอกก็ไม่หลุดจากแขนผม ผมใช้พลังพิเศษ เปลี่ยนมือซ้ายให้กลายเป็นฝุ่น แล้วใช้มือขวาจับหอก ลุกขึ้นยืน แล้วจ้วงแทงทีี่หัวของมัน


              "พีท" แมรีี่เรียกผมจากด้าน


              "บัดซบจริงๆ เลยวุ้ย....เสร็จมันจนได้ โธ๋เว้ยยย..."  ผมเอามือขวาจับแขนซ้ายของผม ที่มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก 


              "พีีท"  แมรีี่เรียกชื่อผมอีกครั้ง "เธอมีีบาดแผล.....เธอกำลังเสียเลือด อยู่นิ่งๆ นะ ฉันจะพยาบาลให้" เธอล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบผ้าเช็ดหน้าลายคิตตี้ของเธอออกมา เธอใช้ฟันกัดผ้าเช็ดหน้าให้ขาดเป็นเส้นๆ แล้วหลังจากนั้นมาพันทีี่บาดแผล


              "เสร็จแล้วพีท  นับว่าเป็นปฏิหาริย์เธอจริงๆ....แผลไม่ลึกมาก เดี๋ยวสองสามวันก็หายแล้วล่ะ แผลแค่นี้มันอยู่ห่างจากหัวใจ เธอคงไม่ตายง่ายๆ หรอก" 


              "หัวใจ" ผมพูดขึ้นมา "ใช่แล้ว...หัวใจ เธอพูดถูกต้อง ถ้าไม่มีหัวใจทุกอย่างทำงานไม่ได้"


              "....."


              "แมรีี่....ฝากเธอดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วผมจะกลับมา"


              "เธอจะไปไหนพีท เธอจะทิ้งฉันอีกแล้วใช่ไหม"


              "จำเอานะแมรี่" หลังจากทีี่ผมพูดจบ ผมใช้ริมฝีปากประกบกับริมฝีีปากของแมรี่ กระซิบเบาๆ ข้างหูของเธอ 


              "ผมสัญญา...ผมจะกลับมา"



  •            ผมปรากฏกายที่บริเวณหน้าวัตถุรูปทรงเพรียวลม และหลังจากนั้นไม่นาน มีพวกสมุนของมนุษย์ต่างดาวปรากฎอออกมาจำนวนมาก ผมใช้ดาบฆ่าฟันสัตว์ประหลาดตัวอย่างไม่ลดละ  มันค่อยล้มลงไปทีละตัว สองตัว หลังจากนั้นผมเดินเข้าไปในยานอวกาศนี้  มีลูกสมุนหลายตัวยังคงดัักรอผมอีกจำนวนมาก ผมจัดการฆ่ามันจนหมด 


              จนถึงห้องสุดท้าย มีสิ่งมีชีวิตประหลาดยืนอยู่ตรงตู้คอนโทรลของยานลำนี้

               
               "พวกแก จบสิ้นกันแค่นี้แหละ ฉันไม่ยอมให้พวกแกยึดโลกนี้ไปได้หรอก"
               ผมชี้ดาบไปยังสิ่งมีีชีวิตตัวนั้น มันสูงราวสองเมตรครึ่ง มันมีสองแขนและสองนิ้ว มีกรงเล็บแหลมคมยื่นยาวออกมาจากนิ้วทั้งสองนิ้ว 


               "ในที่สุดแกก็มาถึงที่นี่จนได้" สัตว์ประหลาดร่างนั้นตอบกลับมา "ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของพวกเรา สถานที่ที่ให้กำเนิดแก"


               "แกพูดเรื่องอะไร"


               "ที่ผ่านมา แกไม่เคยคิดบ้างเลยหรือไงว่าที่แกมีพลังมากมายขนาดนี้เพราะอะไร" สัตว์ประหลาดร่างนั้นหันหน้ามา เผยให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจน ตาดำล้วนไม่มีีหนังตา ไม่มีคิ้ว มีจมูกเป็นรูขนาดเล็กสี่รู ไม่มีริมฝีปาก แต่ปากของมันฉีกกว้าง และแสดงให้เห็นฟันคมทีี่เป็นซีอย่างชัดเจน  "เพราะแกคือผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ทีี่น่าอัศจรรย์ของข้า"


