เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Music speaks for me.puroii
รีวิว: Retrograde ค้นหาชีวิตหลังความตายไปกับ Crown The Empire

  • Crown The Empire

    Official site| Facebook | Twitter | Instagram


    ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อน

    1. นี่เป็นการรีวิวโดยคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเมทัลคอร์ มีเพียงใจรักในเสียงเพลงที่ขับเคลื่อนให้เขียนบทความออกมา

    2. เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล

    3. หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด รบกวนบอกเราด้วย จะได้นำมาแก้ไขให้ถูกต้อง

    ____________________________________


    มาเท้าความกันสักนิด สำหรับคนที่ไม่เคยรู้จัก Crown The Empire มาก่อน พวกเขาคือวงเมทัลคอร์ (metalcore) / โพสต์ฮาร์ดคอร์ (post-hardcore) จากอเมริกาที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 และมีสังกัดอยู่ใน Rise Records (สังกัดเดียวกับ Of Mice and Men, PVRIS, Issues และ Memphis May Fire)

    ผลงานที่ผ่านมา: Limitless EP (2011) ตามมาติด ๆ ด้วยอีก 2 อัลบั้ม The Fallout (2012) และ The Resistance : Rise of the Runaways (2014) ผลงานทีเด็ดที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคงเป็น Payphone (ถูกแล้ว มันคือเพลงของ Maroon 5) ที่พวกเขานำมาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบเมทัลคอร์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

    จุดเด่นของวงนี้อยู่ที่พวกเขามีนักร้องนำถึง 2 คนด้วยกัน! โดยมีแอนดี้ ลีโอ (Andy Leo) ร้องเสียงคลีน (clean vocal) และเดวิด เอสคามิลลา (David Escamilla) ร้องสครีมโมหรือการว้ากเป็นหลักนั่นเอง สมาชิกคนอื่น ๆ ได้แก่ แบรนดอน ฮูเวอร์ (Brandon Hoover) มือกีตาร์ เฮเดน ทรี (Hayden Tree) มือเบส และเบรนท์ แทดดี้ (Brent Taddie) ทำหน้าที่เป็นมือกลอง

    เรารู้จักวงนี้จากน้องที่รู้จักในทวิตเตอร์ ตอนแรกก็ไม่คุ้นเคยเท่าไรเพราะไม่ใช่แนวถนัด แต่พอฟัง ๆ ไปแล้ว เฮ้ย! มันเจ๋งจริง วงใส่ใจอะไรหลายอย่าง พวกเมโลดี้และองค์ประกอบของเพลงลงตัวดีเลยพูดตามตรงเสียงแอนดี้ดูไม่เหมือนคนที่จะร้องเพลงแนวนี้ ถ้าไปแนวป็อปหรือร็อคตลาดทั่วไปคงไปไกลเหมือนกัน แต่ด้วยเสียงที่ไม่เหมือนใครแบบนี้นี่แหละที่ทำให้กลายเป็นสุดเด่น ยิ่งมีเดฟที่เสียงทุ้มต่ำมาร่วมร้องและว้ากให้ ยิ่งทำให้ภาพรวมมันชัดเจนขึ้น เหมือนเจอจิ๊กซอว์ที่เข้ากันได้ยังไงยังงั้น

     

    Retrograde (2016)

    Release date : 22 กรกฎาคม 2016


    "นี่ไม่ใช่แค่ผลงานใหม่จากพวกเรา แต่มันคือจุดสูงสุดของการเติบโต ความก้าวหน้า และการตรากตรำตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ที่ผ่านมาพวกเราไม่ได้แสดงผลงานดนตรีในรูปแบบที่คิดว่าควรจะเป็น วงดนตรีหลายวงคงไม่กล้าที่จะยอมรับมัน แต่เรารู้ตัวว่าทำได้ดีกว่านั้น และที่สำคัญยิ่งกว่า พวกเราได้เสาะหาความหมายที่ถูกต้องในการเขียนเพลงขึ้นมา Retrograde คือคำตอบ และเราทนไม่ไหวที่จะแบ่งปันกับคุณ รักมัน เกลียดมัน ไม่ได้สำคัญ พวกเราขอบคุณที่คุณมีความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา"


