เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MOVIES REVIEWrookienyc
[Review & Spoiler!] TENET พล็อตล้ำลึก แต่หนังกลับขาดเสน่ห์ในตัวเองอย่างน่าใจหาย



  • เตือน!! ใครที่ยังไม่ได้ดูหนัง TENET อย่าเพิ่งอ่านรีวิวอันนี้นะคะ ได้โปรดข้ามไปดูหนังก่อนละค่อยมาอ่านค่ะ






    ก่อนอื่นต้องชมว่าโปรดักชั่นของหนังและสกอร์ ที่มันยิ่งใหญ่ อลังการสะใจมากค่ะ โดยเฉพาะสกอร์ที่กระหึ่ม บีททุ้มหัวใจให้บีบตามความเข้นข้นของเรื่องที่ไม่แผ่วเบาเลยตลอดเรื่อง หนังระดมความมันส์ไม่ยั้งใส่คนดูรัวๆ ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบ เป็นหนังที่ถ้าดูรอบแรกยังไม่เข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมด ก็ยังสนุกกับหนังได้ค่ะ 


    ชอบความความทะเยอทะยานของโนแลนที่เขียนพล็อตได้ล้ำโลกขนาดนี้ แต่ความที่พล็อตมันล้ำ และมีจุดซับซ้อนค่อนข้างเยอะ มากกว่า Interstellar และ Inception หลายๆ เสียงบอกตรงกันว่าหนังดูแล้วให้ความรู้สึกคล้าย Inception เราเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าโปรดักชั่นและ CGI มีจุดร่วมที่คล้ายกับ Inception มาก ยังไม่รวมโทนสีของหนังที่มืดนิดๆ อีก






    แต่จุดที่ต่างกันมากของ TENET กับ Inception คือมิติตัวละคร อย่าง Inception เนี่ย ตัวละครหลักทั้ง 6 คนที่ทำการบุกชิงความฝัน ทุกคนมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง และนิสัยของตัวละครที่ชัดเจนมาก ทำให้หนังดูมีความเป็นคนจริงๆ ที่คน 6 คนที่นิสัยแตกต่าง และมีความต้องการต่างกัน มาทำการบุกชิงความฝันคนอื่น ทำให้เราอินกับหนังได้มากกว่า ต่างจาก TENET ที่ตัวละครของ John David Washington และ Robert Pattinson จืดมาก ไม่มีเสน่ห์ มิติตัวละครแบนราบเรียบ คงเพราะในเรื่องทั้งสองเป็นตัวหลักที่ต้องอธิบายพล็อตและหลักการย้อนเวลาในเรื่องให้คนดูเข้าใจ ทำให้ทั้งสองคนเหมือนหุ่นยนต์ที่พูดตามคำสั่ง อารมณ์ความเป็นมนุษย์มีน้อยมากจนถึงไม่มีเลย ตัวละครของทั้งคู่จึงไม่มีเสน่ห์ และแบนราบ ขนาดตัวของ Rob เองที่ตั้งแต่ปล่อย Trailer เรื่องนี้ออกมายังดูหล่อ มีเสน่ห์แบบสุดๆ พอดูหนังจริงๆ กลับไม่มีเสน่ห์แบบในตัวอย่างหนังเลย (แต่ยังคงหล่อมากๆ)








    เราคิดว่าคงเป็นเพราะพล็อตมันซับซ้อนกว่าเรื่องอื่นๆ จึงต้องใช้วิธีให้ตัวละครอธิบายผ่านไดอาล็อกในเรื่อง แต่โนแลนอาจจะโฟกัสที่ต้องการอยากจะอธิบายให้คนดูเข้าใจเนื้อเรื่อง จึงลืมที่จะใส่มิติตัวละครความเป็นมนุษย์ของตัวหลักชายทั้งสองคนไป พอทั้งสองขาดมิติและความเป็นมนุษย์ไป น้ำหนักของมิติตัวละครมันเลยเทไปอยู่กับตัวละครของ Elizabeth Debicki และ Kenneth Branagh แทน โดยเฉพาะ Debicki ที่เรื่องนี้บทส่งมากๆ และเธอเล่นดีมากๆ ในเรื่องเธอ shine bright สุดๆ เลยค่ะ เสน่ห์ล้นเหลือมากๆ และคุณ Kenneth เอง ที่ก็เล่นดีและอารมณ์มาเต็มสุดๆ ตัวละครของทั้งคู่ที่มีปมหลัง มีอารมณ์ความเป็นมนุษย์ จึงทำให้เป็นตัวเสน่ห์ของเรื่องที่ละลายตาไม่ได้เลย (จนแอบสงสัยเลยว่าตอนโนแลนเขียนพล็อตเรื่องนี้ ให้สองคนนี้เป็นเซ็นเตอร์ของเรื่องแล้วค่อยเขียนส่วนอื่นๆ หรือเปล่าเนี่ย)








