สำหรับแดนิค ไคลด์แล้วเขาคือจอมวายร้าย
เป็นจอมวายร้ายแสนซุกซนที่รู้วิธีจุดไฟให้ลุกโชนส่วนแดนิคก็รู้วิธีเล่นกับไฟให้สนุก
พระเจ้าเลยส่งแดนิคให้ถึงมือ เซน โอไบรอันยังไงล่ะ
ฤดูฝนปี 2017
ฤดูฝนปีนั้นทำให้เจอกับจอมวายร้าย
แดนิคกำลังกระโดดตามจังหวะเพลงในงาน glastonbury ท่าทางที่สุดแสนจะเร่าร้อนและสายตาแพรวพราวยามขยับท่อนแขนตีกลองของมือกลองวงนี้ชวนให้นึกถึงความร้อนแรงของเขาเวลาอยู่บนเตียง
แดนิคนึกขำกับจินตนาการบ้าๆของตัวเอง
แฟนคลับกรี๊ดคอแทบแตกเวลาเขายิ้มมุมปากขณะควงไม้กลองแล้วฟาดลงหน้ากลองแรงๆ เพลงร็อคหนักๆถูกบรรเลงเพลงแล้วเพลงเล่า จังหวะสนุกๆ ถูกใจแดนิคจริงๆเลย นักร้องนำตะโกนชื่อเพลงอีกครั้งก่อนจบโน๊ตตัวสุดท้าย เขาจดชื่อเพลงไว้ใจใน กลับไปจะไปเปิดฟัง
ฝนเริ่มตั้งเค้า สต๊าฟต่างวิ่งวุ่นเก็บเวทีและเครื่องดนตรี นักดนตรีคนอื่นๆกลับเข้าเต็นท์หมดแล้ว
เหลือมือกลองวงนั้นยืนสูบบุรี่อยู่ข้างเต็นท์ หม่อลอยอยู่คนเดียวขณะที่ฝนกำลังจะลงเม็ด
ชายร่างสูงในเสื้อยืดสีขาวคอกว้างสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์สีดำ ผิวกายส่วนที่ไม่ได้ปกปิดด้วยเสื้อผ้ามีรอยสักเบียดเสียดกันเต็มไปหมดไล่มาตั้งแต่ต้นคอ แผ่นอกและมือ
‘ไม่รู้สิ ไม่เคยนับเลยครับ’
‘แต่ถ้าอยากรู้ก็ต้องมานับเองอ่ะนะ แต่ผมไม่บอกหรอกว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง ฮ่าๆๆ’
เคยอ่านเจอในบทสัมภาษณ์ของเขาตามเว็บที่เพื่อนๆแชร์มา
แดนิคเพิ่งนึกออก เขาคือ เซน มือกลองวงร็อคอัลเทอร์เนทีฟหน้าใหม่ที่เพิ่งปล่อยอัลบั้มได้ไม่กี่อาทิตย์ ไม่กี่วันที่แล้วไลฟ์ฉลองที่ติด 1 ใน 10 ของบิลบอร์ด
เซนยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนที่เริ่มลงเม็ดหนักๆเขาไม่ขยับตัวเลยสักนิดจนบุหรี่ดับไปแล้วเพราะต้านทานสายฝนที่โปรยปรายไม่ไหว
แดนิคตัวสั่นตอนที่เดินกางร่มไปหาเขา เซนเหลือบมองเขานิ่งๆขณะเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นใหม่อีกครั้ง ดวงไฟเล็กๆสว่างวาบที่ปลายมวนเขาอัดควันเขาไปอึกใหญ่ ก่อนจะคลี่ยิ้ม
จอมวายร้ายดูเหมือนเทวดาเวลาเวลาส่งยิ้มมาขนาดนี้ได้ยังไงนะ
มาโบโรกลิ่นมิ้นเข้ากันได้ดีกับกลิ่นฝนที่ยังโปรยปราย
แล้วบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น เซนชวนแดนิคเข้าไปหลบฝนด้านในเต็นท์อีกตัวที่เอาไว้เก็บเครื่องดนตรี
สายฝนข้างนอกทำให้ในเต้นท์อุณหภูมิเย็นลง
