เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Translationuntobuns
แปลเพลง | วิเคราะห์เนื้อเพลง 風を食む - ヨルシカ
  •      หลังจากที่ได้ไปเจอ MAD Blue Period อันหนึ่งโดยบังเอิญก็ติดใจเพลงมากก เพลงก็ดี (จริง ๆ ของ ヨルシカ ก็ดีทุกเพลง อวย ๆ ) ตัดต่อก็ดี เลยตัดสินใจลองนั่งแปลเพลงจิงจังดู ปรากฎว่า มันมีอะไรมากกว่าที่คิดแฮะ พอไปนั่งอ่านคอมเม้นต์คนแต่ง n-bunaさん + นั่งอ่านวิเคราะห์เพลงของคนญี่ปุ่นละเออ มันไม่ธรรมดา มันมีตีมอยู่ จากตอนแรกที่ว่าจะแปลอย่างเดียวก็เลยจะแปลที่เค้าวิเคราะห์ ๆ กันมาด้วย รู้สึกว่าน่าสนใจดี ลองไปดูกันค่ะ




    ・ เนื้อเพลง ⩊ คำแปล ・

    明日はきっと天気で

    ashita wa kitto tenkide

    พรุ่งนี้ท้องฟ้าจะต้องแจ่มใส

    悪いことなんてないね

    waruikoto nante nai ne

    และไม่มีเรื่องแย่ ๆ อะไรหรอก 

    タイムカードを押して

    taimuka-do wo oshite

    ตอกบัตรเข้างาน

    僕は朝、目を開いた

    bokuha asa mewohiraita

    ลืมตาในตอนเช้า

    僕らは今日も買ってる

    bokura wa kyou mo katteru

    วันนี้พวกเราก็ยังคงซื้อ 

    足りないものしかなくて

    tarinaimono shikanakute

    ซื้อแค่สิ่งที่ยังขาดหาย

    靴を履きながら空想

    kutsu wo hakinagara kuusou

    ฝันกลางวันในขณะที่ใส่รองเท้า 

    空は高いのかな

    sora wa takainokana

    ทองฟ้าสูงจังนะ


    貴方さえ貴方さえ

    anata sae anata sae

    แม้แต่คุณ แม้แต่คุณ

    これはきっとわからないんだ

    kore wa kitto wakaranainda

    ก็ไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้หรอก

    はにかむ顔が散らつく

    hanikamukao ga chiratsuku

    ไม่ว่าจะทำอะไรก็นึกถึงแต่ใบหน้าที่เขินอาย

    口を開けて風を食む

    kuchi wo akete kaze wo hamu

    อ้าปากแล้วลิ้มรสสายลม


    春が先 花ぐわし*

    haru ga saki hanaguwashi

    ฤดูใบไม้ผลิมาถึง 

    桜の散りぬるを眺む

    sakura no chirinuru wo nagamu

    จ้องมองซากุระที่ร่วงหล่น

    今、風を食む

    ima, kaze wo hamu

    ลิ้มรสสายลมในขณะนี้


    棚の心は十五円

    tana no kokoro wa jyuugoen

     หัวใจในชั้นวางของ ราคาสิบห้าเยน

    つだけ売れ残った

    hitotsudake urenokotta

    เหลือแค่อันเดียวที่ยังไม่ถูกซื้อไป

    値引きのシールを貼って

    nebiki no shi-ru wo hatte

    ติดป้ายซีลลดราคา

    閉店時間を待った

    heiten jikan wo matta

    เฝ้ารอเวลาร้านปิดทำการ

    明日もきっと天気で

    ashita mo kitto tenkide

    พรุ่งนี้ท้องฟ้าจะต้องแจ่มใส 

    此処にも客が並んで

    koko nimo kyaku ga narande

    และที่นี่ก็จะมีลูกค้ามาต่อคิวเรียงแถว

    二割引の心は誰かが買うんだろうか

    waribiki no kokoro wa dareka ga kaundarouka

    หัวใจที่ลดราคายี่สิบเปอร์เซ็นต์จะมีใครสักคนซื้อไปไหมนะ


    貴方だけ 貴方だけ

    anata dake anata dake

    แค่คุณ แค่คุณ

    僕はずっと想ってたんだ

    boku wa zutto omottetanda

    ฉันนึกถึงมาโดยตลอดเลย

    ただ白いあの雲を待つ

    tada shiroi ano kumo wo matsu

