ทริปนี้เราเดินทางออกจากประเทศผ่านสนามบินดอนเมือง
และเป็นครั้งแรกเลยที่บินต่างประเทศที่นี่
จำได้ว่าวันนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เพราะบินไฟลท์เย็น ไปถึงสิงคโปร์ก็ค่ำๆ
ทำทุกอย่างตามปกติ บ่ายๆก็ออกมาสนามบิน ตั้งใจว่าหาอะไรกินก่อน (เพราะไม่ได้สั่งอาหารบนเครื่อง)
วันนั้นดอนเมืองคนเยอะมาก เคาน์เตอร์เช็คอินฝั่งระหว่างประเทศเดิมก็รู้สึกว่าคับแคบอยู่แล้ว
พอคนเยอะ ๆ ก็รู้สึกอึดอัด อยากเช็คอินแล้วรีบ ๆ เข้าไปข้างใน แต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะมาเร็วเกินไป
เลยนั่งแกร่วอยู่แถวนั้นสักพักนึง
เท่าที่กวาดสายตามองผ่าน ๆ สตาร์บัคแทบไม่มีที่นั่งว่าง
เช็คอินเสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในเพื่อหาอะไรรองท้องก่อน
คนพลุกพล่านมาก รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ และเท่าที่มองดูเกินครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน
ครั้งนี้บินกับ Scoot
เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่บินกับนกเหลือง
ซึ่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างหนาหูมากเกี่ยวกับชื่อเสียของสายการบินนี้
แต่เราน่าจะโชคดีในระดับนึงที่ไม่เจอปัญหาอะไรเลย ไม่ดีเลย์ ไม่แคนเซิล
แค่นี้ก็บุญแล้ว...
นั่งเครื่องแป๊บเดียวก็ถึงสิงคโปร์แล้ว มาถึงตอนค่ำแล้ว ระหว่างนั่งรถไฟเข้าเมืองก็ไม่ได้ยกกล้องฟิล์มออกมาถ่ายเลย เพราะง่วง และกลางคืนแสงมันน้อย มองๆแล้วคงไม่น่าจะได้ภาพเท่าไหร่ เลยคิดว่าจะเริ่มต้นพรุ่งนี้เช้าเลย
เราพักที่โรงแรมแถว Bugis ลองกดชัตเตอร์ผ่านกระจกห้องนอนสักรูป
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ทันคิดว่าเขาติดฟิล์มกรองแสงเอาไว้ รูปออกมาเลยเหลืองอ๋อยเหมือนถ่ายผ่านเหยือกเบียร์
เดินออกมาหน้าโรงแรม แสงสว่างกลางวันทำให้เห็นว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยสีเขียวเหมือนที่เคยเห็นจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต ทีวี (สื่อทุกแขนงก็ว่าได้)
ทางเท้าก็เดินสบาย แถมยังร่มรื่น แต่ดูเหมือนอากาศจะไม่เป็นใจเพราะท้องฟ้าขมุกขมัวแบบฝนพร้อมจะเทตลอดเวลา
ความประทับใจต่อมาคือจอบอกสถานะของรถไฟฟ้าที่นี่แหละ
มีอีโมจิบอกอารมณ์ สายนี้ปกตินะ เชิญพวกเธอเดินทางกันได้ตามสะดวก
ถ้า BTS หรือ MRT บ้านเรามีแบบนี้บ้างจะเป็นยังไง จะเป็นอีโมหัวร้อนซะเป็นส่วนใหญ่หรือเปล่า
พอลงมาชั้นชานชาลา บรรยากาศดูคล้าย ๆ MRT บ้านเรา เห็นคนใส่ชุดทำงานเดินไปเดินมา
เช้านี้รองท้องกันด้วยอาหารเช้าจากโรงแรม เพราะง่าย มีให้เลือกหลากหลาย อิ่มท้อง ประหยัดด้วย
แต่ยังไม่ได้กาแฟดี ๆ เลยคิดว่าต้องไปโดนร้านกาแฟของสิงคโปร์สักหน่อย ดูจากรีวิวมีร้านน่าสนใจเยอะ
เลยไปเริ่มต้นกันที่ Tiong Bahru ที่เคยเห็นคนรีวิวประมาณว่าคล้าย ๆ ซอยอารีย์บ้านเรา
เดินออกจากสถานีมาก็เจอตู้ขายหนังสือพิมพ์อัตโนมัติ ประทับใจ ขอสักรูปหน่อย
ตอนแรกกะจะหยอดเอามาสักฉบับเพราะอยากเล่นแต่ฝนปรอยเบา ๆ และตอนนี้ก็พะรุงพะรังพอแล้ว เลยเปลี่ยนใจ
ทางเดินโล่ง ๆ และทางม้าลายน่ารัก ๆ แบบที่ซอยอารีย์บ้านเราไม่มี 555555
เดินผ่านร้าน Book Actually ที่ตั้งใจจะแวะ แต่ตอนนั้นร้านยังไม่เปิด ขอพี่ได้กาแฟก่อนแล้วจะแวะมา
เห็นน้องแมวออกมาโผล่ดู อาจจะตั้งใจมาบอกมนุษย์ว่าร้านยังไม่เปิดนะ รอแป๊บ
ร้านแรกที่ประเดิมคือ Plain Vanilla Bakery
จากรีวิวบอกเอาไว้ว่าร้านนี้ดังเรื่องคัพเค้ก เลยสั่งมากันคนละชิ้น พร้อมเครื่องเดิม ของเราสั่งลาเต้ร้อน (ปลอดภัยไว้ก่อน)
ส่อง ๆ ดูในร้านแสงน้อย เลยชวนแม่กับพี่ออกมานั่งข้างนอก อากาศไม่ร้อน แต่ก็ไม่ค่อยสบายตัวนักเพราะความชื้นสูง
ประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตรก็แบบนี้แหละเนอะ...
คัพเค้กกินไปคำแรกก็ว้าวดี อร่อย แต่สักพักก็เริ่มรู้สึกว่ามันหวานไป เริ่มกินไม่ไหว
แต่คัพเค้กส่วนใหญ่มันก็แบบนี้ใช่ไหมนะ เกิดมายังไม่เคยกินคัพเค้กหวานน้อยเลย
หรือเราอาจจะไม่เชี่ยวชาญวงการคัพเค้ก คิดว่าคราวหน้าถ้าได้มาอีกก็คงจะสั่งแต่กาแฟมั้ง ;-;
พอมองไปอีกด้านจะมีน้ำเปล่าตั้งไว้ให้บริการตามแบบฉบับของร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป
ตอนแรกข้างนอกไม่ค่อยมีใครนั่งเลย แต่หันไปอีกทีคนก็เริ่มเยอะแล้ว
มีทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ และมีทั้งมานั่งชิลและมานั่งทำงาน
บทสรุปของม้วนนี้ก็ให้ภาพที่เราพอใจ เนียน คม ดู "พรีเมียม" ตามกล่องอยู่นะ
แต่ราคาก็สูงกว่า Fuji X-tra 400 ตัวโปรดของเรา เลยคิดว่าถ้าเงินเหลือ ๆ ค่อยเล่นตัวนี้อีก :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in