อย่าเริ่มอะไรที่เธอหยุดไม่ได้นะแดนิค
เขาบอกเมื่อเห็นแดนิคกำลังใจลอยลูบต้นขาเพิ่มความอบอุ่นไม่ได้เจตนาจะยั่วอะไรสักนิด
แต่ในเมื่อเซนคิดว่าเขาจงใจแดนิคจึงยิ้มท้าทาย
แดนิคคิดว่าตัวบ้าไปแล้วเมื่อตอนที่ยอมสอดประสานมือกับเขาบนเตียงในเต้นท์หลังเวที มันช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเขาอยู่บนเวทีผู้คนข้างล่างต่างยอมพลีกายให้เขาทั้งนั้น แต่บัดนี้ชายหนุ่มผู้ร้อนแรงบนเวทีได้มาอยู่ตรงหน้า เอาอกเอาใจแค่เขา ตาคมๆคู่นั้นจับจ้องมาแค่ที่เขา มือไวเป็นบ้า แล้วก็ปากหวานมากๆเช่นกัน ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบและเหมือนจริงจนแดนิคคิดแค่ว่าเขาะหยุดอยู่ตรงนี้ตลอดไป แดนิคเป็นหนุ่มช่างฝันและซื่อเกินกว่าจะแยกออกระหว่างความรักกับความใคร่เพียงชั่วคราว และซื่อเกินกว่าจะตระหนักว่าเซนเป็นเพียงฝันร้ายที่ดูคล้ายฝันดีมากเกินไปเท่านั้นเอง
เซนเริ่มแล้วแดนิคก็ตอบสนอง คืนนั้นเซนบอกความจริงข้อหนึ่งกับแดนิคว่าเขาน่ะรู้จักร่างกายของแดนิคดีกว่าที่เจ้าของมันรู้เสียอีก ตอนที่เขาเคลื่อนใบหน้าลงไปที่กลางลำตัวแล้วเขียนคำว่า ‘บ้าคลั่ง’ ด้วยลิ้นทำให้แทบสำลักความสุขสมจนจะตายคาอกเขาให้ได้ ไม่ว่าตอนฟาดไม้กลองบนเวทีหรือตอนที่ขยับร่างกายกระแทกกระทั้นบนตัวของเขา เซนดุเดือดเสมอ ตอนที่ซบแผ่นอกสูดกลิ่นน้ำหอมฉุนๆของเขาปนกับกลิ่นกายทำให้แดนิคสงบลงอย่างประหลาดทั้งๆที่ข้างนอกนั่นพายุกำลังโหมกระหน่ำ ปากบางเฉียบที่สัมผัสมาแล้วทั่วร่างกายของแดนิคพ่นควันบุหรี่ลอยล่องไปทั่วเต้นท์ ใบหน้าคมๆของวายร้ายตนนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆแม้จะโอบแดนิคไว้แนบอก แดนิคเงยใบหน้าจูบเบาๆไปที่ไฝสามจุดบนใบหน้า กลุ่มดาวที่เขาหลงใหล ดวงตาคมตวัดมองแล้วก็มอบจูบแบบดิบๆคืนมา และเมื่อถึงเวลาต้องแยกย้าย ไม่มีมีจูบลา ไม่มีคำบอกลา ไม่มีครั้งต่อไป หัวหมุนคว้างด้วยความงุนงง แต่เขาพูดพูดคำนั้น เขาพูดว่า รัก ในตอนที่เจ็บเกินจะทน เขาบอกว่า ที่รักอดทนหน่อย เขาพูดแบบนั้น
บ่ายวันนั้นแดนิคนอนกอดเสื้อยีนส์สีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ประจำตัวของเซน
กอดเสื้อยีนส์สีดำกลิ่นมาโบโร่รสมิ้นท์ที่เขาลืมทิ้งไว้
เหมือนที่ลืมแดนิค
ความปรารถนาเดียวในใจคืออยากให้เจ้าวายร้ายนั่นกลับมาอีก กลับมาพูดอะไรที่ควรพูด แค่กลับมาทำให้ตอนจบมันสมบูรณ์กว่านี้
