เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
based on true stroryLa Pipe
หนังสือ 12 เล่ม กับโปรเจคการอ่านหนังสือเดือนล่ะ 1 เล่มให้ทันก่อนปีใหม่
  • สวัสดีทุกคนนน นี่ก็จะสิ้นปี 2017 แล้ว เป็นไง เหนื่อยกันมั้ยอ่ะ ... สำหรับเราคือโคตรเหนื่อย แต่ก็จะผ่านกันไปได้แล้วเนาะ

    เราเชื่อว่าในปี 2017 ที่ผ่านมาหลายๆคนคงสร้าง New Year Resolution ไว้บ้างไรบ้างแหละ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วเป็นไงกันบ้าง สำเร็จบ้างไหมไอพวกที่แบบ จะออกกำลังกาย จะเก็บเงิน จะเลิกบ่น บลาๆ นั่นล่ะก็ลองไปเ็คกับตัวเองดูนะ

    แต่สำหรับเราอันที่เราคิดว่าน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมสุดก็คือนี่ล่ะ "การอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเดินทางให้ได้เดือนล่ะเล่มก็ยังดี" อันนี้มั่นใจเลยว่าทำครบ เราเลยอยากาแบ่งปันประสบการณ์และอยากจะบอกว่าทำได้จริงๆ ถ้างั้นก็ไปอ่านกันเลยเนอะ

    1.New York First Time นิวยอร์กตอนแรกๆ


    เป็นครั้งแรกที่เราได้อ่านเล่มนี้เลย อันนี้ปกใหม่นะ คือเพิ่งจะมาอ่านไง เล่มนี้ได้เขียนถึงประสบการณ์ของผู้เขียนที่ไปเรียนต่อด้านการถ่ายภาพ(ป่ะวะ) ที่เมกา เห้ยยยยย คือตลกมากกกกกกก เอาจริงนี่คือเราอ่านแบบเพลินมาก จำได้ว่าตอนอ่านแล้วต้องเดินทางไปไหนมาไหนต้องพกติดตัวไว้ตลอดเลยอ่ะ ชอบสำนวนที่ตลก ชอบการเขียนที่ทำให้เห็นภาพถึงความยิ่งใหญ่ของมหานครนิวยอร์ก ถึงเซ็นทรัลพาร์ค ถึงไลฟสไตล์ ถึงวิถีชีวิตของคนมากขึ้น ที่สำคัญเราชอบตอนที่พี่เบ๊น (คนเขียน) บรรยายถึงเหตุผลของการซื้อหนังสือ ทำให้เราเข้าใจว่า newyorker ก็เป็นคนให้ความใส่ใจในสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกัน




    2.โตเกียวไม่มีขา
         
    มีใครเป็นแบบเราบ้างป่ะ เวลาเห็นชื่อหนังสือแปลกๆแล้วแบบ เอทำไมคนเขียนเขาตั้งแบบนี้วะ 5555555 เนี่ยๆ บอกตามตรงเลยที่ซื้อมาเนี่ยเพราะสงสัยและเราก็ถามตัวเองว่า เห้ยเอาจริงอ่อ จะซื้อจริงอ่อ แล้วก็ซื้อมา 555555 แต่บอกเลยว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน และเล่มนี้ทำให้เรากลายเป็นติ่งพี่เอ๋นิวกลมโดยปริยายไปเลยจ้า เล่มนี้ได้กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของพี่เขาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วได้มั้ง เมื่อโตเกียวยังมีแค่ดีสนีย์แลนด์อ่ะ แต่เป็นหนังสือที่จุดไฟเดินทางให้กับหลายๆคนได้แน่ หนึ่งในนั้นคือเรานี่แหละ


    3.กัมพูชาพริบตาเดียว

    และนี่ก็เป็นอีกเล่มนึงที่อยากให้อ่านเหมือนกันนะ คือเป็นการเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาคนเดียว ครั้งแรกของพีี่เอ๋ แว๊บแรกก็แบบอ่ะๆ ก็ไม่ได้ได้เอะใจในชื่อเท่าไรก็อ่ะๆเดี๋ยวอ่านๆไปก็คงรู้ แต่เล่มนี้เราได้มาจากตอนที่ไปซื้อในงานซื้อบัตร talk show 10ปี ของพี่เขามา เเล้วก็ได้ลายเซ็นต์ด้วย เรามาเอะใจตรงที่สาเห้ยทำไมพี่เขาเซ็นต์ว่า "ดูแลดอกกุหลาบดีๆนะครับ" เราก็งงว่ามันคืออะไรวะ ดอกกุหลาบ ทำไมต้องดูแล พี่ปลูกหรอ ? 5555555 แต่ตอนนี้เข้าใจดีแล้วล่ะว่าคืออะไร เราอบพาร์ทๆนึงว่า "หากเจ้าชายน้อยเลี้ยงดูสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น ตอนมันตายเขาคงเสียใจมาก เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบเหมือนกัน"


