เราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง
อาจจะไม่ได้รวยมากมายแต่ตอนนั้นรู้แค่ว่าเวลาอยากได้อะไรก็ได้ พอมองไปรอบตัวและเปรียบเทียบกับเด็กข้างบ้านก็มีในสิ่งที่เด็กทุกคนอยากมี อย่างเช่น ของเล่นเยอะแยะ หนังสือการ์ตูนภาพสี กล่องดินสอออพชั่นแปลกๆ สีไม้Faber castell สมุดวาดภาพระบายสี อะไรเทือกนั้น ตอนนั้นเราเลยดูเป็นลูกคนรวยลูกคุณหนูแบบสุดๆ อีกอย่างคือเอาแต่ใจมากอยากได้อะไรต้องได้ เป็นเด็กในแบบที่ตัวเองในตอนนี้ไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไร
ครอบครัวเราก็เหมือนครอบครัวทั่วไปที่พ่อไปทำงานหาเงินไม่มีเวลาให้ ส่วนแม่ก็ดูแลบ้าน
แต่น่าแปลกที่ตอนนั้นเราไม่มีเพื่อนเลย งงมาก ทำไมไม่มีใครเล่นด้วย ทั้งที่ในซอยเด็กก็เยอะแต่เขาเป็นกลุ่มเป็นแก๊งกันมีแค่เราที่ไม่มีเพื่อนทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน มันเหมือนกับว่าเราเป็นตัวประหลาดไม่มีใครคบ
สมัยเด็กๆเราโดนบุลลี่บ่อยมากเพราะเป็นเด็กอ้วนหนัาตาก็ไม่ได้สวยหรือน่ารักมากมาย ตอนนั้นก็โกรธนะแต่โกรธในแบบของเด็ก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอ้วนแล้วไม่มีเพื่อนเล่นวะ 5555555 เรียกได้ว่าวัยเด็กของเราช่วงนั้นคือเหงามากรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครคบ แต่มีสิ่งเดียวที่ทำให้เราดูไม่ด้อยกว่าใครหรือของใช้และเครื่องเขียนราคาแพงที่เด็กทั่วไปไม่ค่อยจะมี นั่นเลยเป็นตัวดึงดูดเพื่อนให้เข้ามาหาเราเพียงเพราะอยากดูกล่องดินสอสามชั้นและยืมสีไม้48สี รวมไปถึงกระเป๋าลากคิตตี้
พอนานวันเข้าเราก็เริ่มมีเพื่อน แต่ก็เป็นเพื่อนแบบปลอมๆที่เข้าหากันเพราะผลประโยชน์ แต่ตอนนั้นยังเด็กเลยดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อน เราพยายามให้ทุกอย่างที่ทุกคนอยากได้ทั้งเครื่องเขียนและขนมมากมายเพื่อรั้งให้พวกเขาเล่นกับเรา แค่รู้สึกว่าอยากมีตัวตนขึ้นมาบ้าง คิดแค่นั้นเลย
เพื่อนกลุ่มนั้นจะพูดดีกับเราแค่ตอนที่เขาอยากได้ของหรืออยากกินขนม แต่เวลาปกติคือแทบไม่เห็นเราในสายตา แต่ตอนนั้นอะดีใจนะที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่น ถ้าเปรียบเทียบกับกิจกรรมโดดยางเราไม่แม้แต่จะได้จับยางด้วยซ้ำ ทำได้แค่นั่งดูเขาเล่นกัน
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราจำได้ไม่เคยลืม
วันนั้นตอนพักเที่ยงพ่อเราซื้อขนมจาก7-11เข้ามาให้ถุงเบ้อเร่อซึ่งเป็นเรื่องที่ว้าวมากในโรงเรียนประถมที่จะได้กินขนม7-11ในโรงเรียน ในนั้นมีขนมเยอะแยะทั้งลูกอม ช็อกโกแลต ขนมขบเคี้ยว และไอติมสตอเบอร์รี่กล่องใหญ่
ขนมทั้งหมดเราตั้งใจว่าจะเอาไปแบ่งเพื่อนกินอยู่แล้วตามนิสัยนั่นแหละ แต่วันนั้นแปลกมาก จู่ๆก็มีเพื่อนมากมายทั้งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามาคุยมาทักทั้งที่ปกติเดินผ่านกันยังไม่มองหน้าเลย พวกเขามาตามคำชักชวนของกลุ่มเพื่อนเราที่เรียกให้มากินขนม
โห..เวลานั้นเรารู้สึกวิเศษมาก มีความสุขแบบสุดๆที่รอบตัวรายล้อมไปด้วยเพื่อน เพื่อน เพื่อน ทุกคนดูรักเรามาก พูดว่าเราดีแบบนั้นแบบนี้ บางคนก็ชักชวนให้ไปเข้ากลุ่มไปเล่นด้วยกัน ตอนนั้นแบบรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน เรานึกขอบคุณพ่อที่มีเงินมากพอที่จะซื้อขนมเยอะๆมาให้เราได้
แต่ความฝันก็ดับลงพร้อมกับเสียงออดหมดเวลาพักเที่ยงที่ดังขึ้น
จากโต๊ะที่เต็มไปด้วยเพื่อนและกองขนมกลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร พอทุกคนกินจนอิ่มก็ทิ้งเราไป ไม่มีแม้แต่คำชวนว่าให้ไปด้วยกัน ตอนนั้นเรางงมาก จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย เราก้มลงมองถุงขนมเปล่าและไอติมในกล่องที่เริ่มละลายเละเทะมีสภาพต่างจากตอนแรกลิบลับ
และสิ่งที่เราจำได้ติดตาคือสายตาของเพื่อนคนนึงที่มองมาก่อนจะเดินออกไป มันทำให้เรารู้สึกเจ็บจี๊ดๆตรงหัวใจรู้สึกหน้าชาเพราะเขาทำให้เรารู้สึว่า 'เราหมดประโยชน์แล้ว'