พยายามติดต่อกลับไปมีเพียงความว่างเปล่า แค่อยากคุย แค่นั้น แดนิคทนไม่ไหว วงดนตรีของเซนขึ้นเล่นที่ไหนต้องมีแดนิคไปปรากฏตัวที่นั่นหวังแค่ว่าจะได้คุยกันอีก แต่ที่หลังเวทีไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป เซนควงนางแบบสาวไม่ซ้ำหน้าเข้าห้องพักส่วนตัวหลังเวที
ภาพเหล่านั้นเหมือนยาสมานแผล วันแล้ววันเล่า จนแดนิคสามารถยกแก้วแล้วดื่มให้ภาพเหล่านั้น แล้วก็หัวเราะกับคำสาปส่งไล่หลังเซนกับเพื่อนๆในกลุ่ม
แดนิค ไคลด์ลืมเซนแล้ว และเซน โอไบรอันก็ลืมแดนิคคนนี้แล้ว
งั้นหรอ
ไม่จริงเลย
ตอนตีสามหน้าผับในลอนดอน วันที่สายฝนพรำ เซนยืนตากฝนอยู่หน้าร้านเขาไม่มีอารมณ์จะขึ้นเตียงกับใครทั้งนั้น
น่าประหลาดใจจริงๆ หลังจากงานงาน glastonbury ทุกครั้งที่ฝนตกเขามักจะนึกถึงคนๆนั้น พยายามเค้นสมองแทบตายแต่เขาไม่สามารถนึกใบหน้านั่นออก จำได้แต่กลิ่นน้ำหอมPrada Luna Rossa EDTและชื่อ ที่รู้ชื่อเพราะตอน เอ่อ ตอนที่เขาถามเพื่อที่จะได้ครางชื่อถูก บ้าเอ้ย! เขาสบถในใจด้วยความหงุดหงิด แดนิคในลอนดอนมีเป็นร้อย แล้วแดนิคไหนล่ะ
เซนเมาได้ที่ ไม่รู้ตัวเลยว่าพยายามจุดบุหรี่สูบทั้งที่เปียกชื้นเกินกว่าจะติดไฟเขาหงุดหงิดทั้งเรื่องความจำของตัวเองและหงุดหงิดบุหรี่บ้าๆที่จุดไม่ติดสักที แดนิคยืนนิ่งรอแท็กซี่อยู่ข้างๆ เขามองภาพน่าเวทนานั้นอยู่นาน
แค่ความสงสารในเพื่อนมนุษย์เขาคิด ไม่มากไปกว่านั้น
มือขาวเนียนของแดนิคฉวยมือสากๆที่เต็มไม่ด้วยรอยสักของเขาก่อนจะยื่นบุหรี่ตัวใหม่ให้แล้วก้าวเข้าไปชิดเพื่อให้ทั้งคู่อยู่ในร่มคันเดียวกัน
ขณะแดนิคจุดบุหรี่ให้เซน ทั้งคู่สบตากัน
ขณะนั้นเองที่ความทรงจำของจอมวายร้ายก็ฉายย้อนกลับ
โอ้ พระเจ้า
แดนิคคนที่งดงามและบริสุทธิ์ราวดอกเดซี่แต่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนดุจกุหลาบป่าที่ glastonbury
แดนิคคนที่มีรอยยิ้มหวานชื่นเหมือนน้ำตาล
แดนิคคนที่ส่องสว่างเหมือนกลางวัน
กลิ่นPrada Luna Rossa EDTผสมกับกลิ่นบุหรี่ลอยวนอยู่ใต้จมูกยิ่งย้ำชัดให้เซนเข้าใจอะไรมากขึ้น
เข้าใจความจริงที่ว่าเขาคิดถึงแดนิคคนที่อยู่ในเต็นท์ในคืนนั้นมากจริงๆ
“คุณเอาร่มมารึเปล่า”
ไม่ เซนไม่ได้เอาร่มมา เขานึกเกลียดตัวเองที่ทำได้แค่ส่ายหน้า
“เปียกหมดแล้ว ถือนี่ไว้สิ”
ก่อนที่จะได้เอ่ยคำที่ควรเอ่ยในคืนนั้น แดนิคก็ก้าวขาเข้าไปในแท็กซี่แล้วทิ้งร่มไว้ให้เขา
สวรรค์ส่งตัวแดนิคมาให้เขาแต่ดันเอากลับคืนไวเกินไป