    4.สมองไหวในฮ่องกง

    ยอมรับเลยว่าอ่านแรกๆก็งงๆอ่ะ 555555555 คือด้วยความที่มันไม่ได้เป็นสไตล์การเขียนเล่าเรื่องแบบสองเล่มก่อนอ่ะ แต่เราก็ว่าสนุกดีนะ คืออ่านไปคิดไปอ่ะ ไม่ได้แบบอ่านระหว่างเดินทางไปๆมาๆแบบสองเล่มก่อนด้านบน จำได้ว่าเล่มนี้เป็นการเล่าการเดินทางไปฮ่องกงและก็ไปเจอกับผู้หญิงคนนึง แล้วก็ตามไปในแต่ละที่ นั้นแหละคือพาร์ทที่เราอบคือเราก็ลุ้นแบบเอ้าไปงต่ออ่ะ เอ้าสรุปแฟนป่ะเนี่ย เอ้าสรุปจะกลับไทยแล้วได้ยัง 55555555555 อะไรแบบนี้อ่ะ แต่พอคิดไปคิดมา เห้ย ! รึผู้หญิงคนนั้นมันคือความคิดขอเราหรือเปล่านะ


    5.ลากคุณชายไปอินเดีย 

    บอกตามตรงว่าเราตามพี่ปั้นมาตั้งแต่หนังสือเล่มเเรกเลย และพี่ปั้นก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้เราอยากออกไปเดินทาง ออกไปเจอโลกกว้าง ออกไปเจอโลกภายนอกว่าแบบมันดี มันแย่ มันเป็นยังไง เราว่าเอาจริงการเดินทางในรูปแบบของพี่ปั้นที่ดูเหมือนลุยๆ แต่จริงๆเราว่าการเดินทางของพี่ปั้นดูแบบมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่านั้น ทั้งเป็นการเล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวกับที่นั้น หรือของตัวเอง และสำนวนการเขียนที่แบบ เห้ยนี่คนเรียนวิศวะเขียนจริงดิ 555555


    6. Out In Africa

    เราว่าหนังสือที่เขียนประสบการณ์เกี่ยวกับแอฟริกานี่หาน้อยมากเลยนะ แต่ดีใจที่เจอเล่มนี้จากการแนะนำของเพื่อน ล่ะก็พบว่าเห้ยดีจริง เรื่องนี้เกี่ยวกับประสบการณ์ของนักการทูตที่ไปอยู่ที่เคนย่า เราเคยมีภาพในแอฟริกาในหัวว่าแบบเห้ยมันต้องแบบกันดารๆ มีแต่ซาฟารี ไรงี้ พออ่านจบล่ะแบบเห้ยแม่งมีห้าง มีสถานที่เจ๋งๆ คูลๆเยอะมาก 555555 เราอบการที่พี่เขาได้ใช้ชีวิตทั้งตามหน้าที่แบบนักการทูตแล้วเอามาเล่าให้ฟังด้วยว่า มันไม่ได้ง่าย หรู ดูดีไปซะหมดแบบนี้เราๆเข้าใจ งานกรรมกร งานบ้งงานบ้านก็ต้องทำว่ะ 5555


    7.Hokkaido Summer 

    ถ้าใครไม่รู้จักโครงการ Wwoof มากกองรวมกันตรงนี้ 555555 เราก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ เล่มนี้ผู้เขียนได้เล่าถึงประสบการณ์ไปอยู่ญี่ปุุ่น ทำไร่ไถนา แบบทำสวนกับชาวญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 3 เดือนโดยประมาณ เห้ยเราว่าคือเจ๋งมากๆเลยนะ อะไรคือการที่ไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อะไรแบบนี้เราว่าอันนี้คือของจริงอ่ะ แล้วรูปสวยมาก การเล่าเรื่องดูแบบค้ลายๆกับการอ่านไดอารี่ของใครบางคนหน่ะ


    8.สองเงาในเกาหลี

    ถ้าใครเคยดูหนังเรื่องกวนมินโฮมาแล้ว คงคุ้นๆกันมั้ย แต่เราจะบอกเลยว่าอันนี้ไม่เหมือนกันซะทีเดียวขนาดนั้น สำหรับเรา เราว่าในนี้้ดูโรแมนติกมากกว่านะ ดูจากการเขียนคงคนเขียนแล้วบรรยายความรู้สึกได้ละเอียดดีอ่ะ แบบเราอ่านจนเราอินตามเลย รู้สึกแบบทั้งบรรยาย หิมะ ความหนาว แสงไฟ คือมันเป้นอะไรที่เป็นองค์ประกอบให้คนสองคนหันมารู้จักกันแบบไม่รู้จักกันอ่ะ งงป่ะ งั้นก็ไปอ่านเหอะจะได้ไม่งง


