เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Knowledge HoppingFayathi Sorap
มวยไทย

  •      โมโห โมโห และโมโห

         เกือบลืมไป..สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน

         สืบเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ทราบข่าวคราววงการกีฬาว่า ประเทศกัมพูชา หรือที่เราเรียกติดปากว่า เขมร ได้เสนอแนวคิดจะเปลี่ยนชื่อกีฬา มวยไทย เป็น กุน ขแมร์ ในซีเกมส์ครั้งที่จะถึงนี้ เขมร(ทั้งบทความจะเรียกว่า "เขมร" ละกันนะ ง่ายดี) อ้างว่ามีสี่ชาติให้การรับรอง อันได้แก่ เขมร ลาว เวียดนาม และติมอร์ 
         ตามเว็บไซต์ต่อไปนี้ : https://mgronline.com/sport/detail/9660000005820
                                           https://www.phnompenhpost.com/sport/knockout-kun-khmer-replaces-muay-phnom-penh-games

         แล้วเราก็ตามอ่านคอมเม้นท์ต่อ มีคนๆหนึ่งแสดงความเห็นประมาณว่า "ขืนไทยส่งคนไปแข่ง ต่อไปมันจะไปอ้างว่า นี่ไง ไทยยอมรับแล้วว่ามวยไทย มีที่มาจากเขมร" 

         เท่านั้นแหละ เราเลยเกิดอาการควันออกหู หนอยย อยู่ๆจะมาฉกอารยธรรมชาวบ้านเขาไปอีกแล้ว 


         ว่าแล้ว เราเลยไปค้นประวัติความเป็นมาของมวยไทยคร่าวๆ(ตามประสาการ hop ถ้าลงลึกเดี๋ยวผิดคอนเซป 55) และนำมาลงไว้ที่นี่ ให้ได้อ่านกันค่ะ 


         เท่าที่หาอ่านจากแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เนต ไม่มีประวัติที่แน่ชัดว่า "มวย" ของไทย นั้น เริ่มต้นฝึกกันมาตั้งแต่ยุคใดสมัยใด แต่ที่แน่ๆคือเกิดขึ้นมานาน มีแหล่งข้อมูลหนึ่งกล่าวว่า "อาจนานเท่ากับความเป็นชาติไทยเสียด้วยซ้ำ" โดยที่มวยไทยนั้นมีการฝึกกันด้วยสองสาเหตุหลัก
         1. เพื่อสู้รบกับข้าศึก   และ 2. เพื่อป้องกันตัว 

         มวยไทยยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ศาสตร์แห่งการโจมตีทั้งแปด" อันประกอบด้วย สองมือ สองศอก สองเข่า และสองเท้า (ข้าพเจ้า : แต่ตอนเตะต่ำ ใช้หน้าแข้งนา..) บ้างก็ว่าเป็น นวอาวุธ (นว แปลว่า 9) ซึ่งรวมการโจมตีด้วยศีรษะ และบ้างก็ว่ามีอาวุธ 10 อย่าง ที่รวมการโจมตีจากการใช้บั้นท้ายกระแทกด้วย (ข้าพเจ้า : มันเป็นศาสตร์ด้วยเหรอวะ อันสุดท้ายเนี่ย???) 
        แหล่งข้อมูลกล่าวตรงกันว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัยก็มีการหัดมวยกันแล้ว ส่วนสมัยอยุธยานั้น มีข้อมูลว่า มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งโปรดการต่อยมวยคือ พระเจ้าเสือ หรือ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ ๘ ท่านเคยปลอมเป็นสามัญชนมาชกมวยแข่งกับชาวบ้าน และสามารถชกชนะชาวบ้านได้สามคน 

         พูดถึงมวย บุคคลอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์นั้น คือ นายขนมต้ม คนไทยที่ถูกจับเป็นเชลยสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ราวปีพ.ศ. 2310 เมื่อตอนอยู่พม่า ทางพม่าได้จัดให้นักมวยพม่าชกกับเชลยจากไทย ผลการชกของนายขนมต้มเป็นที่ประทับใจแก่พระเจ้ามังระว่า "คนไทยแม้ไม่มีอาวุธ มีเพียงสองมือ ก็ยังมีพิษรอบตัว" 

         นับแต่อดีตจนปัจจุบันก็มีการพัฒนาและมีการฝึกหัดมวยไทยกันเรื่อยมา แถมยังแตกออกไปหลายสาขา เช่น มวยลพบุรี มวยไชยา เป็นต้น 

         นอกจากมวยก็จะได้ยินคำว่า "แม่ไม้มวยไทย" ซึ่งเว็บๆหนึ่งบอกว่า เป็นการผสมผสานอาวุธจากอวัยวะต่างๆในร่างกายเพื่อปัดป้องและ/หรือจัดการกับคู่ต่อสู้ ดี อยากทำบ้างงง หาคู่ซ้อมไม่ด้ายยยยย (เอ็งเตะต่อยแรงๆให้ได้ก่อนเถอะแม่คนเขียน) 

         เราเองก็เคยได้ยินคำกล่าวเกี่ยวกับมวยไทยมาว่า "ตีเข่า เขย่าศอก ตอกด้วยแข้ง" คือเห็นเลยว่าสามารถใช้ทุกส่วนในร่างกายเป็นอาวุธได้ นับเป็นศาสตร์ที่ พิษสงรอบตัว จริงดังคำว่า 

         แล้วจู่ๆเขมรจะมาบอกว่า มวยไทยมีที่มาจากเขมร เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ !!! 
         หลังจากนั้นได้ทราบว่าทางสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ประกาศจะไม่ส่งนักกีฬาไทยเข้าแข่งในกีฬา "กุน ขแมร์" และจะแบนทุกชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งในกีฬา "กุด ขแมร์" ดีค่ะ เป็นการตอบโต้ที่ดี (ตามอ่านข่าวนี้ได้จากเว็บผู้จัดการออนไลน์เช่นกันค่ะ) ยิ่งตอนนี้มวยไทยได้รับคัดเลือกเข้าเป็นกีฬาโอลิมปิกแล้ว ถ้าแบนชาติไหนก็มีสิทธิอดไปโอลิมปิกกันเลย 
         แต่ก็ไม่เห็นแรงกระเพื่อมหรือปฏิกิริยาโต้ตอบจากหน่วยงานอื่นเลยนะฮะ นี่ถ้าไปทำอะไรพรรค์นี้กับประเทศที่คนรักชาติมากๆ เช่น จีน เนี่ย บางทีอาจได้เห็นคนจีนประท้วงกันน่ะ 


         ก็เลยอยากจะลงข้อมูลไว้ตรงนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ทางสหพันธ์มวยไทยนานาชาติว่า มีคนไทยคนหนึ่งคนนี้ เห็นด้วยว่ากีฬามวยเป็นของไทย ไม่ใช่ของชาติอื่น และไม่ยอมให้ชาติไหนมาชุบมือเปิดเอาไปเด็ดขาด!!
         เอาใจช่วยวงการมวยไทยค่ะ

         ยังไงก็จะตามข่าวไปเรื่อยๆ วันนี้ขอจบเรื่องราวความเกรี้ยวกราดของตัวเองไว้ตรงนี้ก่อนละกัน 

         สวัสดีค่ะ


        ข้อมูลอ้างอิง : https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php
                              https://www.gotoknow.org/posts/270299
                              https://www.educatepark.com/story/history-of-muay-thai


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)
    ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in