จอมวายร้ายอย่างเขามีนิสัยชอบเอาชนะอยู่แล้วน่ะสิ
เซนสัญญากับตัวเองอย่างหนักแน่นเมื่อรถแล่นออกไปสักพักแล้วแดนิคหันมามองเขาจากเบาะหลังของแท็กซี่
เซนกระชับร่มในมือ ไออุ่นจากมือแดนิคยังคงติดอยู่ที่คันร่ม
เขาต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
สายตาแบบนั้นของแดนิค ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป
มันหมายความว่าแดนิคไม่ได้อยากกลับบ้านไปพร้อมพระเจ้าหรอก
ที่ที่เหมาะกับแดนิคคือในอ้อมกอดของจอมวายร้ายชื่อเซน โอไบรอันคนนี้ต่างหาก
หลังจากคืนนั้น จะมีบางวันที่แดนิคตื่นมาพบมิสคอลเป็นร้อยๆพร้อมข้อความ มันถูกส่งมาจากเซน
‘มาสิแดนิคมาหาเซน มาทำแบบนั้นอีก’
‘มาหาเซนเถอะแดนิคมาทำห่าเหวอะไรก็ได้ ได้โปรดเถอะคนดี’
แล้วพอตอนสายๆเซนก็โทรมาขอโทษที่เขาส่งข้อความมารบกวน
‘เซนเมา เซนขอโทษนะแดนิค’
มีเพียงคำพูดสุภาพและน้ำเสียงห่างเหินที่แดนิคตอบกลับคนในสาย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น
สิ่งที่เซนทำตอนนี้เหมือนพาผู้ป่วยที่พ้นขีดอันตรายไปขึ้นเตียงผ่าตัดใหญ่ที่รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดที่ไม่คุ้มค่าให้เท่านั้นเองผิดเวลาไปหน่อยนะเซน แดนิคคิด ตอนที่ละเมอร้องไห้เพราะคิดถึงตอนนั้นเซนอยู่ที่ไหน ตอนที่เบียดเสียดกับแฟนคลับเพื่อจะเข้าไปถึงตัวเซนทำไมให้แค่ความเย็นชา
แดนิคย้ำกับตัวเองซ้ำๆว่าจะไม่ยุ่งกับจอมวายร้ายที่ชื่อเซน โอไบรอันอีกแล้ว ไม่มีทาง
แต่จนแล้วจนรอดเซนก็บุกทะลวงและฉีกคำปฏิญาณของแดนิคทิ้ง
“จากคุณโอไบรอันครับ”
บริการวางเหยือกเบียร์ลงบนโต๊ะ ทุกคนหันขวับมามองที่แดนิค
“โอ้พระเจ้า แด ไหนนายบอกว่าเลิกติดต่อกับไอ้มือกลองเส็งเคร็งนั่นแล้วไง”
แดนิคยักไหล่
“ใช่ เลิกติดต่อแล้ว”
แต่เซนกลับตามติดเขาเป็นเงา แดนิคนึกถึงวีรกรรมบ้าๆของไอ้มือกลองเส็งเคร็งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
วันจันทร์ มีช่อเดซี่วางไว้ที่หน้าบ้าน ตอนแรกเขานึกว่าโรคจิตที่ไหนแอบเอามาวาง แต่พอได้อ่านการ์ดที่แนบอยู่ จึงได้รู้ว่ามาจากเซน รสนิยมคนแก่ชะมัด ให้ดอกไม้เนี่ยนะ ง้อคนล่าสุดเมื่อไรกัน ตาลุงเอ้ย
