**บทวิจารณ์นี้มีสปอยล์**
**บทวิจารณ์นี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น ซึ่งอาจเหมือนหรือไม่เหมือนกับของคุณก็ได้**
หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังผ่านๆ บนหน้าไทม์ไลน์เฟสไป ผมก็แบบ “เฮ้ย ! แปลกดีว่ะ” พล็อตแบบนี้ โลกที่ไม่มีความรัก มันจะเป็นไปได้หรอ วินาทีนั้นผมสนใจเนื้อเรื่องที่นาธาน ปาร์กเกอร์ ผู้แต่งเรื่องนี้เขียนเป็นอย่างมาก มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับผม
แต่มันก็สิ่งที่ค้านความอยากดูของผมขึ้นมาคือฉากหลังของเรื่องมันเป็นโลกอนาคต ภาพมันดูสว่างออกโทนฟ้าๆ ตลอดทั้งตัวอย่างผมก็เลยคิดว่าคงไม่น่าไปดูหรอก เพราะไม่ใช่แนวเท่าไร อีกทั้งมันยังดูเป็นหนังเงียบซะด้วย
และมันก็จริง เมื่อผมจับผลัดจับผลูไปดูแบบไม่ได้คิดล่วงหน้า หนังเรื่องนี้เป็นหนังเงียบ เงียบตั้งแต่อินโทรเข้าเรื่องจนจบเรื่อง และภาพก็ฟ้าสว่างตลอดทั้งเรื่องเช่นกันทุกอย่างในเรื่องขาวสะอาด ทั้งตัวอาคาร ชุดที่ทุกคนใส่ ห้องนอน สถานที่ต่างๆ เป็นระเบียบเรียบร้อยชนิดที่ว่าคุณไม่สามารถติดเชื้อโรคหรืออยู่ๆ จะเป็นภูมิแพ้กำเริบขึ้นมาได้แน่ๆพูดถึงเนื้อเรื่องของโลกที่ไม่มีความรัก ตั้งแต่ต้นเรื่องตัวหนังบอกกับเราเลยว่าโรคมีความรู้สึกหรือSOS เป็นโรคที่ร้ายแรงมากสำหรับโลกนี้ใครมีต้องได้รับการรักษาหรือร้ายแรงสุดต้องจบชีวิตลง และตัวพระเอกหรือ ไซลาส(นิโคลัส ฮอลท์) ก็ดันติดเชื้อซะนี่ เขาก็พยายามทุกวิถีทาง ทั้งไปหาหมอ กินยา เพื่อควบคุมความรู้สึกตัวเองจนไปเจอเข้ากับเพื่อนร่วมงานของเขา นีอา (คริสเต็น สจ๊วต) ที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาและแฝงตัวอยู่ในกลุ่มโดยไม่บอกให้ใครรู้
หนังดำเนินไปเรื่อยๆซึ่งผมคิดว่ามันเอื่อยเฉื่อยมาก หนังค่อยๆ แสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นของทั้งคู่ และทั้งคู่ก็ได้รู้จักกับกลุ่มคนที่แฝงตัวอยู่เหมือนกันและมีแผนที่จะหนีออกไปจากที่นี่ เมื่อทางการคิดยารักษาโรคขึ้นมาได้ แบบหายขาด (ประมาณกลัวว่าจะลืมกันไป)
แต่เหตุการณ์ก็พลิกเมื่อ นีอา ตั้งท้องขึ้นมา และโดนทางการจับตัวไปและกลุ่มเพื่อนเขาก็สลับตัวเธอกลับมาโดยแลกเปลี่ยนกับข้อมูลอีกคน แต่ไอพระเอกของเรามันก็ดันไม่อยู่กับที่ตามแผน ดันออกไปเดินเลิ่กลั่กขาดสติ เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อรู้ว่านางเอกตายแล้ว(จากข้อมูลที่โดนสลับ) ก็เกือบจะโดดตึกฆ่าตัวตายในขณะที่นางเอกก็รีบกลับมาหาพี่แกถึงห้อง พอพี่แกกลับห้องมานางเอกก็ต้องตกใจที่พี่แกไปฉีดวัคซีนมาเรียบร้อยแล้ว(เพราะคิดว่านางเอกตายแล้ว เลยอยากลืม) และเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก่อนมันจะออกฤทธิ์
แต่แล้ววันต่อมาพระเอกก็ยังยืนยันว่าจำเธอได้ จำแผนที่จะหนีไปด้วยกันได้ และยังจะทำ แต่แค่รู้สึกว่าตัวเองเคยรักนางเอกช่วงแรกก็เหินห่างแต่ในที่สุดก็กลับมาจำได้และรักเหมือนเดิม จบ ปึง !
ผมอาจจะคิดไกลเกินไปนะแต่ผมรู้สึกว่ามีคนที่คอยบงการพวกนี้ บงการให้มนุษย์ไม่มีความรู้สึกจะได้ทำอะไรได้ตามที่ตนต้องการ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ผมว่าหนังเรื่องนี้ขาดสภาพแวดล้อมรอบตัวมากเกินไป แต่อย่างไรก็ซะผมก็ยังคงชอบพล็อตของเรื่อง และคิดว่ามันก็ยังไม่ได้เหลวขนาดนั้น อย่างน้อยภาพก็สวย มุมกล้องดี สถานที่งดงาม ที่แอบขัดๆหน่อยก็เสียงตรวจข้อมือเวลาเข้าที่ทำงานแหละมั้ง ที่เด่นมากในเรื่อง ตึ้งง ตึ้งง ตึ้งง ! รู้สึกมันขัดแปลกๆ แต่พี่ เดรคดอร์มุส ผู้กำกับของเรื่องแกคงจงใจล่ะมั้ง
แต่ผมก็ยังอยากให้คนที่แวะเข้ามาอ่านบทความนี้ อ่านบทวิจารณ์(เรียกอย่างนั้นได้เปล่าไม่รู้นะ) ก็ลองไปดูกับตาตัวเองสักครั้ง สิ่งที่ผมพูดมันจะจริงหรือไม่จริง ตัวคุณเองที่ไปดูเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ สำหรับผมเรื่องนี้ผมให้ 6.5/10 คะเเนน
เเล้วคุณล่ะ คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in