เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ศุกร์ศัลย์: เรื่องราวของหมอศัลย์ที่แสนจะธรรมดาเป็นพิเศษHappy Friday Knight: ศุกร์ศัลย์
In Life We Trust
  • ****บทความไม่เหมาะกับผู้กลัวเลือด กลัวการผ่าตัด

    ณ เย็นวันหนึ่งของการอยู่เวร

    หลังจากที่เราผ่าตัดไส้ติ่งเด็กน้อยเสร็จ ระหว่างที่รอหมอดมยาทำสลบเคสถัดไป ก็ได้เวลาของการเดินเตร็ดเตร่ที่ห้องฉุกเฉิน

    เราค่อยๆเปิดประตู จึงพบกับความวุ่นวายระดับสิบเต็มสิบภายในนั้น

    พี่ๆพยาบาลวิ่งกันขวักไขว่เข้าออกผ้าม่านโซนวิกฤติ เราทำตัวลีบแทรกตามรอยม่านเพื่อเข้าไป

    ภาพตรงหน้าคือชายร่างใหญ่นอนไม่ได้สติ ในปากมีท่อช่วยหายใจ ใบหน้ามีแผลฉีกขาดยาวเหยียด หน้าอกถูกบุรุษพยาบาลร่างใหญ่กดอย่างเป็นจังหวะ เสียงพยาบาลให้สัญญาณครบสองนาทีดังขึ้น พี่บุรุษพยาบาลผู้นั้นถึงกับเซลงจากตัวคนไข้ และที่สำคัญ หมอสามคนมะรุมมะตุ้มอยู่ที่ช่องอกด้านซ้ายของผู้ป่วย ที่สายระบายช่องอกมีเลือดพุ่งออกลงขวดแก้ว ขวดแล้ว ขวดเล่า

    ผู้ป่วยของเราคืนนี้เป็นผู้ชายวัยกลางคน ขับมอเตอร์ไซค์ชนรั้วบ้าน มีรอยช้ำกลางอก คาดว่าจะมีการบาดเจ็บของอวัยวะในช่องอก (blunt chest injury)

    "น้อง" หมอคนหนึ่งตะโกนออกมา อ้าว นั่นมันพี่หมอศัลย์นี่นา วันนี้เวรเราแล้วพี่มาทำอะไรที่นี่

    "เคยทำ ER thoraco ปะ" พี่ชิงถามก่อน

    "Arrest ไปกี่นาทีแล้วคะ" เราถาม

    "ห้านาทีอยู่ blunt chest น่ะ

    ทำมั้ย"

    ...

    "ได้ค่ะ พี่คะ เตรียมชุดทำ ER thoracotomy ตามทีมสครับ ขอ satinsky clamp กับเซตเย็บแผลด้วยนะคะ"

    เราตรงไปยังช่วงหน้าอกด้านซ้าย ชั่วขณะเดียวที่อุปกรณ์มา เราใช้มีดกรีดช่องว่างระหว่างซี่โครงตรงตำแหน่งเดียวกับหัวใจให้เปิดออก เอากรรไกรตัดกล้ามเนื้อซี่โครง แล้วแหวกช่องอกด้วยอุปกรณ์แหวกช่องอกโดยไม่ให้หยุดปั๊มหัวใจ

    พรวด...

    เลือดแดงสดทะลักออกมาจากช่องอกตามจังหวะการกดนวดหัวใจทันทีที่ช่องอกถูกเปิดกว้าง เราตัดเปิดเยื่อบางๆที่คลุมอยู่แล้วควักหัวใจออกมาอย่างระมัดระวังพร้อมกับให้พี่พยาบาลหยุด CPR

    หัวใจในมือเรานั้นไม่มีการเคลื่อนไหวราวกับกระแสไฟฟ้าที่เคยมีอยู่ได้ดับมอดหมดแล้ว เราตัวชาวาบ