วันต่อมาเขาเจอเซนที่สวนสาธาระณะ ไลฟ์ไตล์อย่างเขาไม่คู่ควรกับรองเท้าวิ่งที่ดูยังไงก็เห็นได้ชัดว่าเพิ่งซื้อมาเลยสักนิด เป็นที่รู้กันว่านักดนตรีติสแตกอย่างเขาไม่ได้สนใจเรื่องออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย เซนอาสาจะจูงหมาซามอยด์ที่เขาเลี้ยงไว้ให้ แดนิคยืนลังเลอยู่นาน ไอ้มือกลองเส็งเคร็งจึงถือวิสาสะฉวยเชือกหมาไปถือไว้ ชั่วโมงต่อมาเซนยืนหอบหายใจพลางยื่นเชือกหมาคืนเขา แล้วก็เป็นลมล้มลงกับพื้น เผอิญมีปาปารัซซี่อยู่แถวนั้นภาพเซนมือกลองสุดฮอตนอนหมดสภาพโดนหมาเลียหน้าก็แพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต แดนิคนึกว่าเขาจะถอดใจและเลิกยุ่งกับเขาสักทีแต่ไม่จริงเลย
วันพุธ เซนเอาดอกไม้ดอกเดซี่ช่อใหญ่กว่าเดิมมาวางไว้ที่หน้าบ้านพร้อมกับกลอนโบราณๆที่คัดมาจากนิยายรักของเชกสเปียร์ ทำเอาแดนิคอาเจียนเอาอาหารเข้าออกมาเกือบหมด
แล้ววันนี้เบียร์เหยือกหนึ่งถูกยกมาวางที่โต๊ะ แดนิคหันไปมองบนเวทีนักดนตรีกำลังเตรียมเครื่องเสียง เห็นเซนที่ทดสอบกลองกำลังมองมาที่เขา ใบหน้าหล่อๆระบายยิ้ม แดนิคลุกขึ้นยืนพร้อมเหยือกเบียร์ เซนดีดตัวลุกขึ้นเหมือนรอเวลานี้มานาน ทั้งคู่เดินมาหากันที่หน้าเวที
“เฮ้ แดนิค”
เซนถูมือตัวเองไปมาเห็นได้ชัดว่าประหม่ากับการเผชิญหน้ากับเขา
“นึกว่าจะไม่มา คืนนี้เราเล่นที่ผับนี่เป็นครั้งสุดท้ายพอดีเลย”
วงของเซนเล่นที่ร้านนี้มาติดตามกันสามสี่คืนแล้ว เซนชวนเขาตั้งแต่คืนแรกแต่เขาไม่ตอบ ที่มาคืนนี้เพราะคิดว่าวงของเขาคงจะไปเล่นที่ร้านอื่น ทำไมแดนิคจะไม่รู้ว่าการเล่นครั้งสุดท้ายของเซนมาจะถึงก็ต่อเมื่อแดนิคเอ่ยปากคุยกับเขา
“ตอนที่ฉันรู้สึกแย่เรื่องนาย เพื่อนของฉันก็อยู่ข้างๆมาตลอด”
“เฮ้ๆๆ แดนิคจะ จะ จะพูดเรื่องนี้ตอนนี้เลยหรอ เซนนึกว่าไอ้นี่จะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้นะ”
เซนชี้มายังเหยือกเบียร์ เพื่อนร่วมวงและผู้คนรอบๆเริ่มหันมามองเรา
“นั่นแหละเพื่อนฉัน ช่วยฉันไว้มาก เอาจริงฉันน่ะก็ไม่ติดใจเรื่องนั้นแล้วล่ะ”
เขายิ้มอย่างดีใจ
“แต่เพื่อนฉันยังเกลียดนายอยู่ดี ตอนนี้ฉันก็แคร์เพื่อนมากด้วย”
เขาหุบยิ้มทันที
“หมายความว่าไง”
แดนิคมองข้ามไหล่เซนไปยังโต๊ะของเพื่อนๆ เซนหันมองตาม ทั้งคู่สบตากับอีกครั้ง
“ไม่เข้าใจ แดนิคหมายถึงอะไรหรอครับ”
“เพื่อนฉันคงจะสะใจมากถ้า นายโดนไอ้นี่สาด”
เซนอ้าปากค้างก่อนจะหุบลงแล้วพูดส่งที่แดนิคต้องเป็นฝ่ายอ้าปากค้างแทน
“งั้นก็สาดเลย”
บ้าเอ้ย! ไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่นา แดนิคสับสน
ตัวเขาคุ้มค่าจนเซนยอมอับอายต่อหน้าผู้คนขนาดนั้นเลยหรือ
“รออะไรอยู่ ถ้ามันทำให้เพื่อนคุณและคุณสบายใจ ผมก็ยิน...”