               "วันแล้ว วันเล่า ข้าพยายามทดลองศึกษาวิธีการดำรงชีพในดาวต่างๆ แต่ผลการทดลองล้มเหลว พวกข้าล้มตายไปเป็นจำนวนมาก สูญเสียททั้งพ่อแม่ พี่น้อง  แต่เมื่อข้าได้เจอดาวดวงนี้ ข้าเห็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ มีีน้ำ มีอาหาร มีแร่ธาตุ อุดมสมบูรณ์ ....ข้าจึงทดลอง ศึกษา และข้าก็ค้นพบว่า การใช้สารเคมีพิเศษทีี่ข้าสกัดได้มาจากชาวดาวอัลไตผสมกับน้ำแล้วนำไปปล่อยในชั้นบรรยากาศของโลก แล้วให้ฝุ่นขนาดเล็กเป็นตัวเร่งปฏิกิิริยา มันเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก  เมื่อนำสารสกัดนั้นไปฉีดให้กับชาวพี่น้องของข้า พวกเขาสามารถหายใจในดาวดวงนี้ได้"


               "ฉันไม่รู้ว่าแกพูดพล่ามอะไร แต่วันนี้แกต้องตาย"


               ผมใช้พลังพิเศษจางเป็นฝุ่น และวิ่งไปฟาดฟันเจ้าสัตว์ประหลาดนี้อย่างเร็วๆ แต่แล้วมันปัดดาบของผมให้หลุดจากมือ


               "แกคิดยังไงถึงอยากจะฆ่าฉัน" สัตว์ประหลาดนั้นถีบให้ผมล้มลง และใช้เท้าเหยียบที่ใบหน้าของผม "แกมันเป็นสัตว์ชนชั้นต่ำ เทคโนโลยีของแกไม่มีีทางเทียบชั้นกับพวกข้าได้ แกลองหันไปมองสิ โลกของแกที่แกอาศัยอยู่ในตอนนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ข้าต้องขอบใจเพื่อนร่วมรบของข้า ที่พยายามปัั่นจิ้งหรีด เพื่อทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง  และพวกแกทุกคนจะตายด้วยความร้อน ความหนาว ภัยธรรมชาติ พายุ น้ำท่วม หินลาวา"


               สัตว์ประหลาดคนนั้น ยืดมือยาวออกไป ใช้นิ้วสองนิ้วหยิบเข็มฉีีดยาที่วางอยู่บนเครื่องคอนโทรลแล้วดึงมือกลัับมา แสดงเข็มฉีดยาขนาดยักษ์ให้ผมเห็น "สัตว์ทดลองอย่างแกมันหมดประโยชน์แล้ว ข้าขอสารสกัดคืนจากร่างของแกเถอะ"


               สัตว์ประหลาดตัวนั้น ชูเข็มฉีดยาหลอดยักษ์ขึ้นเหนือหัวและจิ้มที่ก้นผมอย่างรุนแรง ผมกรีดร้องเสีียงดังมาก ราวกับโดนของแข็งกระแทกทีี่ก้น  หลังจากนั้นไม่นานมันดึงลูกสูบกระบอกเข็มฉีดยา เลือดสีีแดงของผมถูกดูดเข้าไปในหลอดใหญ่ยักษ์  


               ผมคิดว่าถ้าผมไม่ทำอะไร เลือดของผมคงหมดตัวแน่ๆ  ผมคิดไปคิดมา จึงส่ายก้นไปมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เข็มฉีดยาหลุดออกจากก้น ผมมองและเล็งที่เข็มฉีดยาที่ลอยเหนือพื้น เมื่อจับจังหวะได้ ผมใช้ง่ามก้นหนีบเข็มฉีดยา สะบัดเข็มฉีดยา และมันก็ตกลงมากระแทกพื้น กระบอกเข็มฉีดยาแตกกระจาย


