เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryBrent Chawarat
Media and Myself, the Diary
  • วันนี้ได้โจทย์มาให้ทำโครงงานนำเสนอเกี่ยวกับสื่อที่มีบทบาทในชีวิตของตน ก็เหมือนได้โอกาสกลับมาค้นหาตัวเองว่า สื่อแบบไหนที่ทำให้เราเป็น "เรา" แบบทุกวันนี้ พอได้ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองก็เลยพบว่าเป็นเรื่องยากเหมือนกันว่าสื่ออะไรที่หลอมให้เราเป็นอย่างนี้ แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบให้กับแต่ละหัวข้อที่ได้มา อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร... Let's see!

    1. Myself, My Identity: Who I am


    ก่อนอื่นทุกคนยังไม่รู้จักเลยสินะ เราชื่อ ชวรัตน์ พินิจรอบ ชื่อเล่นว่าเบ๊นซ์ เกิด 27 พค เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ไปเติบโตที่ปทุมธานีตั้งแต่เด็ก สนใจในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (Equality สำคัญที่สุด!) สนใจดนตรี และอะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับด้านตะวันตก เช่นพวกซีรีส์ รายการ รวมถึงเรื่องเพลง แต่ไม่ค่อยชอบการเมือง เพราะเข้าใจยาก แต่พยายามเรียนรู้จากมันอยู่ ชอบโต้วาที เพราะรักการถกเถียง แต่มักจะตรรกะไม่ดีในบางครั้ง ชอบพูด และติดพูดเร็วเป็นอย่างมาก! เรียกตัวเองว่าเป็นพวก Introverted Extrovert เพราะชอบออกสังคม แต่เหนื่อยง่ายมาก ๆ มักจะกลับมาดูซีรีส์คนเดียวที่ห้อง มีความฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในสังคม ทุกคนควรจะเท่าเทียมสิ ทุกคนควรได้เลือกชีวิตของตัวเอง แต่เราตัวคนเดียวจะไปสู้ไหวหรอ ฝันที่ไม่กล้าฝัน ที่ยังแอบฝัน ปัจจุบันเป็นมนุษย์ที่ปีนี้จะมีอายุ 22 ปี ที่ยังคงหวังว่าการเดินทางในชีวิตนี้จะพาตัวเองไปเจอกับความสุขอย่างแท้จริง :- )

    2. My Movie

    ถ้าให้พูดถึงภาพยนตร์ ละคร หรือซีรีส์ จะมีอะไรโผล่เข้ามาในหัวเยอะมาก ยกเว้นภาพยนตร์ เพราะว่าไม่ค่อยชอบดูเท่าไหร่ แต่ก็มีทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ที่ชอบที่สุด ถ้าจะต้องเลือกคงกล้าพูดได้ว่าชอบซีรีส์ Glee มากที่สุด เพราะเติบโตมากับซีรีส์เรื่องนี้อย่างแท้จริงในช่วงวัยมัธยม Glee เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชมรมร้องเพลงในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ศิลปะไม่ได้รับการส่งเสริม จึงเป็นเหมือนแหล่งรวมตัวของ Loser ประจำโรงเรียนที่ชอบเสียงเพลง แต่ละตัวละครก็มีความฝันแตกต่างกัน สิ่งที่ทำให้หลงรักในซีรีส์เรื่องนี้คือการที่คาแรกเตอร์ทุกตัวมีความ imperfect ในแบบของตัวเอง ทุกตัวละครผ่านเหตุการณ์มากมายในชีวิตทั้งแย่และดี แต่ทุกคนก็กล้าที่จะฝันและทำความฝันของตน โดยไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายมันจะมีคนรอบข้างที่คอยอยู่เป็นกำลังใจให้เสมอ อีกสิ่งหนึ่งที่พิเศษคือการที่แต่ละตอนจะมีเพลงประกอบจำนวน 4-7 เพลงโดยประมาณ ทำให้เราได้รู้จักเพลงสากลใหม่มากขึ้นในทุก ๆ ตอน และทำให้เราชอบฟังเพลงสากลเป็นอย่างมาก ซีรีส์นี้มีเนื้อหาที่ทำให้เรากล้าที่จะฝันอะไรใหญ่ ๆ และพยายามจะไปให้ถึง และโอบกอดความ imperfect ของตัวเองเอาไว้อย่างดี เพราะท้ายสุดแล้ว Nobody's Perfect.