ซ่า
เบียร์ทั้งเหยือกราดรดเซนตั้งแต่ใบหน้าไหลลงเประเปื้อนถึงเสื้อยืดสีดำที่สวมอยู่ เสียงฮือฮาจากคนรอบตัวดังขึ้น มีบางคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายแต่เซนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“เซนยินดีถ้ามันทำให้แดนิคสบายใจ”
เซนเอ่ยอย่างหนักแน่นขณะลูบเบียร์ออกจากใบหน้า
“จริงๆนะ”
เขาพูดย้ำแล้วกระโดดขึ้นเวที เพื่อนร่วมวงรีบยื่นผ้าขนหนูให้ แดนิคเดินกลับมาที่โต๊ะ เพื่อนๆเป่าปากและหัวเราะอย่างสะใจ
“ไอ้นั่นมันหน้าด้านจะตาย โดนแค่นี้จะเป็นไรไป ฮ่าๆๆ”
เพื่อนชายอีกคนตบบ่าขณะนั่งลง แดนิคใจลอยขณะนึกถึงน้ำเสียงน้อยใจที่เก็บไม่มิดของไอ้มือกลองเส็งเคร็ง แดนิคบังคับไม่ให้มือตัวเองสั่นขณะยกแก้วขึ้นดื่ม ขอบตาร้อนวูบวาบ เขาจึงรีบลุกเดินไปที่ห้องน้ำก่อนที่เพื่อนจะทันได้เอ่ยปากท้วง ทันทีที่ล็อคประตู น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็เริ่มไหลลงมา เขาพยายามกลั้นสะอื้น ใบหน้าของเซนลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง
ไม่เข้าใจเลยว่าจะร้องไห้ทำไมนะแดนิค ร้องไห้ให้ใคร
ให้ไอ้มือกลองเส็งเคร็งที่โคตรเกลียดเนี่ยนะ
แดนิคเกลียดที่เขาเย็นชาใส่
เกลียดที่เขาโกหกว่ารักเพราะแค่อยากมีเซ็กซ์
เกลียดที่เขาลืมเรื่องในวันนั้น
เกลียดที่เขากลับมาทำให้หัวใจของแดนิคว้าวุ่น
เกลียดที่เขาโยนศักดิ์ศรีตัวเองทิ้งแล้วทำเรื่องน่าอายเพื่อเอาชนะใจแดนิค
แล้วก็โคตรเกลียดที่เขาไม่เคยทำให้แดนิคเกลียดเขาได้สักที
คืนนั้นแดนิคร้องไห้แข่งกับสายฝนที่โปรยปรายแล้วเดินย่องออกมาตอนที่ผับปิด
ไม่มีเซนยืนตากฝนแล้วพยายามจุดบุหรี่โง่ๆอีกต่อไป
เซนอยู่บนรถตู้บนถนนที่มุ่งสู่อีกเมือง การได้เจอหน้าแดนิคมันหมายความว่าการแสดงครั้งสุดท้ายที่นี่ของเซนได้ปิดฉากลง
เซนจากไปแล้ว
ไม่มีกลิ่นมาโบโร่กลิ่นมิ้นท์
มีแต่ฝน
ตอนนั้นแหละแดนิคจึงคิดออกว่าตัวเองคิดถึงและอาวรณ์เซนมากแค่ไหน
สายฝนสาดกระเซ็นกระทบตัวทำเอาหนาวจนสั่นสะท้าน
แดนิคกระชับร่มในมือ
ร่มที่เซนเคยถือ
อาจจะเป็นเพราะคืนนั้นเขาเมามากไปหน่อยจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นใต้ร่มที่เซนทิ้งไว้
วงของเซนเริ่มดังและเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนเขาไม่มาเล่นตามผับอีก อัลบั้มแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก วงของเขาจึงเร่งซุ่มทำอัลบั้มใหม่ ส่วนแดนิคก็ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาออกมาแฮงเอ้าท์กับเพื่อนๆเหมือนเคย แต่เรื่องราวในคืนฝนตกที่ glastonbury วันที่ฝนพรำหน้าผับ หรือวันที่แดนิคสาดเบียร์ใส่หน้าเซนแล้วไปร้องไห้แข่งกับสายฝนในห้องห้องน้ำ ยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวของคนทั้งคู่
