เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สิงคโปร์กับฟิล์ม 6 ม้วนSor Winchester
ม้วนที่ 1 : Fuji Superia Premium 400


  • ทริปนี้เราเดินทางออกจากประเทศผ่านสนามบินดอนเมือง
    และเป็นครั้งแรกเลยที่บินต่างประเทศที่นี่
    จำได้ว่าวันนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย  เพราะบินไฟลท์เย็น ไปถึงสิงคโปร์ก็ค่ำๆ
    ทำทุกอย่างตามปกติ  บ่ายๆก็ออกมาสนามบิน  ตั้งใจว่าหาอะไรกินก่อน (เพราะไม่ได้สั่งอาหารบนเครื่อง)
    วันนั้นดอนเมืองคนเยอะมาก  เคาน์เตอร์เช็คอินฝั่งระหว่างประเทศเดิมก็รู้สึกว่าคับแคบอยู่แล้ว
    พอคนเยอะ ๆ ก็รู้สึกอึดอัด  อยากเช็คอินแล้วรีบ ๆ เข้าไปข้างใน  แต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะมาเร็วเกินไป
    เลยนั่งแกร่วอยู่แถวนั้นสักพักนึง


    เท่าที่กวาดสายตามองผ่าน ๆ สตาร์บัคแทบไม่มีที่นั่งว่าง 


    เช็คอินเสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในเพื่อหาอะไรรองท้องก่อน
    คนพลุกพล่านมาก  รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่  และเท่าที่มองดูเกินครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน  



    ครั้งนี้บินกับ Scoot 
    เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่บินกับนกเหลือง  
    ซึ่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างหนาหูมากเกี่ยวกับชื่อเสียของสายการบินนี้
    แต่เราน่าจะโชคดีในระดับนึงที่ไม่เจอปัญหาอะไรเลย  ไม่ดีเลย์  ไม่แคนเซิล
    แค่นี้ก็บุญแล้ว...


    นั่งเครื่องแป๊บเดียวก็ถึงสิงคโปร์แล้ว  มาถึงตอนค่ำแล้ว  ระหว่างนั่งรถไฟเข้าเมืองก็ไม่ได้ยกกล้องฟิล์มออกมาถ่ายเลย  เพราะง่วง  และกลางคืนแสงมันน้อย  มองๆแล้วคงไม่น่าจะได้ภาพเท่าไหร่  เลยคิดว่าจะเริ่มต้นพรุ่งนี้เช้าเลย


    เราพักที่โรงแรมแถว Bugis  ลองกดชัตเตอร์ผ่านกระจกห้องนอนสักรูป
    ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ทันคิดว่าเขาติดฟิล์มกรองแสงเอาไว้  รูปออกมาเลยเหลืองอ๋อยเหมือนถ่ายผ่านเหยือกเบียร์


    เดินออกมาหน้าโรงแรม  แสงสว่างกลางวันทำให้เห็นว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยสีเขียวเหมือนที่เคยเห็นจากหนังสือ  อินเตอร์เน็ต  ทีวี  (สื่อทุกแขนงก็ว่าได้)  
    ทางเท้าก็เดินสบาย  แถมยังร่มรื่น  แต่ดูเหมือนอากาศจะไม่เป็นใจเพราะท้องฟ้าขมุกขมัวแบบฝนพร้อมจะเทตลอดเวลา




    ความประทับใจต่อมาคือจอบอกสถานะของรถไฟฟ้าที่นี่แหละ
    มีอีโมจิบอกอารมณ์  สายนี้ปกตินะ  เชิญพวกเธอเดินทางกันได้ตามสะดวก
    ถ้า BTS หรือ MRT บ้านเรามีแบบนี้บ้างจะเป็นยังไง  จะเป็นอีโมหัวร้อนซะเป็นส่วนใหญ่หรือเปล่า


    พอลงมาชั้นชานชาลา  บรรยากาศดูคล้าย ๆ MRT บ้านเรา  เห็นคนใส่ชุดทำงานเดินไปเดินมา




    เช้านี้รองท้องกันด้วยอาหารเช้าจากโรงแรม  เพราะง่าย  มีให้เลือกหลากหลาย  อิ่มท้อง  ประหยัดด้วย 
    แต่ยังไม่ได้กาแฟดี ๆ เลยคิดว่าต้องไปโดนร้านกาแฟของสิงคโปร์สักหน่อย  ดูจากรีวิวมีร้านน่าสนใจเยอะ
    เลยไปเริ่มต้นกันที่ Tiong Bahru ที่เคยเห็นคนรีวิวประมาณว่าคล้าย ๆ ซอยอารีย์บ้านเรา


    เดินออกจากสถานีมาก็เจอตู้ขายหนังสือพิมพ์อัตโนมัติ  ประทับใจ  ขอสักรูปหน่อย
    ตอนแรกกะจะหยอดเอามาสักฉบับเพราะอยากเล่นแต่ฝนปรอยเบา ๆ และตอนนี้ก็พะรุงพะรังพอแล้ว  เลยเปลี่ยนใจ




    ทางเดินโล่ง ๆ และทางม้าลายน่ารัก ๆ แบบที่ซอยอารีย์บ้านเราไม่มี 555555


    เดินผ่านร้าน Book Actually ที่ตั้งใจจะแวะ  แต่ตอนนั้นร้านยังไม่เปิด  ขอพี่ได้กาแฟก่อนแล้วจะแวะมา
    เห็นน้องแมวออกมาโผล่ดู  อาจจะตั้งใจมาบอกมนุษย์ว่าร้านยังไม่เปิดนะ  รอแป๊บ


    ร้านแรกที่ประเดิมคือ Plain Vanilla Bakery 
    จากรีวิวบอกเอาไว้ว่าร้านนี้ดังเรื่องคัพเค้ก  เลยสั่งมากันคนละชิ้น  พร้อมเครื่องเดิม  ของเราสั่งลาเต้ร้อน (ปลอดภัยไว้ก่อน)



    ส่อง ๆ ดูในร้านแสงน้อย  เลยชวนแม่กับพี่ออกมานั่งข้างนอก  อากาศไม่ร้อน  แต่ก็ไม่ค่อยสบายตัวนักเพราะความชื้นสูง
    ประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรก็แบบนี้แหละเนอะ...



    คัพเค้กกินไปคำแรกก็ว้าวดี  อร่อย  แต่สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามันหวานไป  เริ่มกินไม่ไหว  
    แต่คัพเค้กส่วนใหญ่มันก็แบบนี้ใช่ไหมนะ  เกิดมายังไม่เคยกินคัพเค้กหวานน้อยเลย
    หรือเราอาจจะไม่เชี่ยวชาญวงการคัพเค้ก  คิดว่าคราวหน้าถ้าได้มาอีกก็คงจะสั่งแต่กาแฟมั้ง ;-;


    พอมองไปอีกด้านจะมีน้ำเปล่าตั้งไว้ให้บริการตามแบบฉบับของร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป


    ตอนแรกข้างนอกไม่ค่อยมีใครนั่งเลย  แต่หันไปอีกทีคนก็เริ่มเยอะแล้ว  
    มีทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ  และมีทั้งมานั่งชิลและมานั่งทำงาน  



    บทสรุปของม้วนนี้ก็ให้ภาพที่เราพอใจ  เนียน  คม  ดู "พรีเมียม" ตามกล่องอยู่นะ
    แต่ราคาก็สูงกว่า Fuji X-tra 400 ตัวโปรดของเรา  เลยคิดว่าถ้าเงินเหลือ ๆ ค่อยเล่นตัวนี้อีก :D 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in