    3. My Song

    จะเห็นว่าเป็นคนที่สนใจเรื่องเพลงมาก มีเพลงที่ชอบอยู่เยอะแยะไปหมด แต่เพลงที่ยกให้เป็นที่ 1 ในใจตลอดกาลคงหนีไม่พ้น Stand by You โดย Rachel Platten เราจำไม่ได้ว่าฟังครั้งแรกเมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ชอบเพลงนี้ไปเสียแล้ว เพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับว่า ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวหรือปัญหาอะไร ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ จะยืนหยัดเพื่อเธอเสมอ ซึ่งท่อนร้องที่ชอบมากที่สุดคือ "even if we can't find heaven, I'll walk through hell with you."  โดยทุกครั้งที่รู้สึกแย่กับตัวเอง หรือไปเจอปัญหาอะไรมาก็ตาม ก็จะเปิดเพลงนี้ขึ้นมาฟังเสมอ และเมื่อได้เปิดเพลงนี้ขึ้นมาฟัง ก็ทำให้วันแย่ ๆ วันนั้นดีขึ้นมาบ้าง และช่วยให้กำลังใจตัวเอง ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว ไม่ได้เผชิญกับปัญหาเหล่านั้นลำพัง เรายังมีคนที่รักเราอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ เรียกได้ว่าเป็นเพลงปลุกใจในหลายช่วงชีวิตที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ มันทำให้เราอยากสู้เพื่อคนรอบข้างเช่นกัน ว่าพวกเขาก็ไม่ได้สู้อยู่ลำพัง เราก็จะยืนหยัดข้างพวกเขา เหมือนที่พวกเขายืนหยัดข้างเราเหมือนกัน


    โปรดติดตามต่อหน้าถัดไป
  • 4. My Media Idol

    เมื่อประมาณหลายปีก่อน ได้มีโอกาสบังเอิญเจอคลิปวีดีโอในยูทูปที่พูดถึงการใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันของเราเหมือนกัน ใน Channel Youtube อย่าง PEACHII #สตีเฟ่นอปป้า นั่นเองซึ่งเจ้าของช่องก็คือพี่พิชชี่นั่นเองที่ได้ไปเรียนต่อและอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ สิ่งที่ทำให้เราประทับใจในตัวพี่เขาคือการที่พี่เขาต้องการให้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษจริง ๆ ผ่านคลิป Vlog ที่ยังคงความสนุกไว้อยู่ อีกทั้งยังให้กำลังใจคนที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำเนียง แกรมมาร์ และอื่น ๆ  ทำให้เราจากคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองถึงแม้คนรอบข้างจะมองว่าเราเก่งขนาดไหนก็ตามกลายเป็นมั่นใจกับภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังชอบที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญที่ทำให้เราชอบพี่เขาคือการที่พี่เขา Nice และ Friendly มาก ๆ โดยมีหลายครั้งที่เราได้คุยกันผ่าน Twitter เราเลยอยากพัฒนาตนเองเพื่อหวังว่าวันหนึ่งจะเก่งได้แบบพี่เขา และได้ส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ให้กับคนอื่นอีกในสังคม 


    5. My Computer Game

    เกมส์ที่เราเล่นตั้งแต่เด็กจนโต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคือเกมส์ The Sims ที่ตอนนี้ก็ได้มีทั้งหมด 4 ภาคใหญ่ และภาคย่อยของแต่ละภาคจำนวนมาก The Sims เป็นเกมส์ที่จำลองสถานการณ์การใช้ชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่การสร้างตัวละคร สร้างบ้าน จนไปถึงการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่นการทำงานสำหรับผู้ใหญ่ การเรียนสำหรับเด็ก การสร้างครอบครัว หรือแม้แต่การตาย เราชอบที่จะได้กำหนดชีวิตของตัวละครที่เราเล่น เคยกระทั่งสร้างครอบครัวมากสุดถึง 6 Generations ด้วยกัน เกมส์นี้เป็นเหมือนการเติมเต็ม Fantasy ที่เราอยากให้เป็นผ่านตัวละครในเกมส์ที่เราดำเนินไป เราได้สนุกกับการเลี้ยงดูตัวละครเหล่านี้ให้เติบโตไปอย่างดีตามที่ตัวละครปราถนา (ในเกมส์จะมีให้เลือก aspiration ว่าจะให้เป็นแบบไหนเช่น มีเพื่อนเยอะ มีเงินทองมากมาย หรือมีคนรักหลายคน) ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่เราชอบการเห็นการเติบโตของใครสักคน เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของคน ๆ หนึ่ง ซึ่งเกมส์นี้ก็ตอบโจทย์ตรงนี้เป็นอย่างมาก และมีอิทธิพลกับความชอบของเรา อีกทั้งมันก็ยังเติมเต็มความปราถนาในใจของเราด้วย ในสิ่งที่เราทำไม่ได้ในชีวิตจริง (ใช่สิ เราไม่มีทางเป็นทหารที่ไปแต่งงานกับนักการเมืองในชีวิตจริงหรอกนะ! แต่ถ้าเกมส์มันต้องการ เราก็พร้อมจะควบคุมให้) และเราไม่เคยสร้างตัวซิมส์มาฆ่าเพราะเกลียดคนนั้นในชีวิตจริงหรอกนะ (ถึงแม้คนเล่นเกมส์นี้ส่วนใหญ่จะทำกันก็ตาม)


