โมโห โมโห และโมโห
เกือบลืมไป..สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน
สืบเนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ทราบข่าวคราววงการกีฬาว่า ประเทศกัมพูชา หรือที่เราเรียกติดปากว่า เขมร ได้เสนอแนวคิดจะเปลี่ยนชื่อกีฬา มวยไทย เป็น กุน ขแมร์ ในซีเกมส์ครั้งที่จะถึงนี้ เขมร(ทั้งบทความจะเรียกว่า "เขมร" ละกันนะ ง่ายดี) อ้างว่ามีสี่ชาติให้การรับรอง อันได้แก่ เขมร ลาว เวียดนาม และติมอร์
แล้วเราก็ตามอ่านคอมเม้นท์ต่อ มีคนๆหนึ่งแสดงความเห็นประมาณว่า "ขืนไทยส่งคนไปแข่ง ต่อไปมันจะไปอ้างว่า นี่ไง ไทยยอมรับแล้วว่ามวยไทย มีที่มาจากเขมร"
เท่านั้นแหละ เราเลยเกิดอาการควันออกหู หนอยย อยู่ๆจะมาฉกอารยธรรมชาวบ้านเขาไปอีกแล้ว
ว่าแล้ว เราเลยไปค้นประวัติความเป็นมาของมวยไทยคร่าวๆ(ตามประสาการ hop ถ้าลงลึกเดี๋ยวผิดคอนเซป 55) และนำมาลงไว้ที่นี่ ให้ได้อ่านกันค่ะ
เท่าที่หาอ่านจากแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เนต ไม่มีประวัติที่แน่ชัดว่า "มวย" ของไทย นั้น เริ่มต้นฝึกกันมาตั้งแต่ยุคใดสมัยใด แต่ที่แน่ๆคือเกิดขึ้นมานาน มีแหล่งข้อมูลหนึ่งกล่าวว่า "อาจนานเท่ากับความเป็นชาติไทยเสียด้วยซ้ำ" โดยที่มวยไทยนั้นมีการฝึกกันด้วยสองสาเหตุหลัก
1. เพื่อสู้รบกับข้าศึก และ 2. เพื่อป้องกันตัว
มวยไทยยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ศาสตร์แห่งการโจมตีทั้งแปด" อันประกอบด้วย สองมือ สองศอก สองเข่า และสองเท้า (ข้าพเจ้า : แต่ตอนเตะต่ำ ใช้หน้าแข้งนา..) บ้างก็ว่าเป็น นวอาวุธ (นว แปลว่า 9) ซึ่งรวมการโจมตีด้วยศีรษะ และบ้างก็ว่ามีอาวุธ 10 อย่าง ที่รวมการโจมตีจากการใช้บั้นท้ายกระแทกด้วย (ข้าพเจ้า : มันเป็นศาสตร์ด้วยเหรอวะ อันสุดท้ายเนี่ย???)
แหล่งข้อมูลกล่าวตรงกันว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัยก็มีการหัดมวยกันแล้ว ส่วนสมัยอยุธยานั้น มีข้อมูลว่า มีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งโปรดการต่อยมวยคือ พระเจ้าเสือ หรือ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ ๘ ท่านเคยปลอมเป็นสามัญชนมาชกมวยแข่งกับชาวบ้าน และสามารถชกชนะชาวบ้านได้สามคน
พูดถึงมวย บุคคลอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์นั้น คือ นายขนมต้ม คนไทยที่ถูกจับเป็นเชลยสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ราวปีพ.ศ. 2310 เมื่อตอนอยู่พม่า ทางพม่าได้จัดให้นักมวยพม่าชกกับเชลยจากไทย ผลการชกของนายขนมต้มเป็นที่ประทับใจแก่พระเจ้ามังระว่า "คนไทยแม้ไม่มีอาวุธ มีเพียงสองมือ ก็ยังมีพิษรอบตัว"
นับแต่อดีตจนปัจจุบันก็มีการพัฒนาและมีการฝึกหัดมวยไทยกันเรื่อยมา แถมยังแตกออกไปหลายสาขา เช่น มวยลพบุรี มวยไชยา เป็นต้น
นอกจากมวยก็จะได้ยินคำว่า "แม่ไม้มวยไทย" ซึ่งเว็บๆหนึ่งบอกว่า เป็นการผสมผสานอาวุธจากอวัยวะต่างๆในร่างกายเพื่อปัดป้องและ/หรือจัดการกับคู่ต่อสู้ ดี อยากทำบ้างงง หาคู่ซ้อมไม่ด้ายยยยย (เอ็งเตะต่อยแรงๆให้ได้ก่อนเถอะแม่คนเขียน)
เราเองก็เคยได้ยินคำกล่าวเกี่ยวกับมวยไทยมาว่า "ตีเข่า เขย่าศอก ตอกด้วยแข้ง" คือเห็นเลยว่าสามารถใช้ทุกส่วนในร่างกายเป็นอาวุธได้ นับเป็นศาสตร์ที่ พิษสงรอบตัว จริงดังคำว่า
แล้วจู่ๆเขมรจะมาบอกว่า มวยไทยมีที่มาจากเขมร เราว่ามันไม่ใช่อ่ะ !!!
หลังจากนั้นได้ทราบว่าทางสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ประกาศจะไม่ส่งนักกีฬาไทยเข้าแข่งในกีฬา "กุน ขแมร์" และจะแบนทุกชาติที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งในกีฬา "กุด ขแมร์" ดีค่ะ เป็นการตอบโต้ที่ดี (ตามอ่านข่าวนี้ได้จากเว็บผู้จัดการออนไลน์เช่นกันค่ะ) ยิ่งตอนนี้มวยไทยได้รับคัดเลือกเข้าเป็นกีฬาโอลิมปิกแล้ว ถ้าแบนชาติไหนก็มีสิทธิอดไปโอลิมปิกกันเลย
แต่ก็ไม่เห็นแรงกระเพื่อมหรือปฏิกิริยาโต้ตอบจากหน่วยงานอื่นเลยนะฮะ นี่ถ้าไปทำอะไรพรรค์นี้กับประเทศที่คนรักชาติมากๆ เช่น จีน เนี่ย บางทีอาจได้เห็นคนจีนประท้วงกันน่ะ
ก็เลยอยากจะลงข้อมูลไว้ตรงนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ทางสหพันธ์มวยไทยนานาชาติว่า มีคนไทยคนหนึ่งคนนี้ เห็นด้วยว่ากีฬามวยเป็นของไทย ไม่ใช่ของชาติอื่น และไม่ยอมให้ชาติไหนมาชุบมือเปิดเอาไปเด็ดขาด!!
เอาใจช่วยวงการมวยไทยค่ะ
ยังไงก็จะตามข่าวไปเรื่อยๆ วันนี้ขอจบเรื่องราวความเกรี้ยวกราดของตัวเองไว้ตรงนี้ก่อนละกัน
สวัสดีค่ะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)
ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in