    เฝ้ารอเมฆสีขาวธรรมดาอันนั้น

    風のない春に騒めく

    kaze no nai haru ni zawameku

    ร่ำร้องถึงฤดูใบไม้ผลิที่ปราศจากสายลม

    草流れ 天飛ぶや*

    kuzanagare amatobuya

    ต้นหญ้าปลิวไสว 

    軽く花の散るを眺む

    karukuhana no chiru wo nagamu

    จ้องมองดอกไม้บอบบางที่ร่วงหล่น

    今、風を食む

    ima, kaze wo hamu

    ลิ้มรสสายลมในขณะนี้


    遂に心は半額

    tsui ni kokoro wa hangaku

    ในที่สุดแล้วหัวใจก็เหลือครึ่งราคา 

    いつまでも売れ残って

    itsumademo urenokotte

    ถูกทิ้งไว้บนชั้นเรื่อยมา

    テレビを眺めて空想

    terebi wo nagamete kuusou

    จ้องมองโทรทัศน์แล้วฝันกลางวัน 

    ニュースは希望のバーゲン

    nyu-su wa kibou no ba-gen

    ข่าวน่ะคือความหวังที่จะได้ลดราคา

    貴方は今日も買ってる

    anata wa kyou mo katteru

    วันนี้คุณก็ยังซื้อ 

    足りないものしか無くて

    tarinaimono shikanakute

    ซื้อแค่ของที่ขาดหาย

    俯く手元で購入

    utsumukutemoto de kounyuu

    ก้มหน้าจ่ายเงินที่มีติดอยู่ในกระเป๋า 

    空は高いのかな

    sora wa takainokana

    ทองฟ้าสูงจังนะ

    貴方だけ 貴方だけ

    anata dake anata dake

    แค่คุณ แค่คุณ

    この希望をわからないんだ

    kono kibou wo wakaranainda

    ที่ไม่เข้าใจความหวังนี้

    売れ残りの心でいい

    urenokori no kokoro deii

    หัวใจที่เหลือทิ้งไว้บนชั้นนี่แหละดีแล้ว

    僕にとっては美しい

    boku nitotte wa utsukushii

    สำหรับฉันแล้วมันช่างสวยงาม


    春が先 花ぐわし*

    haru ga saki hanaguwashi

    ฤดูใบไม้ผลิมาถึง 

    桜の散りぬるを眺む

    sakura no chirinuru wo nagamu

    จ้องมองซากุระที่ร่วงหล่น


    貴方しか 貴方しか

    anata shika anata shika

    แค่คุณเท่านั้น แค่คุณเท่านั้น

    貴方の傷はわからないんだ

    anata no kizu wa wakaranainda

    ที่เข้าใจบาดแผลของคุณเอง

    口を開けて歌い出す

    kuchi wo akete utaidasu

    อ้าปากแล้วส่งเสียงร้องเพลง

    今、貴方は風を食む

    ima, anata wa kaze wo hamu

    ในตอนนี้ คุณกำลังลิ้มรสสายลม

    冬籠り* 春が先

    yukigomori haru ga saki

    จำศีลในฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิมาถึง

    貴方の歌だけが聞こえる

    anata no uta dake ga kikoeru

    ได้ยินเพียงแค่เสียงเพลงของคุณ

    今、口遊む貴方だけ

    ima, kuchizusamu anata dake

    ในตอนนี้แค่คุณที่ฮัมเพลงกับตัวเอง

    貴方だけ
    anata dake
    แค่คุณ

    Translation: untobuns


    ⊹⊶⋄⊰⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⩊⊱⋄⊶⊹


    เพลงกล่าวถึงเรื่องอะไร?

    คิดว่าเพลงนี้พูดถึงประเด็นอะไรคะ
    .
    .
    .
    .

    เฉลย มันคือเรื่อง สังคมบริโภคนิยม ค่ะ!! (55555555)

    จริง ๆ คนแปลก็ไม่ได้คิดมากใด ๆ เรยฮะ แต่ถ้าถามว่าคำใบ้อยู่ตรงไหนนั้น ก็ตรงที่มีพูดถึงเรื่องการซื้อขายอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง! 