    Retrograde เป็นอัลบั้มที่ 3 และเป็นผลงานชิ้นที่ 4 ของพวกเขา วันนี้เราจะมาพูดถึงแต่ละแทร็คกัน

         1.  SK-68 | เป็นอินโทรเปิดสั้น ๆ แค่ 1.41 นาทีที่เราฟังแล้วรู้สึกเหมือนเห็นภาพเด็กวิ่งเล่นในสนามหญ้าโดยมีฉากหลังเป็นโบสถ์ เริ่มด้วยเสียงใส ๆ ของเปียโนประกอบกับซาวน์จากคีย์บอร์ด บรรเลงเบา ๆ  แล้วค่อยเสริมด้วยเสียงคอรัสที่ฟังเหมือนกลุ่มนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ เชิญชวนให้เราเดินทางร่วมกับพวกเขาด้วยคำพูดว่า

    “Walk with me tonight.

    Walk with me tonight.

    To find what's after life.”


         2.  Are you coming with me? | เป็นเพลงบิ้วท์อารมณ์ให้ออกเดินทางค้นหาคำตอบโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรอยู่ข้างหน้า เราชอบท่อน What a life, what a fucked up lovely home แอนดี้ร้องตรง fucked up ได้อารมณ์ดี ชอบตรงที่ร้องกระซิบก่อนมาแผดเสียง So are you coming with me? ด้วย เป็นเพลงที่เหมาะกับการโยกหัวและตะโกนร้องตามในคอนเสิร์ต เหมาะกับการเล่นเปิดไลฟ์อะไรพวกนี้มาก


         3. Zero | เพลงที่วงปล่อย MV ออกมาให้ดูกันเป็นเพลงแรก จะถือเป็นเพลงโปรโมทอัลบั้มเลยก็ว่าได้ เราชอบเสียงคลีนของแอนดี้มาก มันสูงแหลมแบบมีพลัง โคตรจะลงตัวกับเสียงสำรอกของเดฟที่แหบและหนา ดนตรีเพลงนี้เริ่มแน่นขึ้นมากว่าเพลงที่แล้ว เนื้อหาพูดถึงการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ กระตุ้นให้เรากล้าที่จะเริ่มต้นโดยไม่ลังเล

         ปล. เราไม่ค่อยชอบ MV เพลงนี้ มันมีนอยซ์และฟิลเตอร์มากมาย (ถึงจะรู้ว่าตั้งใจ) แต่ตลกเด็กที่แสดงเป็นแอนดี้ในวัยเยาว์ที่อุตส่าห์แปะไฝเอกลักษณ์ไว้ด้วย 5555


    4.   Aftermath  | และนี่คือ “ผลที่ตามมา” เพลงนี้กลับมาเบาลงอีกครั้ง ทำนองช้า ๆ แต่เมโลดี้ท่อนฮุกฟังแล้วติดหูดี ว้ากมีแค่ท่อนท้ายไม่มาก เน้นเสียงใส ๆ ของแอนดี้เป็นหลัก

    “My scars are closing.

    My heart is open.

    I am not afraid.”


    5.   Hologram  | เพลงนี้ชอบ MV มากกกกก cinematography สวยเหลือเกิน ประทับใจ ชอบโทนส้ม ๆ และการแต่งตัวกุ๊กกิ๊กสดใสกับจังหวะแด๊นซ์ของหนุ่ม ๆ วงฮาร์ดคอร์ โอเค กลับมาที่เพลง ตอนแรกที่ฟังรู้สึกไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ แต่พอฟังอีกครั้ง เฮ้ย! มันดี ชอบที่ใส่เสียงคอรัส+เสียงผู้ประกาศข่าวก่อนท่อนบริดจ์เริ่ม รู้สึกมีเรื่องราว เพลงนี้เหมือนพวกเขากำลังกลัวว่าสิ่งที่เริ่มต้นทำมันแน่ใจได้แล้วเหรอ กังวลว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่า



