หลังจากเวิ่นเว้อมาพอสมควรแล้ว เราจะขอแนะนำหนังของน้องเชียนที่ควรไปตามดูกันเลยค่ะ

 

      เปิดมาด้วยนางเอกของเรื่อง เฉินเหนี่ยน (แสดงโดย  โจวตงอวี่ นักแสดงสายหนังที่หลายๆคนอาจจะรู้จัก เพราะถือว่าเป็นนักแสดงสาวที่มากความสามาารถ และโด่งดังเป็นอย่างมาก) เป็นเด็กนักเรียนสาวมัธยมปลายปีที่สาม (เด็ก ม.6 บ้านเรานั่นเองค่ะ) ที่ต้องการที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีๆในจีนเพื่อพาให้ชีวิตไปอยู่จุดที่ดีขึ้น ต้องบอกก่อนว่าประเทศจีนคนเยอะมากดังนั้นการสอบเเข่งขันเข้ามหาลัยก็เป็นเรื่องที่ถือว่าแข่งขันกันสูง เด็กนักเรียนต้องเตรียมตัวกันอย่างหนักเลยค่ะ เนื่องจาก ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอยู่กับแม่เพียงแค่สองคน และแม่ของเธอก็ได้ติดหนี้ไปทั่ว ทำให้ต้องไปหางานรับจ้างทำที่เมืองใหญ่ เธอเลยต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าที่แม่เช่าไว้คนเดียว เฉินเหนี่ยนเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนหัวดี เรียนเก่ง แต่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร และในห้องที่เธอเรียนอยู่ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกลุ่มเด็กสาวด้วยกันบูลลี่อยู่เป็นประจำ เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นวันหนึ่งเมื่อเด็กสาวคนนั้นตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่โรงเรียน นักเรียนทุกคนต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ หรือแสดงความห่วงใยสักคน ยกเว้นเพียงแต่เฉินเหนี่ยน นางเอกของเราที่เดินเข้าไปแล้วเอาเสื้อแจ็กเก็ตคลุมศพของเพื่อนเอาไว้ ตำรวจได้เข้ามาสืบสวนในโรงเรียน และเมื่อเฉินเหนี่ยนให้ปากคำชี้ไปยังกลุ่มเด็กสาวที่บุลลี่เพื่อน หลังจากนั้น กลุ่มเด็กสาวที่บุลลี่ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเธอแทน จนวันหนึ่งนางเอกของเราก็ได้ไปพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่โดนพวกนักเลงซ้อมอยู่ เธอตัดสินใจจะโทรหาตำรวจแต่นักเลงเหล่านั้นก็จับได้ และก็ข่มขู่รีดไถ่เธอ และสั่งให้เธอจูบกับผู้ชายที่ถูกซ้อมคนนั้น แถมยังจะทำโทรศัพท์นางเอกของเราพังอีก หลังจากพวกนักเลงหนีไป ผู้ชายที่ถูกซ้อมก็ได้หันมาคุยกับเธอ พาเธอไปซ่อมโทรศัพท์ และจะคืนเงินที่เธอโดนพวกนักเลงรีดไถ่ไป จากนั้นเขาก็ได้แนะนำตัวกับเธอว่าเค้าชื่อ เสี่ยวเป่ย (พระเอกของเรานั่นเองค้า) เสี่ยวเป่ยก็เป็นพวกนักเลงวัยรุ่นที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เรียกได้ว่าอันธพาลพอตัว หลังจากการได้เจอกันในครั้งนี้ พระเอกรู้สึกติดใจที่นางเอกช่วยเค้าไว้ หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มเด็กสาวที่บุลลี่ก็มาหาเรื่องนางเอกระหว่างทางกลับบ้าน พระเอกที่มารู้ทีหลังก็สัญญาที่จะคุ้มครองนางเอก ตอนแรกนางเอกก็มีท่าทีจะปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ยอมให้พระเอกปกป้องอยู่ดี ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หลังจากนี้เรื่องราวก็ค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เราจะไม่ขอสปอยเพิ่มเพราะอยากให้ทุกคนได้ไปดูกันเองค้า