    สังคมบริโภคนิยม หรือในภาษาญี่ปุ่น คือ 消費社会 เป็นสภาพสังคมในปัจจุบันที่ผู้แต่ง n-bunaさん ต้องการจะสื่อให้ผู้ฟังได้รับรู้ผ่านเพลง โดยมีตีมหลักโดยรวมเกี่ยวกับเรื่อง การบริโภค ของพวกเราในปัจจุบันฮะ

    n-bunaさん ได้คอมเม้นต์เกี่ยวกับเพลงไว้ว่า " ตีมโดยรวมของเพลงคือการบริโภค ทั้ง ๆ ที่ สมัยเป็นเด็ก แค่เมฆก้อนเดียวก็สามารถทำให้ใจเราสั่นไหวได้ แต่พอเรากลายเป็นผู้ใหญ่ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าการรับรู้ ความรู้สึกที่ว่ามันก็น้อยลงสวนทางกับอายุ เลยอยากเขียนเพลงที่เป็นเหมือนกับอ้อมกอดที่ปลอบปะโลมหัวใจที่เหนื่อยหน่ายไปกับการบริโภคในสังคมปัจจุบันที่แค่แตะหน้าจอก็สามารถซื้อของได้ครับ"

    เริ่มมาแค่อ่านมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกโอ้โหแล้ว 5555

    โดยคุณ 骨助 ผู้เขียนบทความที่ได้ไปลองหาอ่านดู ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นเพลงที่จะตัก (เหมือนตักไอติม) ความอ่อนโยนออกมาให้ผู้คนได้รับรู้ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างคลุมเครือในยุคปัจจุบัน ยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตและบริโภคสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา (ชอบเปรียบเปรย 55555)

    จากที่ n-bunaさん กล่าวถึง 'ก้อนเมฆ' และในขณะที่ในเพลงก็มีการกล่าวถึง 'สายลม' สองอย่างที่อาจจัดเป็นหมวดหมู่เดียวกันได้ เป็นสองอย่างที่ไม่ได้เป็นสินค้าที่มีราคาหรือคุณค่าใด ๆ และใช้ไปก็ไม่ได้ลดน้อยลง เป็นของที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสังคมบริโภคนิยม และเป็นตัวตนที่มีอยู่ในโลกมานานแสนนาน

    ในขณะที่พวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และอาจจะหลงลืมความสวยงามเหล่านั้นไปแล้ว แต่ไม่ใช่ของทั้งหมดที่เราจะสามารถซื้อใหม่ได้ตลอด ท่ามกลางธรรมชาติที่เราอาศัยอยู่ ก็มีของที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ในโลกของเราเต็มไปหมดเช่นกัน (ปังไม่ไหว)


    ⋄⊱ ท่อนที่ 1 ⊰⋄

    ในท่อนแรกของเพลง อาจจะฟังดูสดใสก็จริง แต่จริง ๆ แล้วเป็นท่อนที่หม่นหมองกว่าที่คิดทีเดียวค่ะ
    ดูจากความหมายประโยคแรกแล้ว คิด ๆ ดู ก็อาจจะหมายถึง "วันนี้ก็ต้องทำงาน ฝนก็ตกแต่เช้า เรื่องดี ๆ อะไรเนี่ย ไม่น่าจะมีหรอก" ก็เป็นได้ ความย้อนแย้งนี้

    明日はきっと天気で 悪いことなんてないね 

    พรุ่งนี้ท้องฟ้าจะต้องแจ่มใสและไม่มีเรื่องแย่ ๆ อะไรหรอก 

    タイムカードを押して 僕は朝、目を開いた 

    ตอกบัตรเข้างานลืมตาในตอนเช้า


    การที่คิดว่า 'พรุ่งนี้' จะต้องไม่มีเรื่องแย่ ๆ อะไร ตั้งแต่หัววัน ทำให้ชีวิตประจำวันดูเป็นอะไรที่ไม่มีความสุขเอาซะเลย และในท่อนที่กล่าวว่า  

    僕らは今日も買ってる 

    足りないものしかなくて 

    วันนี้พวกเราก็ยังคงซื้อ 

    ซื้อแค่สิ่งที่ยังขาดหาย


    ก็เป็นตัวบ่งบอกขั้นต้นที่สื่อถึง สังคมบริโภคนิยม หรือตีมหลักของเพลงนั่นเองค่ะ เพราะตัวเองมีอะไรขาดหายไป เลยเติมเต็มด้วยการบริโภคของที่เรารู้สึกว่าขาดไปเหล่านั้น จ่ายเงินซื้ออะไรสักอย่างด้วยเงินที่ได้จากทำงาน สนใจแต่สิ่งที่เรายังขาดหายเท่านั้น ซึ่งโดยที่เราไม่รู้ตัว พวกเราก็กำลังเหนื่อยหน่ายกับการซื้ออะไรสักอย่างใหม่ ๆ มาเติมเต็มอยู่ตลอดเวลาไปเสียแล้ว