ทุกคนเดินหันหลังจากไป ไม่มีใครเลยที่จะสนใจเรา เขาทิ้งเราให้เก็บกองขนมลงถุงอยู่คนเดียว ตอนนั้นเรามองไอติมสตอเบอร์รี่ในกล่องแล้วจู่ๆก็ร้องไห้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นร้องทำไม จำได้แค่เจ็บใจมั้ง แล้วก็คิดถึงพ่อ ...ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าทำไมทุกคนทำกับเราแบบนี้ ทำไมเรามีขนมให้กินแล้วเพื่อนยังไม่เล่นกับเราอยู่ ทำไม ทำไม ทำไม และทำไม
และหลังจากวันนั้นเราก็เริ่มกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง โดยมีเพื่อนกลุ่มนั้นคอยก่อกวนเป็นระยะ อย่างเช่น แกล้งตามประสาเด็ก
ในตอนป.หนึ่งเรามีรักครั้งแรกกับเด็กผู้ชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียน เขาไม่มีเพื่อน และเป็นเด็กที่หน้าตาดีที่สุดในห้อง คุณครูให้เขามานั่งข้างเราเพราะตอนนั้นเรานั่งคนเดียว จากที่เป็นคนแปลกหน้าเราก็เริ่มสนิทกัน ในห้องมีเขาคนเดียวที่คุยกับเราดี จนในที่สุดเราก็รู้สึกว่าชอบคนนี้จัง เวลาอยู่ใกล้ๆแล้วเขินมากเลย
วันหนึ่งเรานั่งเขียนจดหมายสารภาพรักในแบบเด็กๆ ในนั้นบอกว่าเราชอบเขามากแค่ไหน และก็คิดไปว่าเขาคงดีใจมากที่รู้...ในตอนบ่าย กลางสนามฟุตบอลเราเห็นเขาวิ่งเตะบอลอยู่กับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ เขาดูโดดเด่น ร่าเริง มีชีวิตชีวา เรายืนรอจนเขาเลิกเตะและตั้งใจจะเอาจดหมายให้
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ราบเรียบเสมอไป
เพราะคนที่รับจดหมายคือเพื่อนเขา เด็กผู้ชายคนนั้นเอาจดหมายเราไปอ่านเสียงดังทั้งที่รอบๆมีเด็กอีกหลายคนอยู่ เขาอ่านเสร็จก็หัวเราะกับเพื่อนก่อนจะฉีกจดหมายเราทิ้งลงท่อน้ำ ตอนนั้นรู้สึกอายจนอยากกลับบ้าน แต่ที่อายที่สุดคือคนที่เราชอบเขาไม่พูดอะไรเลย ทำแค่มองมาแล้วเดินออกไปราวกับว่าเราไม่มีตัวตน แล้วหลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปนั่งกับเพื่อนอีกกลุ่มไม่คุยกับเราอีกเลย
ผลสรุปรักแรก = อกหักดังเป๊าะ
☽
ความทรงจำที่สำคัญอีกอย่างคือตอน7ขวบเราได้สูญเสียอาที่เรารักมากที่สุดไป เรารักเขามากจนเรียกว่าแม่ และคิดว่าคงรักมากกว่าแม่แท้ๆอีกมั้ง เขาจากเราไปด้วยโรคร้าย ตอนนั้นเคว้งมาก ปกติตอนที่เรากลับมาจากโรงเรียน อย่างน้อยก็ยังมีอาที่เป็นเซฟโซน แต่พอไม่มีเขา เราก็ไม่มีใครเลย ตอนที่รู้ว่าเขาจากไปจำได้ว่าร้องไห้จนล้มทั้งยืน แล้วหลังจากนั้นเราก็เรียนรู้ที่จะอยู่โดยไม่มีเขา ตอนแรกมันทรมาน แต่เวลาก็ช่วยให้ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้น
☽
ตอนนั้นเราเป็นเด็กเรียนดีห้องคิงเลย เรียนพิเศษเยอะมากด้วย ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
ชีวิตวัยเด็กช่วงนี้ของเราเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวถูกบุลลี่จนชิน
แต่ในเรื่องราวร้ายๆก็มีสิ่งดีๆซ่อนเร้นอยู่ ในเสี้ยวความทรงจำเรารู้สึกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆที่เราได้เป็น
เราคือนักต่อหนังยางที่อึดที่สุดในกลุ่มเด็กในซอย
เราคือคนต่อตัวหมากเก็บที่เร็วที่สุดในบ้าน
เราคือนักสะสมการ์ตูนตลกเล่มละสิบสองบาทจนพ่อต้องสละชั้นหนังสืือที่บ้านให้หนึ่งชั้น
เราคือเด็กอ้วนที่เป็นนักกีฬาชักเย่อแล้วเอาชัยชนะมาให้สีส้มในตอนป.2
เราคือนักปั่นจักยานสองล้อได้ก่อนพี่ป.3ในซอย
เรามีหมาโกลเด้นท์ที่น่ารัก...และเขาก็รักเรามาก
เราคือเด็กที่ได้ไปท่องเที่ยวเยอะแยะ มีครอบครัวและญาติคอยโอ๋
ถึงมันจะเรียบง่ายไปหน่อยแต่ตอนนั้นเราก็มีความสุขดี มองย้อนกลับไปไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำให้รู้สึกเสียใจจนอยากจะกลับไปแก้ไข
วัยเด็กช่วงแรกของเราเป็นแบบนี้
แล้วคุณล่ะจำได้ไหม ว่าตอนนั้นใช้ชีวิตแบบไหน : ]
☽
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in