               ใช่ค่ะถึงแม้ตัวละครที่น้องแสดงเป็นจะเป็นเด็กอันธพาล อยู่ในวงการสีเทาๆ มีการไปเล่นพนัน สูบบุหรี่ต่างๆ เป็นเด็กที่ไม่เรียนหนังสือ เเต่งตัวมอซอๆ ใบหน้ามีแต่รอยเลือด รอยฟกช้ำจากการชกต่อย อันธพาลจริงๆแหละเสี่ยวเป่ย แต่ความจริงตัวละครนี้เป็นตัวละครที่น่าสงสารมากๆ เสี่ยวเป่ยไม่ใช่คนที่จะมีนิสัยร้ายกาจเหมือนกับภาพลักษณ์ที่ทุกคนได้เห็น เพราะปมในวัยเด็กที่พ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกัน แม่ทิ้งไปแต่งงานใหม่ ทำให้เสี่ยวเป่ยต้องเติบโตมาด้วยตัวคนเดียว ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นมากพอ เรามองว่าเป็นตัวละครที่ต้องการความรักเป็นอย่างมาก พอได้เจอกับเฉินเหนี่ยนที่แสดงความรู้สึกห่วงใยต่อตน ก็ทำให้เสี่ยวเป่ยรู้สึกอยากจะปกป้องและรักคนๆนี้ และเนื้อแท้จริงๆแล้วเสี่ยวเป่ยเป็นคนที่อ่อนโยนและใส่ใจคนอื่นมากๆ แต่ต้องยอมรับว่าน้องเชียนแสดงได้เก่งจริงๆ ช่วงเป็นอันธพาล พาร์ทที่ไปชกต่อยกับคนอื่น ก็แสดงออกมาจนทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้ใจเด็ด สู้คน ไม่ยอมแพ้หรือยอมก้มหัวให้ใคร แม้ตัวจะสู้ไม่ไหวก็ตาม และพาร์ทที่แสดงท่าทีเจ้าเล่ห์กับนางเอกของเรา ตอนพาเค้ามาบ้าน โอ้โห ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้จากอี้หยางเชียนซีตัวจริงแน่ๆ เพราะตัวจริง แม้คนภายนอกจะมองว่าน้องเงียบๆขรึมแต่ถ้าน้องอยู่กับคนที่สนิทก็พูดเป็น และหัวเราะยิ้มเก่งมากๆ ดูเข้าถึงง่ายมากๆเลยค่ะ แม้จะพูดน้อยไปหน่อย แต่ก็มีมุมขายขำเป็นคนตลกแบบที่ไม่ได้ตั้งใจจะตลกอยู่ แต่มุมเจ้าเล่ห์นี่ค่อนข้างหายากนิดนึง แม้น้องจะกวนๆชอบแกล้งเมเนตัวเอง หรือ เมมเบอร์ในวงแล้วหัวเราะคิกค้ากบ้างในบางครั้ง เเต่ก็เป็นพาร์ทแบบเด็กแสบซนๆๆ ไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์เล้ยยยยลูก พอมาตรงพาร์ทนี้ เรานี่แอบเขินแทนนางเอกเลยค่ะ ส่วนพาร์ทความอ่อนโยนของเสี่ยวเป่ย ก็เป็นพาร์ทที่ตรงกับนิสัยของน้องเชียนจริงๆเลยค่ะ เป็นเด็กอ่อนโยนมาก รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักเด็ก น่ารักสุดๆ น้องเชียนเคยสัมว่านิสัยที่เหมือนกันระหว่างเชียนซี กับ เสี่ยวเป่ยในเรื่องก็คงจะเป็นความอ่อนโยนนี่แหละค่ะ ซึ่งแฟนคลับอย่างเราเห็นด้วยสุดๆ นอกจากนี้ก็ยังมีประโยคเด็ดที่คนดูหนังแล้วทุกคนน่าจะได้ยินมานั่นก็คือ

你保护世界 我保护你 เธอปกป้องโลกไปฉันจะปกป้องเธอเอง คำพูดของเสี่ยวเป่ยที่พูดกับเฉินเหนี่ยน เป็นประโยคที่เราประทับมากๆค่ะ

ปล. เรื่องนี้ถ่ายทำที่ฉงชิ่งค้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายของ TFBOYSนั่นเอง 