    ⋄⊱ ท่อนฮุค 1 ⊰⋄

    มีคีเวิร์ดสำคัญซึ่งก็คือ สิ่งนี้ ที่จะผูกกับท่อนที่ 3 และฮุครอง ซึ่งจะกล่าวถึงอีกที

    貴方さえ貴方さえ  これはきっとわからないんだ
    แม้แต่คุณ แม้แต่คุณ ก็ไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้หรอก


    ยิ่งไปกว่านั้น ในท่อนฮุคของเพลงนี้ มีบางอย่างที่พีคมากสำหรับเราแฝงอยู่! หลอนมากกกก ไม่คิดว่าจะได้มาเจอในเพลงอีก เลยเอาแถมให้ค่ะ :D



    การใส่เทคนิคการประพันธ์


    คือในเพลงนี้จะเจอเทคนิคพิเศษอย่างหนึ่งในท่อนฮุค เป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้เนื้อเพลงไพเราะมากขึ้น และทำให้เห็นภาพความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งก็คือ เทคนิคการประพันธ์กลอนในมันโยชู นั่นเองค่ะ (มาได้ไง งง5555555)

    ไม่คิดว่าจะมาเจอในเพลง เลยอยากจะนำมาพูดถึง แต่ก่อนอื่น

    ⊹⊶ มันโยชู คืออะไร? 


    มันโยชู คือ หนังสือรวบรวมบทกลอนญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุด มีกลอนรวมทั้งหมดมากถึงประมาณ 4,500 บทได้ แน่นอนว่าใช้เวลารวบรวมเป็นเวลานานมากกกแบบข้ามศตวรรษกันเลยทีเดียว ผู้แต่งก็มีตั้งแต่จักรพรรดิไปจนถึงชาวบ้านธรรมดา ส่วนเทคนิคการประพันธ์ที่ใช้ในมันโยชูจริง ๆ แล้วก็มีอยู่สองสามอย่างได้ ส่วนที่ถูกนำมาใช้ในเพลงนี้ คือ 枕詞(まくらことば)หรือ มากุระโกะโตะบะ นั่นเองคับ


    ⊳ มากุระโกะโตะบะ คือ การนำคำหรือวลีที่มีจำนวน 5 พยางค์ที่มีการกำหนดไว้แล้ว มาวางไว้หน้าคำหรือวลีในกลอน มีจุดประสงค์เพื่อประดับกลอนให้ไพเราะสวยงาม และยังช่วยขยายความหมายในกล่อนอีกด้วยค่ะ ตัวอย่างเช่น อะนะกะเนะ あかねさす ใช้เกริ่นถึง สีม่วง (紫) โดยในเพลงนี้มีทั้งหมด 3 จุด ในท่อนฮุคที่ 1 2 และท่อนฮุครอง (ส่วนที่ * ไว้ในเนื้อเพลง)


    1. 花ぐわし ใช้เกริ่นนำถึง ซากุระ ต้นกก
    2. 天飛ぶや ใช้เกริ่นนำถึง นก ห่านป่า
    3. 冬籠り ใช้เกริ่นนำถึง ฤดูใบไม้ผลิ

    สังเกตเห็นเวลาแปลกลอนกัน เขาก็ไม่ได้แปลส่วนนี้ตรง ๆ คือเว้นไว้เฉย ๆ เลย ตรงที่แปลเนื้อเพลง เลยไม่ได้เขียนอะไรเพิ่ม (ยกเว้นคำสุดท้ายที่มีความหมายอยู่) แต่ในตัวคำก็มีความหมายที่ใช้บ่งบอกเกี่ยวกับเนื้อหาอยู่ เลยนำมาเขียนขยายความตรงนี้อีกทีฮะ โดยอาจมองได้ว่า ความสวยงามของธรรมชาติ ที่ผู้แต่งจงใจใช้เทคนิคเพื่อสื่อให้คนฟังรู้สึกถึง ก็เป็นอีกสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถซื้อมาบริโภคได้นั่นเอง


