คล้ายว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของหล่อนไปเสียแล้วกับการเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย ใช้สองตากวาดมองความเป็นไปของชีวิตทุกสรรพสิ่งเพื่อสรรหาแรงบันดาลใจที่อาจผุดวาบเข้ามาในห้วงคำนึงให้ได้เก็บเกี่ยวโดยไม่ทันตั้งตัว รู้ดีแก่ใจว่าอุณหภูมิของเดือนกรกฎาคมนั้นไม่เคยปรานี ทว่าหล่อนกลับอดไม่ได้ที่จะ เดินตากแดดตากลมเป็นงานอดิเรก ดั่งเช่นที่ผู้เป็นมารดาเคยว่าไว้เมื่อสักเกือบครึ่งปีก่อน
ไอศกรีมโคนในมือเริ่มประท้วงด้วยการหลอมละลายในระยะเวลาที่ย่นเร็วกว่าที่ควร หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้สองเท้าลากพาตนเองมาหยุดอยู่หน้าม้านั่งยาวตัวที่ยังคงว่างอยู่ในสวนสาธารณะ ไล่สายตามองจุดด่างดวงขนาดเล็กจากสีที่หลุดลอกเป็นแผ่นตามระยะเวลาการใช้งานที่มีปรากฏให้เห็นอยู่ประปราย ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่ง เรียวขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดผ่านส่วนเดียวกันอีกข้างเป็นท่าไขว่ห้างด้วยความเคยชิน เรียวลิ้นเล็กแลบเลียเอารสชาติหวานแหลมของไอศกรีมรสบับเบิ้ลกัมเข้าปาก ก่อนพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงลงความเห็นกับตนเองว่าความอร่อยของมันยังคงเหมือนเดิม
กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กถูกวางลงพื้นที่ว่างข้างกาย แผ่นหลังบางเอนพิงพนักของม้านั่งก่อนแหงนเงยดวงหน้าหวานเผชิญผืนนภาสีครามราวกับต้องการขับไล่ความเมื่อยล้าที่เข้าเกาะกุมจนยากจะสลัดให้หลุดหลังจากใช้เวลาเกือบทั้งสัปดาห์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในการเค้นสมองเพื่อขีดเขียนนิยายเรื่องเดิมที่ยังคงค้างคาอยู่ เป็นโชคดีท่ามกลางอากาศชวนเรียกหยาดเหงื่อเม็ดเล็กให้ผุดพราย ที่แสงสุริยันไม่อาจสาดส่องตกมาถึงม้านั่งตัวที่เธอพักพิง ไม่ใช่เช่นนั้นคงไม่วายหลอมละลายตามไอศกรีมในมืออย่างไม่ต้องสงสัย
ดวงแก้วเฉดเดียวกันกับช็อกโกแลตรสนมที่เจ้าของนัยน์ตาโปรดปรานหนักหนาเริ่มทำหน้าที่ตามประสามนุษย์ช่างสังเกต ริมฝีปากงับเอาปลายยอดไอศกรีมสีสวย ปล่อยให้รสชาติหวานติดปลายลิ้นเคลือบทั่วโพรงปากอีกครา ทัศนียภาพเบื้องหน้ามีเพียงบรรยากาศยามบ่ายคล้อยจนเกือบเย็นย่ำ ผู้คนสัญจรผ่านไปมาบางตาอาจเป็นเหตุเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของเหล่าพนักงานเงินเดือนทั้งหลาย กอปรกับเพียงชายหนุ่มแปลกหน้าบนม้านั่งยาวตัวตรงข้ามหล่อนที่ปรากฏในห้วงครรลอง
เขาอยู่ในเชิ้ตขาวไร้ลวดลายถูกจับเข้าคู่กับกางเกงพอดีตัวสีเข้ม เส้นผมความยาวประมาณประบ่าที่ผ่านการฟอดจนเป็นสีสว่างถูกรวบไว้ครึ่งศีรษะราวกับป้องกันไม่ให้ปรกใบหน้าคมคายดูโดดเด่นจากฝูงชนโดยแม้แต่แว่นสายตาที่ยึดเกาะบนสันจมูกนั่นก็ไม่อาจปกปิด หล่อนรู้ดีแก่ใจว่าตนเองไม่ควรทอดสายตาไว้ที่คนแปลกหน้านานจนเกินควรนัก โดยมีเรื่องของมารยาทที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่จำความได้เป็นสิ่งค้ำคอ ทว่าไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายนั้นช่างคล้ายคลึงกับตัวเอกในงานเขียนล่าสุดที่ยังไม่จบของหล่อนเสียเหลือเกิน
