คำนำผู้เขียน
ราวเที่ยงวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม คริสต์ศักราช 2015 อาจมีชาวรัสเซียหลายคนมองเห็นหนุ่มผิวเข้ม เรือนผมหยักศก (และหยิกศก) เตร็ดเตร่ไปตามถนนเนียฟสกี้ พรอสเพ็คท์ (Nevsky Prospekt) เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg)
ถนนซึ่งเขาคลั่งไคล้จากการเคยเป็น ‘ผู่บ่าวสายตาเลาะ’ อ่านงานเขียนของนิโคไล โกโกล (Nikolai Gogol)
หนุ่มคนนั้นเป็นชาวไทย แม้ใครต่อใครในประเทศไทยมักเข้าใจผิดว่าเขาไม่ใช่ก็ตาม
หากถามถึงชื่อเรียกขานแล้ว หลายคนคงเปล่งเสียงจริงจังว่า ‘อาชญาสิทธิ์’ และอีกหลายคนผลิรอยยิ้มพร้อมกระดกลิ้น ‘แครส’
ผมเองนั่นล่ะครับ คุณผู้อ่านที่น่ารัก
ในเวลานั้น ยังมิรู้หรอก พอลงไปสู่ชานชาลารถไฟใต้ดินสถานีชื่อเดียวกันกับถนน ผมจะได้ผจญกับอะไร
แต่มองย้อนจากตอนนี้ โอ้ ชัดเจนในความทรงจำเลย
เรื่องราวมีอยู่ว่า...
ขณะผมกำลังก้าวเข้าสู่ขบวนรถไฟ ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำราวหกคนโถมเข้ามาเบียดเสียดรุมล้อมหนาแน่น ชั่วพริบตาแท้ๆ พวกเขาทั้งหมดปล้นเงินสกุลรูเบิลจากกระเป๋ากางเกงของผมไปได้หลายพันบาท เคราะห์ยังดี เพียงแค่สูญเงิน ความบาดเจ็บมิได้แผ้วพานร่างกายเท่ารอยแมวรัสเซียข่วน
ยากลืมเลือนนักต่อเหตุการณ์ตอนเที่ยงวันจันทร์
20 ตุลาคมหรือวันถัดมา ผมมีอายุครบ 26 ปีเต็ม พร้อมใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่าง และนั่นคือมูลเหตุแห่งความตกลงใจว่าผมคงต้องเขียนหนังสือสักเล่มบอกเล่าถึงสิ่งที่คนไทยได้พบเผชิญในต่างประเทศ
ความสนใจต่อเรื่องราวข้างต้น หาได้ผลิบานเพราะผมถูกโจรปล้นหรอกนะ หากถักทอข้อฉงนขึ้นในห้วงความนึกมาเนิ่นนานนับแต่สิบปีก่อน
กระนั้น โดยสารภาพ ประสบการณ์ของผม ณ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นับเป็นเครื่องเร่งเร้าให้พากเพียรจรดปากกาบันทึกบนหน้ากระดาษเรื่อยมา ลึกๆ แล้ว ใจผมจดจ่ออยากจะถ่ายทอดขบวนเรื่องราวลักษณะนี้ให้ไปจุมพิตสายตาคุณผู้อ่านในวงกว้างอย่างถ้วนทั่ว ผันผ่านหลายปีทีเดียวกับการเพียงแต่นึกไว้เท่านั้น
มีความสงสัยมากมายภายหลังทอดสายตาพิจารณาเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์โลก
คนไทยอยู่ร่วมเหตุการณ์นั้นด้วยหรือเปล่านะ?
การขจัดความอยากรู้ในหัวใจผม จำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในรูปแบบเอกสารและหนังสือหลากหลายสิบเล่ม ทั้งสภาพหมาดใหม่และเก่ากรอบ
ไม่เปลืองเรี่ยวแรงสักนิด มิหนำซ้ำยังท่วมท้นความยินดี เมื่อได้ค้นพบว่า นับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ปรากฏคนไทยหรือชาวสยามมิใช่น้อยที่เคยมีประสบการณ์ร่วมอยู่ในสถานการณ์คับขัน
หลายคนเขียนบันทึกเล่าไว้ด้วยตัวเอง หลายคนถูกเขียนบันทึกเล่าถึงไว้โดยคนอื่น หลายคนเล่าต่อให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานฟัง และอย่างน่าเสียดาย หลายคนไม่ได้บันทึกหรือเล่าต่ออะไรไว้เลย เรื่องราวอันน่าสนใจจึงหล่นหายไปตามกาลเวลา
ตัวละครของอดีตซึ่งมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์นั้น ย่อมเปี่ยมล้นคุณค่าน่าจดจำเสมอตามทัศนคติของผม เป็นความตื่นเต้นมิใช่น้อยที่ได้เชื้อเชิญพวกเขาให้มาทอดน่องบนแต่ละบรรทัดของหน้ากระดาษ รวมถึงผายมือแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จัก
