40/2016
ลับแล แก่งคอย
อุทิศ เหมะมูล
--------------------------------
"อุดมคติก็แค่เงาที่ไม่สะทกสะท้าน ปิดซ่อนและบิดพลิ้ว และสามานย์ในบางครั้ง เป็นรยางค์หนึ่งที่ความเป็นจริงไหน ๆ ก็มีตามธรรมดาสามัญ เป็นเพียงเงา มันเดินตามหลังความจริงต้อย ๆ มีบางจังหวะเท่านั้นที่ความเป็นจริงอุ้มแบกความจำเป็นไว้ในอ้อมอก อุดมคติก็แสร้งทำว่ามันแขนด้วน เป็นไปไม่ได้ที่มันจะแบกอะไรไว้ ความสง่างามของอุดมคติคือแสดงให้เห็นว่าบางจังหวะมันไม่ได้ปกปิดมิดเม้มอะไร"
ในกองหนังสือที่ยังไม่อ่าน บนทางเดินอักษรที่ไม่มีวันจบสิ้นนั้น เกิดภาวะบางอย่างที่จุกเสียด ผมเปิดตู้กลุ่มหนังสือที่ผ่านตามาแล้ว พลางสะดุดเข้าที่ "ลับแล แก่งคอย" นิยายเล่มแรกของคนไทยที่ผมอ่าน(ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยอ่านอะไรหรอก) ผมหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน เพียงหน้าแรก "เรื่องเล่า" ก็ดึงดูดผมออกจากหนังสือเล่มอื่นที่ผมอ่านกั้นกลางไว้
-สกัดความลวงออกไป เหลือไว้เพียงความงาม-
ประโยคสุดท้ายที่เขียนไว้ในนวนิยายเล่มนี้ เกือบจะเป็นภาพแทนของเนื้อเรื่องที่บรรจงถักทอตลอด ๔๔๔ หน้ากับเวลา ๒ ปี ที่สร้างสรรค์ ทุกอย่างถูกร้อยเรียงอย่างลงตัว เรื่องราวของเด็กชาย "ลับแล" วัย ๑๕ ที่เล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเขาให้เจ้าอาวาสฟัง ความเกี่ยวรัด พันตูของตัวละคร ความเป็นมา นิสัยใจคอ ความเชื่อ วิถีชีวิต และบทสรุปของความตาย
เรื่องดึงเราให้เชื่อและไม่เชื่อตลอดเวลา ทำหน้าที่นำทาง และทอดทิ้งเราให้โดดเดี่ยว ใคร่ครวญเป็นระยะ ก่อนย้อนมาฉุดให้เดินต่อด้วยภาษาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
เนื่องด้วยเป็นรอบที่สอง ตลอดเวลาที่จดจ้องกับอักษรนั้น ผมค่อย ๆ มองหาบางอย่างจากเรื่องเล่า มากกว่าเรื่องราวบางอย่างที่พอจะรู้แล้ว แต่สุดท้าย "บางอย่าง" ที่ผมมองหาก็ไม่มีท่าทีว่าจะหมด ยังลงลึก ดำดิ่งและเข้มข้นได้ในทุกโมงยาม สร้างความพึงใจสนุกสนาน และเกลียดชังเหล่าตัวละครให้อย่างไม่สิ้นสุดราวกับมีเลือดเนื้อ จิตใจ ราวกับเป็นคนรอบกายที่เคยทักทายพูดคุย รู้จักและหายไปจากวัฏ เวลา
เราคือมนุษย์ ปุถุชนที่เดินดิน มีความรู้สึก นึกคิด ดีชั่วคลุกเคล้าเป็นสีเทาปนดำด่าง หลายครั้งเราเลือกที่จะคิด บางเรื่อง สร้างสรรค์มันขึ้นมาเพื่อบอกแจ้งแถลงไข และหลายครั้งเราก็เลือกที่จะฆ่า บางเรื่องให้ตายดับสูญไปไม่ให้มันผุดรากออกมาทำอันตรายใคร ๆ
เราล้วนเป็นผู้ดัดแปลงเรื่องราว ทั้งในชีวิตตนเอง ผู้อื่น ผ่านมุมมองที่เราแผ้วถางทางไว้ ส่อเจตน์จำนงค์ไว้ ให้ผู้ฟัง หรือ รับสารเดินคล้อยตามมา สุดแล้วแต่ผู้ตามจะรับฟังนำไปเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ในเรื่องราวนั้น ๆ
ท้ายสุดแล้ว แม้แก่นแท้ที่ผมได้รับจากหนังสือหลายเล่มของคุณอุทิศนั้นจะมีหลากหลายมากมาย แต่เสียงกระซิบที่ชัดเจนที่สุดนั้น กล่าวไว้ว่า
-เรื่องเล่านั้นมันมีชีวิต มีความรู้สึก ตลอดจนมีเล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อ
ตามแต่ที่ผู้เขียนจะเขียน หากริจะเขียน...
จงเป็นผู้ สร้างความลวง ให้เป็นความงาม-
----------------------------------
ลิง
30.6.16
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in