เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โบท็อก คืออะไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? กี่วันเห็นผล ? สรุปครบในที่เดียวarticle_beauty
โบท็อก คืออะไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? กี่วันเห็นผล ? สรุปครบในที่เดียว
  • โบท็อก ตัวช่วยลดอายุให้ใบหน้า ไม่ต้องผ่าตัด

    ในปัจจุบันโบท็อกถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยม เพราะช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด 


    บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าโบท็อกคืออะไร ? มียี่ห้อไหนบ้าง ? แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร ? รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานแค่ไหน ? และควรปฏิบัติตัวก่อน-หลังฉีดอย่างไร ? เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดครับ

    โบท็อก คืออะไร ? ทำไมช่วยไม่ให้หน้าแก่ ?


    โบท็อกซ์ (Botox) คือ สารสกัดจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ถูกนำมาพัฒนาให้ใช้ในวงการแพทย์และความงาม โดยชนิดที่นิยมคือ Botulinum toxin type A ซึ่งมีความปลอดภัยและได้รับการรับรองจาก อย.


    ซึ่งโบท็อกทำงานโดยการ ลดการทำงานของมัดกล้ามเนื้อชั่วคราว เมื่อฉีดเข้าสู่จุดที่มีปัญหา เช่น หน้าผาก หางตา หรือรอยย่นต่าง ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่ขยับซ้ำ ๆ จนก่อให้เกิดริ้วรอยใหม่ ส่งผลให้ผิวดูเรียบตึง กระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วย ปรับรูปหน้า ลดกราม และทำให้ผิวเต่งตึง ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และไม่แก่ก่อนวัย

    โบท็อก ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? แต่ละจุดใช้กี่ยู ?

    โบท็อกซ์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ทั้งลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และแก้ปัญหาสุขภาพบางอย่าง โดยแต่ละจุดใช้ปริมาณ (Unit) ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมินของแพทย์ ดังนี้

    • ฉีดโบท็อกหน้าผาก : ใช้ประมาณ 30 U ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการยกคิ้วหรือแสดงสีหน้า ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น

    • ฉีดโบท็อกระหว่างคิ้ว : ใช้ประมาณ 25 U ลดริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้วซ้ำ ๆ ช่วยให้ใบหน้าดูผ่อนคลาย ไม่ดูดุ

    • ฉีดโบท็อกหางตา/ตีนกา : ใช้ประมาณ 25 U แก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ สดใสมากขึ้น

    • ฉีดโบท็อกปีกจมูก : ใช้ประมาณ 25 U ช่วยลดการบานของปีกจมูกเวลายิ้มหรือพูด ทำให้รูปจมูกดูเล็กและละมุนขึ้น

    • ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูกให้คมขึ้น : ใช้ประมาณ 10–20 U ช่วยปรับทรงจมูกให้ดูโด่งและคมชัดมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตั

    • ฉีดโบท็อกโหนกแก้ม : ใช้ประมาณ 50–100 U ลดขนาดโหนกแก้มที่เด่นเกินไป ทำให้รูปหน้าดูละมุนและสมส่วนมากขึ้น

    • ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า/ริ้วรอยที่คอ : ใช้ประมาณ 30–50 U ยกกระชับผิวหน้าส่วนล่าง ลดความหย่อนคล้อย และช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น พร้อมลดริ้วรอยบริเวณลำคอ

    • ฉีดโบท็อกกราม ปรับหน้าเรียว : ใช้ประมาณ 50–100 U ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่เกินไป ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กและสมส่วน

    • ฉีดโบท็อกลดเหงื่อใต้วงแขน/ฝ่ามือ/ฝ่าเท้า : ใช้ประมาณ 50–100 U เหมาะสำหรับคนที่มีเหงื่อออกมากผิดปกติ ลดกลิ่นกาย และเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน

    • ฉีดโบท็อกลดกล้ามแขน/น่อง : ใช้ประมาณ 200 U ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อที่ดูใหญ่เกินไป ทำให้แขนหรือน่องเรียวเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีรูปร่างสมส่วน

    • ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน : ใช้ประมาณ 100 U โบท็อกซ์สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื้อรัง

    • ฉีดโบท็อกกระชับรูขุมขน : ใช้ประมาณ 30–50 U ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ลดความมัน และทำให้แต่งหน้าติดทนนานขึ้น


    หมายเหตุ : ปริมาณนี้เป็นค่าเฉลี่ยโดยประมาณ แต่ละคนอาจใช้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมินของแพทย์แต่ละบุคคล

    โบท็อก มียี่ห้อไหนบ้าง ? แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอย่างไร ? 

