อ่านหนังสือมาเมื่อกี้เขาบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าmotivationของตัวเราคืออะไร ไม่ใช่นั่งรอให้รู้สึกว่าเราอยากทำมากๆๆๆ แล้วโมเมว่านั่น โมเมนต์ที่ปิ๊งปั๊งเป็นไอเดียตอนตีสาม การที่เรารู้ ว่าอยากทำอะไรคือmotivationของตัวเราจริงๆ มันไม่ใช่แค่นั้นที่ทำให้เราสามารถแซ่ซ้องยินดี ยูเรก้า!จ้าชาวไทม์ไลน์ จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันค้นพบแล้วว่าอะไรคือ Motivation ของฉันได้อย่างเต็มปาก ที่คิดออกนั่นเป็นเพียงไอเดีย มันเป็นเพียงสมมติฐานที่ต้องถูกนำไปทดลอง แล้วค่อยนำผลมาสรุปในตอนท้ายอีกที
ผู้เขียนบอกว่านู้น ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไร ไปโล้ดจ่ะหนูจ๋า
ลงมือทำไปเลย ต้องทำก่อนสิ แล้วเดี๋ยวมันก็จะดลบันดาลนำพาให้เราไปรู้จักกับmotivationที่แท้จริงของตัวเรา อื้มมม อ่านจบก็ซู้ดปากอู้วอ้าตาวิ๊งค์เหมือนตรัสรู้ธรรมบทใหม่(เว่อร์) พูดถึงมันก็ไม่ใหม่หรอกสำหรับชาวประชาข้างนอก แต่สำหรับดิฉันที่ยึดถือเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าเราต้องอยากก่อน แบบมากๆๆๆเลยแล้วค่อยไปทำ มันก็ใหม่อยู่นะ การที่อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่เดิมมานานแสนนาน อยู่รอวันเวลาให้ผีขยันทำมาเข้าสิงไปวันๆ ก็เห็นๆอยู่ว่ามันไม่มีความคืบหน้าอะไรสักเท่าไหร่
Action > Inspiration > Motivation นี่เป็นprincipleที่เขาให้มา ยังไม่รู้หรอกว่าจะออกมาเป็นยังไง จะได้ผลหรือไม่ได้ผล แต่ก็รู้สึกประทับใจในเหตุผลที่เขายกมาไปแล้ว ใจง่ายอ่ะเนอะดิฉันน่ะ โน้มน้าวหน่อยก็โอนเอียงยอมไปอยู่กับเขาแล้ว ว่าซั่นว่าไปนั่นแหละ ก็เลยมา! เอาวะ! ลองสักตั้ง! ไม่ลองไม่รู้! ถึงลองแล้วถ้ามันเฟล มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพิ่มเติมจากที่เป็นอยู่ไปมากกว่านี้แล้วแหละ ถ้าไม่ทำ หวังพึ่งดวงชะตาราหูย้ายออกนั่นก็ดูท่าจะอีกนานเช่นกัน ดังนั้น โกๆ เริ่มเลย
เริ่มตรงนี้ที่นี่แหละเรียกได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วง crisis ของชีวิตเลยก็ว่าได้ในปี 2020 อันแสนทรหดอดทนนี้ ปัจจัยทั้งหลายเข้าโจมตีอย่างหนักหน่วงเหมือนหมาที่เริงร่าอยู่ดีๆก็โดนปารองเท้าใส่เฉยเลย (เอ๋ง) ทั้งปัจจัยภายในตัวเราและภายนอกที่ควบคุมได้บ้างและไม่ได้เลย มันทำให้แต่ละวันผ่านไปด้วยความว่างเปล่า อยู่ในธีมอารมณ์เศร้า ดาวน์ เหงาหงอย ไร้ประโยชน์ไปวันๆ วนเป็นลูป วนมาอยู่ค่อนปีจนอีกไม่กี่เดือนก็จะหมดปีอยู่แล้ว ถึงจะมีเทวดาด้านบวกแวะเวียนมากระซิบข้างหูว่า It's gonna be alright. You're gonna figure things out
แต่มันจะfigureได้ยังไงล่ะ ถ้าตัวเราเองไม่ได้ลุกขึ้นมาทำอะไรที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อนำตัวเองออกจากลูปนรกนี่เลย เอาล่ะ อ่านจนจบบทนั้นเลยเป็นที่มาของการมาเยือนที่แห่งนี้นี่แหละ จริงๆเคยอยากเขียนเคยมาเยือนแล้ว แต่ได้มาลองจริงๆสักทีก็คงเป็นครั้งนี้ พารากราฟแรกก็ตะกุกตะกักไม่รู้ไปทางไหนดี แต่เผลอแพล่บเดียวชั้นเขียนอะไรเยอะขนาดนี้เนี่ย ใครจะมาอ่านก่อน ถึงตรงนี้ก็เชื่อแล้ว ว่าต้องลงมือทำเดี๋ยวที่เหลือมันก็ไหลตามน้ำเอง ใครจะได้อ่านหรือไม่ได้อ่านไม่รู้แล้ว แต่ขอจารึกไว้ตรงนี้เลยว่าชั้นได้เขียน(พิมพ์)แล้วว้อย
การเขียนเป็นอย่างนึงที่เรารู้สึกว่าเอ้อเป็นสิ่งที่ทรงพลังนะ ทำให้เราปลดปล่อยหลายๆอย่างในหัวได้ อีกทั้งมันก็น่าจะเป็นสกิลที่ดีที่เราควรมีติดตัวไว้ด้วยเช่นกัน มีประโยชน์หลากหลายขนาดนี้ เราจะปล่อยสิ่งดีๆอย่างนี้ออกจากชีวิตเราไปได้อย่างไรกันคะคุณพี่ ไหนๆตอนนี้ก็ว่างๆงงๆกับชีวิตแล้ว สาวน้อยอ้อยควั่นสถานะunemployedวัยยี่สิบกว่า (ที่บังเอิ๊ญเรียนจบช่วงโรคระบาด, เศรษฐกิจดิ่งลงเหว และหย่อนresumeไปเป็นสิบๆที่แต่เหมือนหย่อนลงหลุมดำเสียมากกว่า) จะมัวเศร้ากับชีวิตไปวันๆอยู่ใย มาฝึกสกิล มาหาmotivationการใช้ชีวิตผ่านการเขียนเถอะ มาทำให้on this dayปีหน้ามีอะไรดีๆได้หวนกลับมาคิดถึงอีกอย่างก็ดี
สุดท้ายดิฉันจะรอดมั้ยนั้น จะเจอสิ่งที่ตามหาหรือเปล่า ตัวดิฉันเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมันจะออกมาทิศทางใดเช่นกันค่ะคุณกิตติคะ มันแบบเบลอๆหรือเธอไม่ชัดเจน แต่ก็คงต้องขอลองทำไปก่อนนั่นแหละค่ะ แล้วเดี๋ยวจะมาคอยเล่าว่าเจออะไร เป็นอย่างไรบ้างระหว่างทาง ก่อนจากกันในโพสแรกนี้ ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวแล้วกัน เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
----
eleph(ant)sintheroom
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in