เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องน่าสงสัยในชีวิตประจำวันGoing Gone
ผักกาดจอกับจิ๊นทอดแดง


  • เช้าสาย ๆ ที่ผมตื่นขึ้นมาและเดินไปที่ห้องครัว มันมักจะเป็นเรื่องปกติที่จะมีอาหารใส่ถ้วยหรือจานวางอยู่ในตู้กับข้าวดิบดี ฝาชีสีฟ้าสดใสครอบไว้กันแมลงวันจากการตอม แต่ไม่สามารถกันกลิ่นหอมที่ลอดออกมาจากรูเล็ก ๆ บนฝาชีเหล่านั้น อีกอย่างที่ไม่สามารถจะกันได้เลย คือความสงสัยว่าเมนูอะไรที่ซ่อนอยู่ใต้ฝาชีสีฟ้านั้น ซึ่งมันทำให้ทุกเช้าของผมถูกเติมเต็มด้วยความตื่นเต้นถึงแม้ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันธรรมดา

    "เช้าวันนี้เป็นผักกาดจอ กับจิ๊นทอดแดง (หมูทอดแดง) "

    ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเกษตรกร พ่อกับแม่มักจะออกไปทำงานตั้งแต่หัววัน และกลับมาอีกทียามท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มและมืดลง แม่แกจะชอบทำอาหารมาก โดยเฉพาะอาหารเหนือ ซึ่งแกไม่เคยทำให้ใครสักคนในครอบครัวผิดหวังเลย แม่คงจะเป็นแชมป์หากมีรายการมาสเตอร์เชฟอาหารเหนือ เช้านี้แกก็ทำอาหารทิ้งไว้ก่อนออกไปทำงานกับพ่อ และผมมากจะทานอาหารคนเดียวเพราะว่าผมตื่นสายมากและทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว

    "ผักกาดจอ" คือชื่อของมัน ผักกาดจอเป็นอาหารเหนือที่รสชาติไม่จัดจ้านมาก จะเน้นไปที่รสหวานที่ออกมาจากผักกาด ผสมกับความเค็มของเครื่องปรุงและความเปรี้ยวของมะขามเปียก บางครั้งแม่ก็จะใส่มะขามดิบลงไปทั้งลูกเลยเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวและความเรียลของมัน มีเนื้อหมูติดกระดูกอ่อนทำหน้าที่เป็นโปรตีนหลักในจาน เมนูนี้ไม่ใช่เมนูโปรดของผมเลยเพราะผมชอบทานอาหารรสเผ็ด เมนูนี้ไม่มีความเผ็ดเลย พริกสักเม็ดก็ไม่มี เป็นเหตุผลให้ข้าง ๆ ถ้วยซุปมีพริกขี้หนูใส่ไว้ในถ้วยเล็ก ๆ ไว้ หากอยากกินเผ็ดก็กัดพริกตามไปตามใจชอบ มันค่อนข้างเติมเต็มความอยากกินเผ็ดของผมได้ดีทีเดียว แต่รสชาติมันไม่กลืนกันไปกับรสชาติของซุปขนาดนั้น เพราะพริกขี้หนูดิบมีกลิ่นและรสเผ็ดที่ดีดขึ้นมาอย่างเด่นชัดเกินไป แม่บอกว่าเมื่อก่อนจะกินกับพริกแห้งหรือไม่ก็เอาพริกไปลนไฟให้มีกลิ่นไหม้หน่อย ๆ ก่อน แต่มันจะร้อนท้องซึ่งไม่เหมาะกับสภาพร่างกายของพ่อกับแม่อายุ 60 ปีของผม

    "แล้วทำไมไม่ใส่พริกลงไปในนั้นเลยล่ะ ในเมื่อทุกคนกินเผ็ดหมดเลย" 
    "แล้วจะเรียกมันว่าอะไรล่ะ"
    "ก็เรียกว่าผักกาดจอใส่พริกไงแม่"
    "บ้า...ใครที่ไหนเขาว่ากันอย่างนั้น มันจะเป็นแกงก็ไม่ใช่ เป็นอะไรก็ไม่ใช่"

    ผมถือโอกาสถามแม่บนโต๊ะอาหารตอนเย็นที่อยู่กันพร้อมหน้า แต่ผมเลือกที่จะเงียบไป เพราะหากพูดไปก็เหมือนจะทำให้แม่แกอารมณ์เสียเปล่า ๆ แต่ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าทำไมไม่ใส่พริกลงไปตอนต้มซุปเลย..