    ถ้าพูดถึงโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน จะมีอยู่ด้วยกัน 6 ยี่ห้อหลัก จากหลายประเทศ แต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติและจุดเด่นแตกต่างกันไป มาทำความเข้าใจข้อดีของแต่ละตัว เพื่อช่วยให้เลือกใช้ได้เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีกันครับ 

    1. โบท็อก Allergan (อเมริกา)


    โบท็อกซ์ระดับพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา จุดเด่นคือความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% โอกาสดื้อยาน้อย ให้ผลการรักษาที่แม่นยำ และคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นาน

    2. โบท็อก Xeomin (เยอรมนี)


    มีความบริสุทธิ์สูง เนื่องจากไม่มีโปรตีนที่หุ้มโมเลกุล ทำให้ตัวยาไม่กระจุกตัวเกินไป จึงเหมาะกับเคสที่เคยดื้อโบท็อกซ์จากยี่ห้ออื่น อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

    3. โบท็อก Dysport (อังกฤษ)


    จุดเด่นคือการกระจายตัวยากว้าง เหมาะกับการฉีดในบริเวณกว้าง เช่น กราม น่อง หรือรักแร้ ใช้แก้ปัญหากล้ามเนื้อใหญ่และการลดเหงื่อได้ดี ผลลัพธ์ออกมาเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

    4 โบท็อก Aestox (เกาหลี)


    โบท็อกซ์ที่ให้ผลลัพธ์ดูอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่กังวลว่าใบหน้าจะตึงหรือแข็งเกินไปหลังฉีด อีกทั้งยังเห็นผลไว เหมาะกับผู้ที่อยากได้ผลลัพธ์เร็วและดูไม่แข็งทื่อ

    5. โบท็อก Nabota (เกาหลี)


    เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ทำให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย จุดเด่นคือออกฤทธิ์ไว เห็นผลเร็ว และมีราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ

    6. โบท็อก Neuronox (เกาหลี)

    โบท็อกซ์ยอดนิยมจากเกาหลี จุดเด่นคือการกระจายตัวแคบและแม่นยำ เหมาะกับการแก้ปัญหาเฉพาะจุด ลดโอกาสดื้อยา และออกฤทธิ์ไว ทำให้เห็นผลเร็ว เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์กระชับและตรงจุด

    โบท็อกปลอม โบท็อกหิ้ว อันตรายอย่างไร ?

    ในปัจจุบัน ความนิยมในการฉีดโบท็อกซ์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มี โบท็อกซ์ปลอมและโบท็อกซ์หิ้ว ที่ไม่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. เข้ามาในท้องตลาดจำนวนมาก มักถูกโฆษณาด้วยราคาถูกเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค แต่แฝงไปด้วยอันตรายและความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ซึ่งผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่


    • ตัวยากระจายผิดตำแหน่ง : ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณอื่นอ่อนแรง เกิดอาการตาตก ปากเบี้ยว หรือสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ


    • เสี่ยงต่อการติดเชื้อ : เพราะตัวยาไม่มีความบริสุทธิ์หรือปนเปื้อน ทำให้เกิดการอักเสบ แพ้ หรือมีปัญหาผิวรุนแรงหลังการฉีด


    • ดื้อโบท็อกซ์ : หากใช้โบท็อกซ์ปลอมบ่อย ๆ อาจทำให้ร่างกายดื้อยา ส่งผลให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และที่สำคัญคือปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาภาวะดื้อโบท็อกซ์ได้


    ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์แท้ที่ผ่านการรับรอง และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้นครับ

    Checklist วิธีดูโบท็อกแท้ 

    โบท็อกได้รับความนิยมมากขึ้นในการฉีดเพื่อลดริ้วรอย ลดกราม และปรับรูปหน้าเรียว แต่เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มั่นใจ โบท็อกที่ใช้ต้องเป็นของแท้เท่านั้น หลายคนอาจสงสัยว่าโบท็อกแท้ดูอย่างไร ขวดไหนแท้ ขวดไหนปลอม ซึ่งสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ

    • มีฝาพลาสติกใสปิดทับด้านบน : โบท็อกแท้ทุกขวดต้องมีซีลพลาสติกใสปิดทับหัวขวด เพื่อยืนยันว่าไม่เคยถูกเปิดใช้มาก่อน

    • มีตัวหนังสือภาษาไทย พร้อมเลข อย. : บนกล่องและขวดต้องแสดงเลขทะเบียน อย. อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งมีวันผลิตและวันหมดอายุที่ตรงกันทั้งกล่องและขวด

    • มีข้อมูลผู้นำเข้าอย่างชัดเจน : ต้องระบุชัดว่าผู้นำเข้าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ของหิ้วหรือไม่มีข้อมูลบริษัทที่แน่นอน

    หากตรวจสอบแล้วครบตาม Checklist นี้ สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นโบท็อกแท้ และปลอดภัยต่อการนำมาใช้ฉีดครับ

    โบท็อก กี่วันเห็นผล ?

    การฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีดไม่นาน สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ไม่กี่วันหลังฉีด แต่ช่วงเวลาที่ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดจะแตกต่างกันตามปัญหาที่แก้ไขและตำแหน่งที่ฉีด ดังนี้ครับ

    • ลดริ้วรอย หน้าผาก ตีนกา ระหว่างคิ้ว : เริ่มเห็นผลใน 3–4 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์

    • ลิฟท์กรอบหน้า เหนียง คอ : เริ่มเห็นผลใน 3–4 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 1–2 สัปดาห์

    • ลดกราม ปรับรูปหน้า : ใช้เวลาประมาณ 14 วัน จึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และเห็นผลเต็มที่ภายใน 2–3 เดือน

    โบท็อก อยู่ได้นานแค่ไหน ?

    ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์สามารถอยู่ได้นานแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและการดูแลตัวเองหลังทำ โดยทั่วไปมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ดังนี้


    • ลดริ้วรอย หน้าผาก ตีนกา หางคิ้ว : อยู่ได้นานประมาณ 3–4 เดือน ก่อนที่กล้ามเนื้อจะเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ


    • ลดกราม ปรับรูปหน้า หน้าเรียว : อยู่ได้นานประมาณ 5–6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กและชัดเจน


    การฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่อง ปีละ 2–3 ครั้ง จะช่วยให้ริ้วรอยและกล้ามเนื้อผ่อนคลายได้นานขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์คงอยู่ได้นานมากกว่าเดิมครับ

    ข้อปฏิบัติก่อน-หลังฉีดโบท็อก มีอะไรบ้าง ?

    เพื่อให้การฉีดโบท็อกซ์ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย การปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังฉีดถือว่าสำคัญมาก มาดูกันว่าควรทำอย่างไรบ้าง


    ข้อปฏิบัติก่อนฉีดโบท็อก



    • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ให้เข้าใจ

    • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ดูแล

    • ฉีดโบท็อกซ์แท้เท่านั้น ต้องผ่านการรับรองจาก อย.

    • งดยากลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด

    • งดสครับหรือขัดผิวหน้า 2–3 วันก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ

    • ปรึกษาแพทย์ก่อน หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางชนิด

    • ควรให้แพทย์เปิดขวดใหม่ และผสมโบท็อกซ์ต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง


    ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก

    • 30 นาทีแรก ควรบริหารกล้ามเนื้อตรงจุดที่ฉีด เช่น ขมวดคิ้ว ยักคิ้ว หรือยิ้ม เพื่อช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

    • ควรทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพราะช่วยเสริมประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์

    • งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือนอนก้มหน้า อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อลดการไหลของตัวยาไปตำแหน่งที่ไม่ต้องการ

    • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น อบซาวน่า เข้าห้องอบไอน้ำ ออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

    • งดอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดอง เพื่อลดโอกาสการอักเสบและการบวมหลังฉีด

    • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจรบกวนกระบวนการฟื้นฟูและลดประสิทธิภาพของโบท็อกซ์

    สรุปเรื่องโบท็อก ทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ?

    โบท็อก ถือเป็นหัตถการที่ช่วยจัดการริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เห็นความเปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่วัน และคงอยู่ได้นานหลายเดือน จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการดูดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน


    หากเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูง ใช้โบท็อกแท้ที่ผ่านการรับรอง และทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะมั่นใจได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ การลงทุนกับโบท็อกจึงถือว่าคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่อยากดูดีขึ้น สดใส อ่อนเยาว์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการผ่าตัดใหญ่ครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in