    6. My Superhero Character

    เนื่องจากไม่ดูภาพยนตร์แนว Superhero "เลย" ทำให้หัวข้อนี้คิดวนมากว่า จะตอบอย่างไรให้ใกล้เคียงที่สุด โดยที่ตัวละครนั้นยังคงมีความ Superhero โดยที่คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นด้วยตรงกัน ไม่ใช่แค่เขาเป็น Superhero ในใจของเราคนเดียว ผลออกมาทำให้นึกถึงการ์ตูนที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง The Incredibles ที่เราชอบครอบครัวนี้มาก เรียกได้ว่าตอนเด็กก็มีภาพจำของการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว และตัวละครที่ชอบที่สุดคงเป็น Violet ลูกสาวของบ้านที่มีพลังล่องหน และสร้างเกาะกำบังได้ สิ่งที่ทำให้ชอบตัวละครนี้ก็คงเป็นเพราะลักษณะนิสัยของ Violet ที่มีความเป็นพี่สาวคนโตที่ห่วงใยน้อง แต่ปากแข็งพอสมควร เธอเป็นคนอ่อนไหว และแอบเงอะงะอยู่เช่นกัน ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกชื่นชอบละครตัวนี้มากกว่าคนในครอบครัวคนอื่น เพราะมันก็มีส่วนหนึ่งที่คล้ายเราเช่นกัน เช่นการเป็นคนเงอะงะ และชอบห่วงคนอื่น แต่ไม่ค่อยแสดงออกมาตรง ๆ เป็นตัวละครไม่กี่ตัวที่เราจำบุคลิกและบทบาทได้ทันที และพลังของเธอเป็นอะไรที่ช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างมากในเรื่องราว อย่างเวลาที่มีคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอก็สร้างกำบังช่วยเหลือทุกคนไว้ได้ เหมือนกับเธอเป็นฝ่าย Support ได้เป็นอย่างนี้ เราเลยยกให้ Violet เป็น Superhero คนโปรดในดวงใจนั่นเอง

    7. My Prince and Princess

    สิ่งที่พึ่งค้นพบเมื่อไม่กี่เดือนก่อนของเราก็คือ เราดูภาพยนตร์หรือการ์ตูนของดิสนี่ย์น้อยมาก แล้วพอต้องต้องมานึกถึงว่าตัวละครเจ้าชาย/เจ้าหญิงที่ชอบก็ตอบได้ยากเหมือนกัน จากการไตร่ตรองกับตัวเอง ก็จึงคิดได้ว่าเราชอบตัวละคร Mulan (ไม่รู้ว่าจัดเป็นเจ้าหญิงได้หรือไม่) เพราะตัวละครนี้ เป็นเหมือนตัวแทนของเด็กหรือผู้ชมหลายคนที่มีสิ่งที่ชื่นชอบและอยากจะเป็น แต่กลับต้องปิดซ่อน กดทับมันเอาไว้ เพราะไม่ได้ถูกตามมาตรฐานที่สังคมวางเอาไว้ หรือแม้แต่สิ่งที่ครอบครัวคาดหวังและวางแผนไว้ให้ Mulan ทำให้เรามองเห็นตัวเองในหลาย ๆ มุมเหมือนกันว่า ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ใช้ชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน เราก็ถูกสังคมคาดหวังอะไรหลาย ๆ อย่าง หรือแม้แต่ครอบครัวเองที่ก็อยากให้เราทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย แม้มันจะไม่ใช่ตัวเราก็ตาม หลายครั้งเราก็เลือกจะทำสิ่งเหล่านั้น แต่ในบางครั้ง เราก็อยากจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราก็สามารถเติมเต็มในสิ่งที่เขาต้องการได้ ในแบบวิถีและแนวทางของเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบที่เขาวางเอาไว้ เหมือนที่ Mulan เลือกจะเป็นในตอนจบเรื่อง นั่นจึงทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์อย่างมากและชื่นชอบตัวละคร Mulan 



    ― ก็หมดไปแล้วกับ 7 หัวข้อสำหรับสื่อในรูปแบบต่าง ๆ ทีมีอิทธิพลต่อตัวตนของเรา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และเติบโตของเราเป็นอย่างมาก และเราเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับตัวตนที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะก็ยอมรับว่าเป็นคนที่เลือกรับสื่ออยู่พอสมควร จากทั้งความชอบและความสนใจของตัวเอง ที่กลายเป็นการหล่อและหลอมตัวตน บุคลิกภาค ลักษณะนิสัย ความสนใจ ความชอบ และความฝัน จนกลายเป็นเราอย่างที่เป็นอยู่ ในปัจจุบัน ?

    "See the world not as it is, but as it should be."
    — Finn Hudson
    เบ๊นซ์ :- )


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in