หนังสือเล่มนี้คงหมดสิทธิ์อวดโฉมแนบแน่นอยู่กับมือและสายตาท่านทั้งหลาย ถ้าผมมิได้รับโอกาสจากท่านบรรณาธิการ—ปฏิกาล ภาคกาย ในวันชาติฝรั่งเศสของปีคริสต์ศักราช 2017 ผมได้รับการติดต่อด้วยมิตรภาพน่าประทับจิต
ความใจเย็นและการเอาใจใส่ต่อต้นฉบับของเขา ช่างทรงพลานุภาพ บันดาลให้ผมเปี่ยมล้นความเกรงใจและขะมักเขม้น ขยับไหวข้อมือ ระรัวเรียวนิ้วบนแป้นพิมพ์แข็งขัน นับแต่ปลายเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะตลอดเดือนกันยายน ตุลาคมมาถึงอย่างรวดเร็ว และผมดีใจกับตนเองที่ทำงานชิ้นนี้ได้สำเร็จลุล่วง
เดิมที ผมมาดหมายตั้งชื่อประดับปกว่า ‘ผจญไทยในเมืองเทศ’
ผจญไทย สื่อความถึงการที่ผมได้ค้นพบเรื่องราวของคนไทยหรือชาวสยามผู้โลดแล่นชีวิตชีวาในต่างประเทศจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกัน คนไทยหรือชาวสยามเหล่านั้น ก็ได้ผจญกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์โลกตอนที่กำลังสูดลมหายใจในเมืองนอก ถ้อยคำนี้ ฟังเผินๆ ยังชวนให้นึกถึงการผจญภัยอันน่าติดตามลุ้นระทึก
ส่วน เมืองเทศ จงใจแสดงบรรยากาศความเป็นต่างประเทศ บอกเล่าผ่านหลายเมืองที่คนไทยได้ผ่านทางหรือแวะเวียนไป กระนั้น ดูเหมือนจะโชยกลิ่นเครื่องเทศจนผู้พบเห็นอดใจจะนึกถึงอินเดียมิได้
เวลาหลายวันยึดโยงอยู่กับการทบทวนชื่อหนังสือ
เป็นอันว่า ท้ายสุด ลงตัวอย่างสวยงามและมีจังหวะจะโคน ‘ผจญไทยในแดนเทศ’
ขอบใจต่อมาถึงมิตรสหายหลายท่าน ลุงบอลหงิงหงิง ภาสวร สังข์ศร, บิ๊กเอ อดิเรก พรมเสน, หนุ่ย เชาวนอฟสกี้ มูลภักดี, ตั๋วเข้ม ณัฐพงศ์ ดวงแก้ว, บอย สรพงษ์ ลัดสวน, โอซิ่ล วีรวรรธน์ สมนึก และเป๊าะ อิทธิเดช พระเพ็ชร์ สำหรับการสนทนาเกี่ยวกับเกร็ดความรู้และประเด็นชวนฉุกคิด
หนานแซม สุริยัน สุปินะ เป็นอีกคนที่ผมต้องพาดพิง แม้เขาจะลาทุ่งรังสิตไปหลงเมืองกรุงในห้วงยามที่ผมกำลังเขียนหนังสือ แต่ปฏิเสธมิได้เลยว่า ราวห้าปีก่อน หนุ่มพะเยาคนนี้แหละคือคนแรกสุดซึ่งรับฟังแรงปรารถนาจะเขียนเรื่องราวดังว่า
ควงแขนมาด้วยหญิงสาว ใหม่ อารยา พิทยจำรัส, อำแดง หลิน วรธิภา สัตยานุศักดิ์กุล, พาขวัญ กาญจนาคม สำหรับการช่วยเหลือให้ผมผ่อนคลายสายตาบ้าง โดยกรุณาช่วยพิมพ์ตามคำบอก กนกวรรณ เปี่ยมสุวรรณศิริ และอุมมีสาลาม อุมาร ในแง่ของเพื่อนปรึกษาปรับทุกข์
ร้านถ่ายเอกสารป๋วยพิมพการเป็นพื้นที่สำคัญซึ่งผมมิอาจปล่อยให้ตกหล่นไปได้ เพราะผมฝากเอกสารและหนังสือ รวมถึงสัมภาระต่างๆ ไว้จนระเกะระกะ ด้วยความกรุณาของพี่จ๊อบ อภิพล และพี่ป้อง ชานันท์
ขอบคุณสำนักพิมพ์แซลมอนและกองบรรณาธิการอย่างยิ่งที่อนุญาตให้ผมเพลิดเพลินอยู่ในความอร่อยของการนำเสนอประวัติศาสตร์อีกรสชาติหนึ่ง
หวังใจที่สุดครับ ว่าคุณผู้อ่านทุกท่านคงอร่อยกับเรื่องเล่าของผมเฉกเช่นกัน
เรื่องตลกอย่างหนึ่งในร้านอาหารละแวกทุ่งรังสิตคือ ลูกค้ามักจะได้รับประทานปลาดอรี่ โดยแม่ค้าปลอมตัวให้เป็นปลากะพง
เอาละครับ เขียนมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ผมคงขอตัวไปเขมือบเนื้อปลาแซลมอนให้อิ่มหนำสำราญสักที
อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
ทุ่งรังสิต/ ท่าอีเกิ้ง
กลางเดือนตุลาคม 2017
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in