               "ไม่นะ....พลังงานของฉัน"


               ผมดึงพลังจากร่างกาย หายตัวไป หยิบเข็มของเข็มฉีดยาที่อยู่บนพื้น แทงบริเวณตาขวาของมัน มันกรีดร้องดังลั่น พร้อมกับมีของเหลวสีีเขียวพุ่งออกมาจากตา ผมยิ้มแสยะให้มัน ส่งสัญญาณให้รู้ว่านี่คือผลของการท้าทายอำนาจของมนุษย์ ......มันสวนกลับโดยใช้นิ้วทีี่มีกรงเล็บแหลมคมแทงผม  ผมรีบหลบให้ทัน แต่ก็โดนกรงเล็บของมันแทงที่แขนซ้าย 


               ผมเอามือจัับบาดแผล พบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่แขนข้างซ้าย ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมองเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ มันกลับดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น มันเอามืออีกข้างจับทีี่ตาของมัน


               ผมหยิบดาบที่อยู่ข้างลำตัว เดินเข้าไปหา และพยายามปลิดชีพมัน มันสังเกตเห็นผมเดินถือดาบจะฆ่า มันจึงใช้มือยืดออกมา  ผมจึงต้องดึงพลังงานจากร่างกายเพื่อหลบมือของมัน แต่ก็พบว่าผมไม่สามารถหายตัวได้อีกแล้ว มันคว้าตัวของผมไว้  เหวี่ยงและขว้าง ตัวผมกระทบกับกระจกของยานอวกาศ ตัวผมปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้า ล่องลอยอยู่กัับสายลมและแสงแดด ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน 


               ผมมองดูยานอวกาศรูปร่างเพรีียวลม มันปล่อยเชื้อเพลิงออกมา และค่อยๆ เดินทางเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้า และลอยหายลับ ผมรู้สึกหน้ามืด อ่อนเพลีีย ตาลาย คล้ายจะเป็นลม  และเผลอหลับไป


    .................
               

               "พีืท พีท"  ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเสียงทีี่คุ้นเคย  "เธอฟื้นแล้ว เธอฟื้นแล้ว"


               "โอย โอย"  ผมรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีีดกรีีด มองไปรอบๆ ห้อง เห็นสายระโยงระยางเต็มไปหมด พร้อมกับอุปกรณ์เครืองมือทางการแพทย์หลายชิ้น ที่ต่อจากตัวผม  "แมรี่นี่มันอะไรกัน"


               "มีคนพบเธอนอนที่พื้น เธอบาดเจ็บอย่างหนักมาก เธอยังมีชีวิตอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แล้วหลังจากนั้นเธอก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลแห่งนีี้ โดยที่เธอนอนหลับไป 10 กว่าวัน"


               "อย่างนั้นเลยเหรอ......แล้วเธอล่ะแมรี่ เป็นอย่างไรบ้าง เธอไม่บาดเจ็บอะไรไหม"

               
               ผมเอามือขวาและมือซ้ายยันพื้นเตียงนอน แต่....ผมรู้สึกมีอะไรผิดปกติทำให้ตัวผมเซล้มไปทางซ้าย แมรี่เอามือประคับประคองตัวผมไว้


               "ฉันไม่เป็นไรนะพีท ฉันแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเอง ฉันหายดีีแล้ว"


               "แขนซ้ายของผม" ผมมองดูทีี่แขนซ้าย "แขนซ้ายของผมมันหายไป"


               "ฉันเสียใจด้วยนะพีท...เซลล์ทีี่แขนซ้ายของเธอมันตายแล้ว หมอจำเป็นต้องตัดทิ้ง"


               แมรี่จับไหล่ผมทั้งสองข้างและใช้กำลังบังคับให้ผมนอนลงบนเตียง


               "ถึงเธอจะไม่มีแขนซ้ายก็ไม่เป็นไร  แต่ฉันก็จะเป็นแขนซ้ายที่อยู่ข้างๆ ให้เธอเอง"
               
               .
               .
               .
               .


               "เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา" แมรี่กล่าวปิดท้าย

             
               

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in