เวลามีคนบอกว่าซาวน์แทร็กของเกมนี้หรือหนังเรื่องนั้นเพราะ เราจะงงมากว่าเอาสมาธิที่ไหนไปฟัง อย่างเวลาเราดูหนังเรามองแต่รูป พิจารณาเรื่องภาพ เฟรมมิ่ง องค์ประกอบ สี สัญลักษณ์ อะไรแบบนี้ ส่วนหูก็ฟังแต่บทพูด ไม่ค่อยเหลือสมาธิไปฟังเสียงดนตรีที่เล่นคลออยู่ด้านหลังเท่าไหร่

แต่บางทีพอเจอเกมหรือหนังที่เราได้ยินซาวน์แทร็ก เราก็มักจะชอบ ไม่รู้ว่าชอบเพราะได้ยิน หรือได้ยินเพราะชอบ นั่นแหละ

ในบรรดา OST ของ Pokémon Ruby/Sapphire/Emerald เราชอบธีมนี้สุดละ ถ้าใครไม่เคยเล่น เพลงนี้คือเพลงที่เล่นในเมืองแรกสุดในเกม มันได้ฟีลอบอุ่น ๆ เหมือนเรากลับมาบ้านอะ ในขณะเดียวกันก็มีความอยากรู้อยากเห็น ความอยากผจญภัยอยู่ เวอร์ชั่นแจ๊ซก็ชิลดี หรือเวอร์ชั่นรีเมกก็เพราะ

เพลงนี้ฟังทีไรนึกถึงตอนอยู่หอ แอบเล่นเกมบอยตอนกลางคืนทุกที เราได้เกมบอยแอดวานซ์เอสพีเป็นของขวัญวันเกิด พร้อมตลับเกม (เก๊ — เราเด็กเกินกว่าจะแยกตลับเก๊กับตลับจริงออก แต่ถึงแยกออกก็คงไม่สนใจเท่าไหร่) สองเกม หนึ่งในสองเกมนั้นคือ Pokémon Sapphire นั่นเอง

มีอยู่คืนนึงเราหมายมั่นปั้นมือไว้ว่า คืนนี้แหละ เราจะจับซัฟไฟร์ (เราเรียก Kyogre ว่าซัฟไฟร์ (เอาจริงก็ ซับฟาย)) ให้จงได้ เมื่อตุน Ultra Ball เรียบร้อยแล้วเราก็เข้าถ้ำไป เซฟเกม และสู้

อัลตร้าบอลสี่ห้าลูกผ่านไป ซัฟไฟร์ไม่มีทีท่าว่าจะถูกจับง่ายขึ้นเลย ไม่ได้การ สงสัยต้องไปเอาโปเกม่อนที่มี Sleep Powder มาด้วยแล้ว จึงปิดเครื่องเปิดใหม่

...เซฟหาย

เกมอีกตลับนึงที่เราได้เป็นของขวัญวันเกิดคือ Final Fantasy Tactics Advance แต่เพลงนี้มาจากภาคต่อ Tactics A2: Grimoire of the Rift ซึ่ง FFTA และ FFTA2 นี้เป็น Final Fantasy สองเกมที่เราเล่น (นอกกระแสขนาดไหนอะ ไฟนอลเขามีเป็นสิบเกม แกมาเล่น spin-off)

เราเสียเวลากับเกมนี้เยอะมากกก เล่นแล้วเล่นอีก แฟนอาร์ตแล้วแฟนอาร์ตอีก เกมนี้ซาวน์แทร็กเยอะมาก แต่เรามาถูกใจเพลงนี้ มันแฟนตาซี ๆ อะ ฟีลทะเลทรายหน่อย ๆ น่าจะเพราะเสียงขลุ่ย

"Rhyme of another summer" กูเกิลแปลชื่อเพลงไว้ว่างั้น โห โรแมนติกดีนะ

เราชอบฟีลของหนัง Amélie มาก แต่เพลงนี้มาฟังแยกทีหลัง (อย่างที่บอกไปตอนต้นคือตอนเราดูหนังเราชอบลืมฟังซาวน์แทร็ก) ชอบชอบชอบ ชอบมาก ชอบทุกส่วน ยิ่งตอนกลางเพลงที่เด้งขึ้นไป octave นึงนี่ขนลุกกก

เพลงนี้มาได้ยินหลังดูหนังจบเหมือนกัน ชอบมาก ฟังดูนิ่ม ๆ แต่ก็หลอนแบบแปลก ๆ 

Carter Burwell (ผู้แต่ง) เคยให้สัมภาษณ์ว่า In Bruges คือตลกหน้าตาย เพราะฉะนั้นเพลงของหนังเรื่องนี้จะไม่ใช่เพลงแบบตลก แต่จะเป็นเพลงที่ take itself seriously 

ตอน Portal 2 กำลังจะเปิดตัว เรา hype กะมันมาก เพราะชอบภาคแรกมาก เป็น first-person ไม่กี่เกมที่เราทนเล่นได้โดยไม่ปวดหัว นั่นแหละ คือในเทรลเลอร์นึงของ Portal 2 ใช้เพลงนี้เป็นพื้นหลัง เลยมีความผูกพัน ปกติไม่ชอบเพลงอิเล็กทรอนิกส์แบบนี้นะเนี่ย