*ไม่เหมาะกับผู้อ่านท่านใดที่กลัวการสปอยล์ แม้แต่เพียงเล็กน้อยเศษเสี้ยว เพราะระดับการสปอยล์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
หลังจากที่ผ่านการสร้างมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองเวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นของ Toby Mcguire และ Andrew Garfield คราวนี้เจ้าของชุดสแปนเด็กซ์แนบเนื้อนาม สไปเดอร์แมนกลับมาอีกครั้ง โดยการร่วมมือกันของ Sony picture และ Marvel Studio จึงเกิดเป็น Spider-man : Homecoming หนังเรื่องล่าสุดของจักรวาล Marvel Cinematic Universe ที่ได้สไปเดอร์แมนกลับมาสู่อ้อมกอดของมาร์เวลอีกครั้งหนึ่ง โดยได้ Tom Holland มารับบทเป็น Peter Parker
จาก Captain America : Civil War เราจะได้เห็นสไปเดอร์แมนคนใหม่ผ่านตามาบ้างแล้ว ในหนังเรื่องนี้จะมาตามดูชีวิตของพ่อหนุ่ม Pete กันต่อหลังจากเหตุการณ์ใน Civil War
รู้กันดีว่า Spider-man ในภาคนี้โดนกร่นด่าจากการปล่อยตัวอย่างที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่นัก เพราะ IRONMAN มาแจมในตัวอย่างหนักมาก ซ้ำยังโดนพิษจากการทำโปสเตอร์หนังที่ห่วยด้วย (ซึ่งเกือบทุกโปสเตอร์มี IRONMAN) จนถูกแซวว่าเป็น IRONMAN4 ทำให้ส่วนตัวผู้เขียนได้กร่นด่าไปมากพอสมควร (แต่ก็ไปดู Day 1 IMAX )
พอได้มาดูเข้าจริง ก็พบข้อที่ชอบและไม่ชอบหลายอย่าง
- Spider-man ของ Tom Holland ในเสนอในรูปแบบที่ไม่เคยมีเวอร์ชั่นไหนทำมาก่อน เพราะจอไม่มีฉากลุงเบนที่เป็นที่จดจำของหนัง Spider-man เหตุการณ์จะต่อจาก Civil War เล่าถึงชีวิตวัยรุ่นของพีทที่ต้องเรียนไฮสคูลและช่วยเหลือผู้คน
- เป็นเรื่องแรกของมาร์เวลที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวร้าย ไม่เกลียดและกลัวไปเสียทีเดียว โดยตัวร้ายหลักของเรื่องคือ Vulture (รับบทโดย Michael Keaton ที่เคยรับบท Batman และ Birdman) ซึ่งต้องขอบคุณการแสดงอันยอดเยี่ยมของลุงคีตันเลยจริงๆ
- หนังเป็นแนว Coming of age ที่ดีเรื่องหนึ่งเลย จากเหตุการณ์ในเรื่องที่เปลี่ยนจากพีทต้นเรื่องที่เห่อหะมอยมาเป็น Super Hero อย่างแท้จริง (เหมือนที่ Countdown ใน IMAX ที่เขียนว่า Local Hero to Super Hero จริงๆ)
- เวอร์ชั่นนี้จะได้เห็นฟังก์ชั่นหลายๆอย่างของชุดที่ Tony Stark พัฒนาให้ใน Civil War ซึ่งช่วยในการต่อสู้ได้ดีมากๆ
- แต่ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้เสน่ห์จาก Spider-man ของเราที่ชอบเห็นพีททำชุดของตัวเองด้วยตนเองหายไป
- หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่กวนตีนครับ มากๆด้วย
- นอกเหนือจากป้าเมย์ที่ชอบด้วยความสวย ผมชอบ Ned Leeds ที่เป็นเพื่อนของพีท ตัวละครนี้ช่วยซัพพอร์ตพีทได้ดี
- อีกตัวคือ Happy แสดงโดย Jon Favreau ผู้กำกับ IRONMAN ภาคแรก ซึ่งมาแสดงได้ดี ตลกมากๆ
- ส่วนตัวที่ไม่ชอบคือ ใส่ทุกสิ่งทุกอย่างเยอะไปจนไม่มีซีนไหนที่น่าจดจำ รวมถึงการเน้นปู วาง Easter Egg เพื่อช่วยแถไถไปเรื่องอื่นในจักรวาล โดยที่ไม่เน้นการทำเรื่องที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การรีวิวของผมก็เป็นแค่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องลองไปดูด้วยตัวเองกันครับ
*แนะนำ IMAX 3D ทำให้ CG สไปดี้ที่ดูลอยดูดีกลมกลืนขึ้นมามากๆ
**สำหรับคนที่เร่งรีบจริงๆ End-credit มีสองตัว แต่ตัวที่สองไม่จเป็นต้องดูก็ได้ครับ เพื่อการไม่เสียเวลา แต่ใครไม่รีบร้อนและอยากอดทนดูก็ไม่มีปัญหาครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in