‘เอาเถิด’ หล่อนนึกพลันสะบัดศีรษะน้อย ๆ ไล่ความคิดไร้สาระให้หลุด กระทั่งเส้นผมเฉดเดียวกันกับดวงตาที่ถูกรวบขึ้นสูงไว้ลวก ๆ เพราะอากาศร้อน หล่นลงมาประปรายและหล่อนก็ไม่คิดจะใส่ใจมัดรวบมันใหม่ ไรฟันคมขบลงบนเนื้อโคนไอศกรีมพลางละสายตาจากชายตรงหน้าเพื่อหันไปชมนกชมไม้เรื่อยเปื่อยแทนที่ นึกใคร่สงสัยอยู่ภายในใจว่าเหตุใดสวนสาธารณะในเย็นนี้จึงไร้ซึ่งผู้คนสัญจรหนาแน่นเฉกเช่นทุกวันก่อนหน้า ก่อนดวงตาคู่เดิมจะเผลอไผลตามสัญชาตญาณเดิมของมนุษย์ยามพบเจอสิ่งน่าสนใจให้หลุดกลับไปมองเขาผู้นั้นอีกครา
ในมือของอีกฝ่ายถือวรรณกรรมโดยนักเขียนมีชื่อ ยามได้ยลเห็นเพียงเสี้ยวหน้าปกก็ทราบได้ถึงชื่อเรื่องที่เป็นหนึ่งในเรื่องโปรด ดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่การอ่านครั้งแรกในเมื่อรอยพับบนสันหนังสือนั่นปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่แปลกใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่รับทราบถึงสายตาของหล่อนที่เลื่อนหลุดไปหาอยู่หลายครา ในเมื่อความสนใจทั้งหมดที่มีกำลังทุ่มอยู่กับเรื่องราวโศกนาฏกรรมตรงหน้า นึกประหลาดใจแกมประทับใจอยู่หน่อย ๆ ที่อย่างน้อยมีคนโปรดปรานในหนังสือเล่มโปรดของหล่อนเช่นเดียวกัน
ข้างกายอีกฝ่ายมีแก้วกระดาษไขบรรจุเครื่องดื่มประเภทร้อนอยู่ภายในตั้งอยู่ คราบสีเข้มบนปากแก้วทำให้มีความมั่นใจร้อยละเจ็ดสิบห้าคาดว่าคงเป็นกาแฟ อีกร้อยละยี่สิบห้าเหลือทิ้งไว้ให้สำหรับโกโก้ช็อกโกแลต หรืออะไรจำพวกนั้น ประหลาดใจเล็กน้อยถึงการดื่มเครื่องดื่มอุ่นร้อนในวันที่อากาศไม่เป็นใจเช่นนี้
อย่างว่า ‘รสนิยม’
แต่อะไรจะคล้ายขนาดนั้นกันนะ
แม้จะขีดเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของความรักหวานชื่นมาแทบนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าความเชื่อเกี่ยวกับรักแรกพบถือเป็นศูนย์ ของแบบนี้ย่อมมีเพียงในงานเขียนหรือบทภาพยนตร์ชวนจรรโลงใจเท่านั้นไม่ใช่หรืออย่างไร อีกทั้งการได้พานพบเขาผู้นี้ไม่ใช่ความหลงใหลเช่นการชอบพอเสียหน่อย เรียกได้ว่าเป็นความน่าประทับใจเล็ก ๆ ประจำวันคงไม่เกินไปนัก
พลันการเหม่อลอยเข้าสู่ห้วงภวังค์ของตนกลับก่อฤทธิ์เดช ไอศกรีมที่พร่องไปจนเกือบหมดกลับไหลย้อยกระทั่งสัมผัสเย็นชืดหยดลงปลายนิ้วคล้ายต้องการฉุดกระชากให้หล่อนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม มือเรียวข้างที่ว่างอยู่หยิบคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างกายมาเปิดหากระดาษทิชชูสักแผ่นเพื่อซับความเปรอะเปื้อน พลันผุดลุกขึ้นฉับพลันเพื่อไปชะล้างความเลอะเหนียวให้จางหายไป
มันเป็นชั่วครู่เดียวที่หล่อนละทิ้งภวังค์แห่งนั้นไว้เบื้องหลัง ทว่ายามนัยน์ตาคู่สวยนั่นกวาดมองไปทั่วบริเวณสวนสาธารณะที่ทุกอย่างยังคงเดิม ผู้คนสัญจรบางตา มีเพียงท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม กับกลุ่มก้อนเมฆนุ่มฟูลอยต่ำคล้อยพิกล เมื่อเคลื่อนสายตาไปยังม้านั่งตัวเดิมของตน มันยังคงว่างเปล่า อีกทั้งม้านั่งตัวตรงข้ามของเขาผู้นั้นเช่นกัน มันไม่ใช่ความรู้สึกนึกเสียดาย ในเมื่อหากเขายังคงอยู่ตรงนั้น หล่อนคงไม่มีความใจกล้ามากพอที่จะริเริ่มบทสนทนาอยู่ดี
เพียงนึกวาดหวัง เป็นความหวังเล็ก ๆ ภายในใจ
ที่แม้แต่หล่อนเองอาจไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
“ขอให้ได้พบกันอีก”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in