แล้วนี่ก็เป็นเรื่องราวของคืนฝนตกคืนสุดท้ายของเซนและแดนิค
เพราะโดนรบเร้าจากเพื่อนในแผนกและถูกยื่นคำขาดที่ปฏิเสธไม่ได้แดนิคจึงจำใจมาออกมาแฮงเอ้าท์แต่มีข้อแม้คือให้เขาได้เลือกร้านที่ใกล้บ้านเพราะจะได้เดินกลับได้ง่ายๆ
เขานั่งรวมอยู่กับเพื่อนๆ เขย่าเครื่องดื่มในมือท่ามกลางเสียงเพลงจากดีเจดังกระหึ่ม แดนิคไม่ชอบเอาเสียเลยเขาชอบดนตรีสดมากกว่า เกือบเที่ยงคืนเขาบอกลาเพื่อนๆแล้วขอตัวกลับทุกเมามากแล้วจึงไม่ได้รั้งเขาให้อยู่ต่อ แดนิคเดินเบียดคนออกมาที่หน้าผับก็พบว่าฝนกำลัง อากาศเย็นลงอย่างน่ากลัว แดนิคไม่ได้หยิบเสื้อโค้ตมาด้วย เขาจึงถูมือตัวเองก่อนจะป้องปากแล้วเป่าลมร้อนๆใส่ ชั่งใจอยู่ว่าควรเดินฝ่าฝนกลับบ้านหรือไม่ เงยหน้าและยื่นมืออกไปสัมผัสสายฝนเพื่อประเมินความเสี่ยง เสียงฝนที่ดังจนกลบเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งทำให้แดนิคไม่ทันได้ระวังตัว
“แดนิคเอาร่มมารึเปล่า”
แดนิคตัวเย็นวาบก่อนจะค่อยๆหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
เซน.. เซนยืนอยู่ข้างๆเขา สติของแดนิคยังเต็มที่เขาไม่ได้เมาจนเห็นภาพหลอนแน่นอน
“เปียกหมดแล้ว”
เซนขยับเข้ามาใกล้จนทั้งคู่อยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน
“จะกลับบ้านใช่มั้ย”
แดนิคพยักหน้าแรงๆ ยังคงตะลึงภาพตรงหน้า ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปาก
“ให้เซนไปส่งนะครับ”
แดนิคพยักหน้า
สองคนคนใต้ร่มคันเดียวเดินไปตามทางเดินเงียบๆ ฝนเริ่มซาลงแล้ว เมื่อไม่มีเสียงฝนกระทบร่มแล้ว แดนิคจึงได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น แล้วมันก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเซนโอบไหล่และกระชับร่างเขาเข้ามาในร่ม
“ตัวหนาขึ้นนะครับ”
เซนพึมพำเจือน้ำเสียงล้อเลียน แดนิคหันไปมองเซน สี่เดือนที่หายไปไม่มีคืนไหนที่เขาไม่คิดถึงคนคนนี้ เพลงวงของเซนยังเล่นค้างอยู่ในโทรศัพท์เขาหลับไปทุกคืนเพราะนอนฟังเสียงกลองในเพลง แสงไฟที่ส่องมาจากเสาไฟข้างถนนเป็นระยะทำให้แดนิคสังเกตุเห็นว่าเซนเปลี่ยนไปหลายอย่าง ข้อหนึ่งคือเขาย้อมผมเป็นสีเทาควันบุหรี่ แดนิคนึกถึงตอนที่เขาพ่นควันบุหรี่กลืนไปกับสีผมออกเลย รอยสักตามร่างกายยังคงเด่นชัด กล้ามแขนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะที่สุดมันดูแข็งแรงและใหญ่ขึ้นกว่าตอนล่าสุดที่เจอกัน คงเป็นเพราะซ้อมหนัก ดูรวมๆแล้วเขาดูดีขึ้นสมเป็นมือกลองของวงร็อควงดังจริงๆ เซนโอบแดนิคแน่นขึ้นเมื่อฝนเริ่มลงเม็ดอีกครั้ง