    9.Paris Syndrome 

    เราอ่านหนังสือเกี่ยวกับปารีส หรือหนังสือเกี่ยวกับฝรั่งเศสมาเยอะมากๆ แต่เราไม่เคยเจอเล่มไนเหมือนเล่มนี้เลยอ่ะ คือแบบนอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆเเล้ว เรายังได้มุมมองใหม่ๆแต่ในแบบเดิมๆที่คุ้นเคยจากหนังสือเล่มนี้ด้วยนะ อีกทั้งเราชอบตอนไปเที่ยวตามรายละเอียดหนังที่เกีียวข้องกับปารีสด้วยอ่ะ เห้ยคือดี งั้นยกให้เป็นหนังสือที่ชอบเกี่ยวกับปารีสที่สุดของเราไปเลย


    10.Wanderboy

    เราเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับพวกประเทศ เนเธอร์แลนด์ และก็พวกเดนมาร์ก หรือไรแถบๆนี้มาบ้างแล้ว แต่เราว่าเล่มนี้ก็มีอะไรที่ต่างออกไปอ่ะ คือนอกจากจะเล่าการเดินทางแล้ว เราชอบบทสนทนาการของพี่แชมป์กับเพื่อนร่วมทางอีกคนอ่ะ (ไม่บอกนะใครไปหาอ่านเอาเองดีกว่า) คือเหมือนมันได้คิดผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปกับพี่ๆเขาด้วยอ่ะ แต่ตัวเราอยู่บนเตียงนอนด้วยอ่ะ อ้อแถมภาพสเก็ตสวยด้วยนะ


    11.ลาวและนาย

    เห้ย ชื่อเก๋ดีว่ะ ที่หยิบก็เพราะชื่อเรื่อง(อีกแล้วหรอ 5555) ในเล่มนี้สิ่งที่เจ๋งนอกจากจะเป็นการตั้งชื่อและการเขียนแล้ว ยังเป็นการขับมอไซค์แม่บ้านไปเที่ยวลาวเดือนนึงด้วยเด้ออ โว้ยยยย คือแบบเห้ยจริงดิ สุดยอดดดดดด พาร์ทที่ชอบและลุ้นสุดคือตอนไม่มีที่จะนอนแล้วและไปการเต้นท์อ่ะ ล่ะแบบตรงนั้นเหมือนเป็นสุสานหรือวัดเนี่ยแหละ หูววว ลุ้นสุดอ่ะ



    12.Bon En Voyage 

    ในเมื่อเป็นเล่มสุด้ทายแล้วก็จะเลือกไม่ค่อยได้ว่าว่าแบบ เห้ย ล่ะจะเอาเล่มไหนดี อ่ะงั้นเอาเป็นรวมๆประเทศไปก็เเล้วกันนะ 555555 พีคเวอร์ ล่ะสรุปก็ได้เล่มมา คือถ้าใครชอบการท่องเที่ยวแบบ แรดๆ แบบจิกกัดๆ อันนี้ตอบโจทย์สุดพลัง เราชอบตรงที่ไปนไหนที่คนเขาไม่ค่อยจะไปกันอ่ะ เช่นแบบ แองโกล่า หืม...มันมีประเทศนี้ด้วยหรอวะ หรือเกาะบอร่า บอร่า อ่ะละมันมีอะไร ...... ไม่บอกไปอ่านเอาเอง 5555555


    เราว่าการตั้งเป้าหมายในปีนี้ำหรับการอ่านหนังสือนี่คือดีมากเลยอ่ะ เอาจริงคือเราจะไม่มีความรู้อะไรไปให้ตามรอยเลยถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเดินทาง รู้สึกเหมือนปี 2017 นี่ไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไรก็เลยอ่านหนังสือเดินทางแทนเอาแล้วกัน เพราะต้องเรียยนต่อพอแล้วก็เพิ่งเรียนจบยังไม่ได้ทำงานอะไร แต่ในความน่าเบื่อพวกนั้นก็มีหนังสือพวกนี้แหละที่อ่านแล้วไม่เบื่อในทุกๆคืนก่อนนอน สำหรับปี 2018 ก็อยากจะอ่านหนังสือใหม่ๆ ที่เป็นความรู้บ้างไรบ้าง ...... ถ้าใครจะทำตามก็ไม่ว่ากันนะ ลองดูๆ 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in