    ⋄⊱ ท่อนที่ 2 ⊰⋄


    ในท่อนถัดมา มีการเปลี่ยนเรื่องเป็น 'คุณค่าหรือราคาสินค้า' ในความคิดของผู้เขียนบทความ เขาคิดว่าจริง ๆ แล้วตัวเราเนี่ย จริง ๆ ก็มีคุณค่าจากการที่ได้รับการยอมรับจากใครสักคนไม่ใช่หรือ จิตใจเราเลยคล้ายเป็นสิ่งของที่มีราคา 15 เยน ถูกจัดเรียงอยู่บนชั้น และปราศจากคุณค่า หากไร้คนหันมามอง

    二割引の心は誰かが買うんだろうか

    หัวใจที่ลดราคายี่สิบเปอร์เซ็นต์จะมีใครสักคนซื้อไปไหมนะ



    ⋄⊱ ท่อนที่ 3 ⊰⋄


    ในท่อนสำคัญที่จะมาผูกกับท่อนที่ 1 และ 2 นั้น คุณค่าหรือราคาของจิตใจ ก็ได้ราคาถูกลงไปอีก ในทีวีที่ใคร ๆ ก็มองเห็นและรับรู้รูปร่างหน้าตาได้ง่าย ๆ ทำให้เกิดความต้องการที่จะซื้อได้สินค้าได้ในราคาดี ๆ เป็นยุคที่ไม่ต้องจ่ายไม่ต้องทำอะไรก็สามารถได้รับ ความหวัง ความต้องการได้ ยุคที่ก้มหน้าดูมือถือ ก็สามารถซื้อสิ่งที่ขาดหายไปได้ด้วยการแตะนิ้วบนหน้าจอ

    ニュースは希望のバーゲン

    ข่าวน่ะคือความหวังที่จะได้ลดราคา


    แต่นอกจากจะมีแต่ของที่เรายังขาดไปอยู่เต็มไปหมด และก็ใช่ว่าความหวังนี้จะถูกส่งไปถึงใครสักคนเป็นพิเศษซะเมื่อไหร่ พวกเราก็ได้แต่เหม่อมองข่าวในทีวี และรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้วตัวเราที่คอยแต่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปผ่านการบริโภคเนี่ย มีคุณค่าอะไรจริง ๆ หรือเปล่า



    ⋄⊱ ท่อนฮุครอง ⊰⋄


    และในท่อนนี้นี่เองค่ะที่เหมือนจะเป็นการย้ำประโยคจากฮุคแรก แต่พอมาถึงตรงนี้ ก็ทำให้รู้แล้วว่า สิ่งนี้ ที่เพลง foreshadow ไว้ก็คือ ความหวัง ที่กล่าวไปในท่อนที่ 3 และก็คือ ความหวังนี้ ในฮุครองนั่นเอง

    貴方だけ 貴方だけ

    แค่คุณ แค่คุณ

    この希望をわからないんだ

    ที่ไม่เข้าใจความหวังนี้


    โดยสำหรับ 'ฉัน' หรือบุคคลทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเพลง ก็คล้ายต้องการจะกล่าวว่า คุณเป็นความหวัง และรวมถึงจิตใจของคุณที่ถูกทิ้งอยู่ไว้บนชั้นนั้นก็เป็นสิ่งที่สวยงาม


    売れ残りの心でいい

    หัวใจที่เหลือทิ้งไว้บนชั้นนี่แหละดีแล้ว

    僕にとっては美しい

    สำหรับฉันแล้วมันช่างสวยงาม


    มาถึงตรงนี้ ก็อาจกล่าวได้ว่า 'คุณ' ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมบริโภคนิยมนี้ คล้ายไม่เข้าใจคุณค่าของตัวเองไปซะอย่างงั้น และเกิดความรู้สึกหวั่นไหวไปกับคุณค่าในตัวตนของคุณเองในขณะที่ดูข่าวในทีวี แต่ตัวเพลง ก็กล่าวปลอบประโลมกับคุณว่า "ถึงจะไม่เข้าใจอะไร แต่คุณน่ะ ก็เป็นความหวังของใครสักคนนะ (หรือก็คือ เป็นหัวใจที่ถูกทิ้งไว้บนชั้นก็ดีแล้ว) คนที่จะนึกถึงคุณน่ะ ต้องมีอยู่อย่างแน่นอน และในตัวคุณ ก็ยังมีความสวยงามที่บริสุทธิ์อย่างซากุระหรือก้อนเมฆอยู่นะ ไม่ใช่สินค้าที่มีคุณค่ามีราคาเพียงเท่านั้น"