    6.   The Fear Is Real | เพลงนี้เป็น instrumental สำหรับพักครึ่ง ยาว 3.24 นาที เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกหวาดระแวง บรรยากาศไม่น่าไว้ใจ เหมือนมีอันตรายอยู่รอบกาย ยิ่งตอนช่วงกลางเพลงมันบิ้วท์จนนึกว่าหนังผี เป็นเพลงที่ creepy มากสำหรับเรา (คำชม)


    7.   Lucky Us | เปิดมาด้วยพาวเวอร์คอร์ดแน่น ๆ ให้ความรู้สึกทรงพลัง เราว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่หนักสุดในอัลบั้มแล้ว ใครชอบว้ากเยอะ ๆ และเสียงเดฟ เอสคามิลลา คุณต้องชอบเพลงนี้แน่นอน เป็นเพลงเด็ดที่มีเดฟเป็นตัวประกอบหลัก


    8.   Weight of the World | หูย เพลงนี้แค่อินโทรกับท่อนแรกที่ฟังก็ชอบแล้ว เสียงร้องของเดฟเวิร์สแรกดีมากกกกกกกกกกกกกกก ชอบเสียงคลีนและวิธีร้องของเขา มันเป็นผู้ใหญ่กว่าของแอนดี้ ไม่ได้บอกว่าของใครดีหรือไม่ดีนะ แต่เราถูกกับวิธีร้องแบบเน้นคำกับกระชากนิด ๆ ของเดฟ เราชอบจังหวะกลองเพลงนี้มากด้วย โดยเฉพาะตอนเวิร์ส 2 ที่เบรนท์รัว bass drum ฟังแล้วเร้าอารมณ์ดี เรารู้สึกว่าไลน์ดนตรีเพลงนี้เท่มาก ดูมีรายละเอียดและลูกเล่นเยอะดี ชอบ



    9.   Signs of Life | เพลงนี้ก็ดร็อปความแรงลงมา มีการใช้อะคูสติกกีตาร์ร่วมด้วย เราฟังแล้วเฉย ๆ นะ ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ 


    10.   Oxygen | เราว่าเพลงนี้คงเป็นเพลงที่เบาที่สุดในอัลบั้มแล้วแหละ มีคอรัส ผสมกับการมิกซ์ที่ใส่ reverb เยอะหน่อย คิดว่าตั้งใจทำให้รู้สึกลอย ๆ เหมือนกับ "ออกซิเจน" ถือเป็นเพลงช้าที่ให้ฟีลเหมือนฟังเพลงป็อป


    11.   Kaleidoscope | เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกอิเล็กโทรพอสมควรและอลังการสมเป็นเพลงปิด ชอบเนื้อร้องและเอาท์โทร เราว่ามันเฟดจบอัลบั้มได้ดี ทำให้คนฟังพึงพอใจและไม่รู้สึกค้างคาอะไรหลังฟังมาถึงตรงนี้


    "Say hello to the night.
    Let order and chaos fill your eyes.
    Brave the fear in your mind.
    Walk into the afterlife."



    สรุป

    ฮาร์ดคอร์สุด : Lucky Us

    ซอฟต์สุด : Oxygen

    ชอบสุด : Weight of the World

    ติดหูสุด : Weight of the World

    ความประทับใจ : ปกอัลบั้มสวยมาก!

    ความฟังยาก : ★★☆☆☆

    ความคุ้มค่า : ★★★★★



    ก่อนไปขอทิ้งภาพไว้เตือนใจ

    วงเมทัลน่ากลัวใช่ไหมล่ะ ถึงกับจะฆ่าแกงกันบนเวทีเลยทีเดียว

    ป่าเถื่อนจริง ๆ อิ_อิ


    สามารถไปพูดคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์ @PuRoii

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in