    "จิ๊นทอดแดง" หรือหมูทอดสีแดงที่เป็นอีกเมนูที่ผมก็ทานปกติตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ ไม่เคยสงสัยอะไรในรสชาติอะไรของมันเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ...มันก็คือหมูทอดธรรมดานี่แหละ มีรสเค็มของซีอิ๊วและเกลือ มีน้ำมันเกาะตรงผิวฉ่ำ ๆ  สิ่งที่ต่างจากหมูทอดธรรมดาทั่วไปก็คือมันเป็นสีแดงที่ไม่เป็นธรรมชาตินี่แหละ หากไม่เคยเห็นหมูลักษณะนี้มาก่อนผมคงบอกไปเลยว่าเป็นหมูทอดใส่สีผสมอาหาร ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในสมัยนี้ ผมได้ไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เขาบอกว่าเมื่อก่อนเห็นว่าจะใส่ดินประสิวลงไปหมักกับหมูเพื่อให้ได้สีที่น่ากินแต่มันอันตรายต่อร่างกาย เขาจึงเปลี่ยน 

    หากคุณเดาใจผมได้ว่าผมสงสัยอะไร คุณอาจจะมาถูกทางแล้ว
    ใช่...ทำไมมันต้องเป็นสีแดงวะ? 

    ผมเก็บความสงสัยในไว้ในใจ กะว่าจะเอาไปถามแม่ในตอนเย็นในวันถัดไป เพราะวันนี้หากถามอีก แกคงจะอารมณ์ไม่ดีเหมือนกันแน่ ๆ 

    แต่พอมานึก ๆ ดูแล้วมันอาจจะเป็นเหมือนที่แม่บอกก็ได้ 
    "หากจิ๊นทอดแดงไม่มีสีแดง จะเรียกมันว่าอะไร" คล้ายกับผักกาดจอใส่พริกจะเรียกมันว่าอะไรนั่นแหละ

    มันทำให้ผมกลับมาคิดถึงชีวิตจริงของเราหลาย ๆ อย่าง
    ....เหมือนกัน
    เราล้วนรู้ตัวเราเองว่าเราคือใคร คือคนแบบไหน เอกลักษณ์เราคืออะไร
    เราเป็นคนแบบนี้เพราะเราไม่มีสิ่งนี้ เหมือนกับผักกาดจอที่ไม่มีพริก
    เราเป็นคนแบบนี้เพราะเรามีสิ่งนี้ เหมือนกันจิ๊นทอดแดงที่มีสีแดง
    ....แต่แปลก
    ทำไมเราถึงปกป้องภาพลักษณ์นั้นของตัวเองเอาไว้
    ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าหากเพิ่มอะไรเข้ามาชีวิตอาจจะดูมีสีสันขึ้น เหมือนผักกาดจอที่เพิ่มพริก
    หรือเอาอะไรเกิน ๆ หรือส่วนที่ไม่สำคัญอะไรออกไปแต่มันก็ยังคงความเป็นตัวเราได้ เหมือนจิ๊นทอดแดงที่เอาสีแดงออก มันก็ยังรสชาติเหมือนเดิมนี่หว่า

    อาจจะเป็นเพราะเรากลัวการเปลี่ยนแปลง
    หรือเรากลัวคนอื่นจะมองว่าเราเปลี่ยนไป

    ยังไงก็ตามแต่...อาหารเหนือที่มันเจ๋งจริง ๆ แฮะ







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in