    'คุณ' หรือผู้คนแต่ละคน ต่างก็มีบาดแผลของตัวเองอยู่ แล้วก็จะเป็นเรื่องที่ตัวเองเท่านั้นที่จะเข้าใจ แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ยังมีหวัง ด้วยการฮัมเพลงของคุณ ที่อาจจะช่วยเหลือใครสักคนได้


    貴方しか 貴方しか

    แค่คุณเท่านั้น แค่คุณเท่านั้น

    貴方の傷はわからないんだ

    ที่เข้าใจบาดแผลของคุณเอง


    และในท้ายสุด ก็มีการใช้มะกุระโกะโตะบะอีกรอบ โดยใช้ 冬籠り ซึ่งคำนี้ สามารถแปลว่า การจำศีลในฤดูหนาว ได้เช่นกัน เหตุใดคำนี้ถึงถูกนำมาเป็นคำสื่อถึงฤดูใบไม้ผลิได้นั้น จากตามคำอธิบายที่ได้ค้นดู ในมันโยชูได้กล่าวไว้ว่า เนื่องจากเป็นฤดูหนาวที่สัตว์จำศีลกันมาถึง ก็แสดงว่าใกล้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้วนั่นเองค่ะ!

    冬籠り* 春が先

    จำศีลในฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิมาถึง

    貴方の歌だけが聞こえる

    ได้ยินเพียงแค่เสียงเพลงของคุณ

    今、口遊む貴方だけ

    ในตอนนี้แค่คุณที่ฮัมเพลงกับตัวเอง


    ฤดูหนาวจบลง ดอกไม้เริ่มผลิบาน และฉันก็ได้ยินเสียงฮัมเพลงของคุณ
    ความจริงแล้วคุณนั้นสวยงาม และฉันก็เชื่อว่าคุณจะต้องเป็นความหวังของใครสักคนอยู่อย่างแน่นอน✨

    ก็จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ สำหรับ「風を食む/ヨルシカ」เพลงที่นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวถึงสังคมปัจจุบันที่การบริโภคของผู้คนไหลไปตามทุนนิยมจนคิดว่าเอาช้างชุบแป้งทอดมาฉุดก็คงเอาไม่อยู่แล้วจังหวะนี้ แต่ก็ยังได้เพลงนี้มาช่วยปลอบประโลมผู้คนที่เหนื่อยหน่ายไปกับการซื้อสิ่งต่าง ๆ เพื่อมาเติมเต็มตัวเอง ทำให้สุดท้ายแล้วก็ทำให้เรารู้สึกถึงความหวังขึ้นมา เย้ 


    ⩋⩋⩋ หากแปลผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ⩋⩋⩋


    อ้างอิง

    骨助. (ม.ป.ป.).【ヨルシカ/風を食む】歌詞の意味を徹底解釈!消費社会に疲れた現代人へ増える曲. สืบค้นจาก https://saluteproject.com/2020/10/10/kazewohamu/ 

    「冬ごもり」という言葉. (2551). สืบค้นจาก https://blog.goo.ne.jp/sinanodaimon/e/b3ed008ab84e3045139fd456b3c3c9aa

    MarSali. (2564). ヨルシカ「風を食む」消費社会を表現した文学的な歌詞に心が軽くなる!สืบค้นจาก https://utaten.com/specialArticle/index/5889

    อรรถยา สุวรรณระดา. (2562). ประวัติวรรณคดีญี่ปุ่น (3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

    ⪧ ติดตามศิลปินได้ที่ 

    Official Site: https://yorushika.com/

    Twitter@nbuna_staff

    Instagram: @yorushika_official_

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Miko Chan (@fb3226674217583)
เคยฟังเพลงนี้มาสักพักแล้วเพิ่งมีโอกาสได้มาอ่านบทความ ความหมายเพลงลึกซึ้งกว่าที่คิดมากๆเลยค่ะ สื่อถึงสังคมบริโภคนิยมได้อย่างแยบยลจนคนฟังไม่รู้ตัวเลย สุดยอดสมกับเป็นคุณ N-buna ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ!!
ohionunew (@ohionunew)
ขอบคุณสำหรับคำแปลและบทวิเคราะห์นะคะ เราชอบเพลงนี้มากเลย ดนตรีน่ารัก เสียงร้องก็ประทับใจ ไม่คิดว่าความหมายจะลึกซึ้งขนาดนี้ :)