“ต้องวิ่งแล้ว”
ไฟหน้าบ้านของแดนิคส่องสว่างอยู่อีกไม่ไกล ทั้งคู่จับมือกันแล้ววิ่งเข้าไปหลบฝนที่หน้าบ้าน
แดนิครีบสะบัดมือออกเมื่อถึงที่หมาย เซนทำหน้าเจื่อนๆขณะลดร่มในมือลงแล้วสะบัดน้ำฝนออกก่อนจะพิงมันไว้กับผนัง
“เข้าบ้าน”
ด้วยกันไหม
แดนิคกลืนคำสุดท้ายลงคอพลางนึกถึงวันแรกที่พวกเขาเจอกัน วันที่เซนชวนเขาเข้าไปหลบฝนในเต็นท์
“ผมเข้าบ้านก่อนนะ ขอบคุณที่มาส่ง”
แดนิคหันตัวเข้าบ้านแต่ถูกเซนดึงมือไว้ก่อน
“แดนิค”
น้ำเสียงจริงจังของอีกคนทำให้เขาชะงัก เซนเดินอ้อมมาตรงหน้าเขาเชยใบหน้าที่เอาแต่มองพื้นของแดนิคขึ้นสบตา มันเป็นดวงตาคู่เดิมในวันนั้น มันคือดวงตาของจอมวายร้ายที่จะทำให้แดนิคเจ็บปวด แต่แววตาอบอุ่นที่ทอดลงกลับทำให้ให้เขารู้สึกดี
“เซนเพิ่งไปสักมา”
เซนคลี่ยิ้มแล้วพูดด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะยกมือแดนิคขึ้นแตะที่หน้าอกซ้าย
“มันอยู่ตรงนี้”
เขาส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ รอยยิ้มที่แดนิคอดไม่ได้ที่จะใจสั่นคลอน เอาอีกแล้ว
แต่ประโยคต่อมาทำให้แดนิคมั่นใจว่าจอมวายร้ายเซน โอไบรอันจะไม่ทำอันตรายใดๆเขาอีก
“สักชื่อของคุณลงบนหัวใจพอดีเลย รู้ไหมผมปล่อยตรงนี้ว่างมาตลอด”
“เหมือนมันรอให้ผมสักอะไรที่สำคัญๆลงไป ตรงหัวใจนี่เหละ”
แดนิคยิ้ม
“ผมฉลาดนะเอาจริง ฉลาดพอที่จะไม่ทำร้ายหัวใจตัวเองแล้วก็ไม่ทำร้ายอะไรที่อยู่บนนั้นด้วย”
แดนิคยิ้มกว้างจนตาปิด
“แดนิคครับ เซนขอโทษ ยกโทษให้เซนนะแดนิค”
เซนพูดด้วยท่าทีจริงจัง สายตาคมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของอีกฝ่าย
แดนิคไม่รู้เลยว่าจะไว้ใจจอมวายร้ายคนนี้ได้มากแค่ไหน
แต่ความรู้สึกตอนที่จุดบุหรี่ใต้ร่มให้เซน
ตอนที่กางร่มให้เซนจุดบุหรี่
หรือตอนที่ยืนอย่างเดียวดายใต้ร่ม
ตอนที่เซนกลับมาหาเขา โอบไหล่เขาอย่างอ่อนโยนใต้ร่ม
แดนิครักมันทั้งหมด
เคยอ่านเจอในหนังสือเล่นหนึ่งเมื่อนานมากแล้วว่า ถ้าไล่ปีศาจไปไม่ได้ได้ก็จงหลงรักปีศาจตัวนั้นเสีย
ใช่แล้ว ดูท่าทางจอมวายร้ายที่มาพร้อมฤดูฝนที่ชื่อ เซน โอไบรอัน จะไล่ไม่ไปเสียด้วย ยังคงตามหลอกหลอนแม้ตอนฝนตกหรือฝนไม่ตก ตอนมีร่มหรือตอนไม่มีร่ม
ดูท่าทางแดนิคคงต้องแก้ปัญหานี้ด้วยการรักเขาแล้วล่ะนะ
...........................................................................
สามารถติ ชม คอมเม้น ได้ที่ #grxfiction ทวีตเล่นทวีตหัวก็ได้ค่ะดิชั้นอยากอ่าน อย่าปล่อยให้ดิชั้นต้องเหงาเลยนะคะ เลิบบบบ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่าา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in