เปิดเรื่องมาด้วยพระเอกของเรา เว่ยอี้หาง เป็นเด็กชายวัยรุ่นที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งสมอง ทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ได้มีสังคมหรือไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านไม่ก็โรงพยาบาลวนลูปอยู่แบบนีี้ ตัวเรื่องเปิดมาด้วยความสดใสของครอบครัวเว่ยอี้หางเลยค่ะ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและดูแลลูกดีมากๆ เวลาเว่ยอี้หางอยู่กับแม่ก็จะมีความกวนๆ แบบเด็กผู้ชายซนๆ แอบล้อเลียนแม่น่ารักมากๆเลยค่ะ แต่ก็ด้วยเหมือนน้องรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคร้ายซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่รอดเพราะโรคร้ายนี้ เหมือนมันทำให้น้องปลงตก ไม่อยากมีเพื่อน ไม่อยากเข้าสังคม ขวางโลก เก็บตัว และไม่อยากคาดหวังอะไรในอนาคต คิดว่าวันหนึ่งตัวเองคงต้องตายอยู่ดี  ตัวพ่อแม่เองก็กลัวว่าลูกจะไม่มีสังคม ก็เลยอยากพาลูกชายไปเปิดหูเปิดตา ด้วยความที่เข้าสมาคมแบบรวมตัวผู้ป่วยมะเร็งที่จัดให้ผู้ป่วยหลายคนได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน บ้านนี้ก็เลยรู้จักกับคุณลุงคนหนึ่งที่เป็นเหมือนคนจัดกิจกรรมเพื่อให้คนป่วยเป็นมะเร็งได้มาทำกิจกรรม และร่วมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มาแชร์ความหวังให้กัน เพื่อจะเอาชนะโรคร้ายนี้ไปให้ได้ พ่อแม่ก็เลยบังคับเว่ยอี้หางของเราให้ไปร่วมงานอยากให้ลูกชายมีเพื่อน เข้าสังคม โดยงานนี้เหมือนจะเป็นงานที่ทุกคนต้องแต่งตัวคอสเพลย์กันค่ะ ซึ่งทำให้เว่ยอี้หางได้เจอกับน้องนางเอกชุดกบของเรา ( แสดงโดย หลิวฮ่าวฉุน น้องเกิดปี2000 ปีเดียวกันและอายุเท่ากันกับเชียนเลยค่ะ) นางเอกก็เคยเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ตอนนี้เหมือนจะรักษาหายดีแล้ว แทบจะไม่มีอาการแล้ว ใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนปกติ ด้วยความที่เว่ยอี้หางที่ค่อนข้างขวางโลกนิดนึง และเข้าสังคมไม่เก่ง ก็ดันไปมีเรื่องกับนางเอกเข้าจนได้ แต่จริงๆคือน้องน่าจะสนใจและเริ่มปิ้งสาว(นางเอก)จากตรงนี้แหละค่ะ คุณแม่มารับ น้องเว่ยอี้หางก็รีบขึ้นรถไปทันที แต่บังเอิญสุดๆ คุณแม่ดันไปเจอนางเอกรถเสีย จึงชวนนางเอกกลับบ้านด้วยกัน ทำให้ทั้งสองได้แนะนำตัว ทำความรู้จักกัน แล้วด้วยความกวนโอ้ยของเด็กชายเว่ยอี้หาง ก็ตอบกวนนางเอกไป แต่นางเอกของเราก็เอาคืน ทำเอาคุณแม่ถูกใจมากๆเลย จากนั้นสองคนนี้ก็เริ่มออกไปเที่ยวด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยขึ้น นางเอกพยายามทำให้พระเอกรู้สึกว่าตัวเองมีค่า และสามารถมีความสุขแม้จะเป็นโรคร้ายนี้ได้ พาเด็กชายเว่ยอี้หางออกนอกลู่นอกทางเกเรนิดหน่อย เช่น พาไปกินของปิ้งย่างที่คนเป็นมะเร็งห้ามกิน ต้องบอกก่อนว่าเว่ยอี้หางเชื่อฟังคุณหมอมากๆ บวกกับทั้งพ่อแม่ก็คือใส่ใจทำแต่สิ่งที่จะช่วยบรรเทาโรคร้ายของน้อง เต่นางเอกก็พาแหกกฎเลยค่ะ5555 พาไปทำกิจกรรมนอกบ้านให้เว่ยอี้หางฝึกเข้าสังคม ครึ่งเรื่องคือชั่วโมงแรกๆคือขำขันสดใสทั้งเรื่องเลยค่ะ แต่ครึ่งหลังเนื้อหาก็เริ่มดึงเข้าสู่ดราม่า ซึ่งทุกคนต้องไปลองดูเอง แต่เราก็คือเหมือนปรับอารมณ์ไม่ทันเลยค่ะ ครึ่งแรกนั่งหัวเราะเสียงดังอยู่ๆดี ครึ่งหลังร้องไห้จนหมอนเปียก เอาเป็นว่าสปอยไว้ประมาณนี้ให้ทุกคนได้ไปดูต่อไปเองนะคะ ว่าเรื่องราวจะจบลงยังไง