    เขาตายแล้ว

    แต่ยังตายไม่นาน อาจจะพอยื้อได้

    สองมือคว้าคีมเข้าจับเยื่อหุ้มหัวใจพร้อมๆกันกับพี่หมอศัลย์ที่ทำแบบเดียวกัน เราตัดเยื่อหุ้มหัวใจเพื่อปลดผล่อยเลือดที่อาจมีอยู่ในนั้น มันอาจจะพอช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นได้

    แต่มันก็ยังคงแน่นิ่ง

    หัวใจดวงนั้นแห้งเหี่ยวราวกับไม่ใช่กล้ามเนื้อที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่งร่างอีก

    เราพยายามหารอยรั่ว ไม่นานก็เจอรูขนาดใหญ่อยู่ที่หลอดเลือดใหญ่เอออร์ต้า ทันทีที่หนีบหลอดเลือดได้ เรากับพี่หมอศัลย์จึงช่วยกันเย็บปิดรอยรั่วนั้น

    "เลือดมาแล้ว" เสียงตะโกนออกมาจากนอกผ้าม่าน

    "เอามาให้เดี๋ยวนี้ push เลยนะ" พี่หมอฉุกเฉินคนเดียวของโรงพยาบาลตะโกนตอบให้เอาเลือดมาให้คนไข้

    เมื่อคนไข้ได้เลือด หัวใจก็กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง

    หากแต่มันก็ยังไม่ยอมทำหน้าที่

    "เอาไงต่อ" พี่หมอดมยาที่ลงมาช่วยดูถาม

    "เดี๋ยวเซ็ตขึ้นโออาไปซ่อมเอออร์ต้าดีๆละกันค่ะ"

    "ไม่ได้แล้ว พี่ดมอีกเคสให้เรารอแล้ว กำลังคนเราไม่มีแล้ว" พี่หมอดมยาบอก เราหมดแรง

    "เราขึ้นไปผ่าตัดอีกเคสให้เสร็จเถอะ ตรงนี้เดี๋ยวพี่ดูต่อให้" พี่หมอศัลย์บอกเสียงเหนื่อยอ่อน พี่หมออีอาร์มาเปลี่ยนมือกับเรา เขาเข้าคว้าหัวใจดวงเดิมแล้วค่อยๆบีบมันเป็นจังหวะ

    เราละสายตาจากภาพตรงหน้า พยายามสลัดความคิดที่ว่า เขาอาจจะไม่รอด ออกไป แล้วตั้งตาทำหน้าที่ผ่าตัดเคสที่รออยู่อย่างดีที่สุด

    หลังจากผ่าตัดเสร็จ เรารีบวิ่งลงไปดูเขาอีกครั้ง ความวุ่นวายจบลงพร้อมๆกับวิญญาณที่ปลิดปลิว

    พวกเราทำไม่สำเร็จ

    แม้ว่าจะทำตามข้อบ่งชี้ ทำตามขั้นตอนไม่มีผิดพลาด แต่ไม่มีใครฝืนธรรมชาติได้

    บางครั้ง หมอเราก็ต้องทำใจยอมปล่อย แม้ว่าจะทำอย่างสุดความสามารถ

    แต่ก็นะ แม้ว่าการผ่าตัดเปิดช่องอกที่ห้องฉุกเฉิน (Emergency department thoracotomy) จะเป็นหัตถการที่มีโอกาสรอดเพียง 1% ในผู้ป่วยประเภทนี้ แต่สำหรับญาติ มันก็คือความหวัง

    แม้ว่าคืนนี้พวกเราจะช่วยเขาไม่สำเร็จ แต่อยากให้ดวงวิญญาณเขารับรู้ไว้ว่า เขาได้ทำให้ฝีมือและระบบงานของโรงพยาบาลเราพัฒนาขึ้นไปอีก และสิ่งนี้อาจช่วยผู้ป่วยคนถัดไปได้ในอนาคต

    เรายกมือไหว้ร่างไร้วิญญาณของครูคนล่าสุด ก่อนจะออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อเตรียมผ่าตัดคนไข้คนต่อไป.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in