    โดยรวมทั้งเรื่อง TENET ไม่มีเสน่ห์เลยค่ะ ตัวหนังขาดจุดนี้ไปมากๆ เพราะจืดมาก ดูจบแล้วไม่ได้มีความรู้สึกอยากดูอีกรอบ เพราะเราไม่มีอารมณ์ร่วมกับหนังเลยค่ะ (ถ้าดูรอบแรกเข้าใจแล้ว และไม่อยากซ้ำรอบสองเพื่อเก็บรายละเอียด) ถ้าหนังพล็อตไม่ล้ำ และโปรดักชั้นไม่ใหญ่ขนาดนี้ คงขาดจุดสนใจที่จะดึงดูดคนให้ไปดูจริงๆ นอกจากชื่อของผู้กำกับเอง



    Spoiler Alert!! สปอยล์ขั้นรุนแรง


    TENET พล็อตเรื่องคือมีการย้อนเวลาแบบเป็นการย้อนถอยหลัง (ในเรื่องมีศัพท์เทคนิคเฉพาะเรียกอยู่ค่ะ แต่จำไม่ได้) ภายในเรื่องมีโลกของเราอยู่ 2 โลก โลกนึงคืออดีต (ปัจจุบันในเรื่อง) กับโลกอนาคต (ที่ได้สร้างเครื่อง TENET ที่ทำให้ย้อนเวลาถอยหลังได้) โลกทั้งสองโลกนี้มีจุดเชื่อมต่อกันอย่างเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่อยู่ การกระทำที่เกิดไปแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้แบบหนังย้อนเวลาเรื่องอื่นๆ (ในเรื่องมีคำที่ตัวละครหลักพูดบ่อยๆ ว่า "สิ่งที่เกิดคือเกิดไปแล้ว") 

    เครืื่องทีี่คนโลกอดีีีีตเข้าไปในโลกย้อนกลััับหลััง


    และถ้าโลกฝั่งอดีต (โลกปัจจุบันในเรื่อง) กระทำการอะไรไว้ ในโลกอนาคตจะมีการบันทึกไว้ คล้าย Digital Footprint หรือใบเสร็จบันทึกการกระทำ ทำให้คนจากอนาคตรู้การเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด (แบบที่ฝั่งของ Kenneth Branagh รู้) ในเรื่องจึงมีคำพูดติดปากตัวหลักอย่าง John David Washington ที่พูดว่า "ความไม่รู้คือเกราะชั้นดี" (ไม่แน่ใจคำที่ชัดๆ ต้องไปดูอีกรอบค่ะ)


    ในโลกที่ย้อนกลับหลัง ทุกอย่างคือย้อนกลับหลังต่างจากโลกปกติจริงๆ ค่ะ ทุกอย่างถอยหลัง แม้แต่คนที่เห็นใน Trailer หนังที่เดินถอยหลัง อากาศหายใจที่สูดเข้าปอด ธาตุธรรมชาติอย่างไฟและน้ำที่กลับด้านสลับกัน ถ้าโดนไฟไหม้ จะเป็นน้ำแข็งที่ออกมาแทน (ในเรื่องในการอธิบายแบบนี้ไว้และมีฉากให้เห็น)

    เมืื่อไปยััััังโลกทีี่ย้อนกลััััับหลังต้องใส่ท่อช่วยหายใจ



    แรงจูงใจของการกระทำในเรื่องคือคล้ายๆกับหนังกู้โลกเรื่องอื่นๆ ค่ะ คือโลกอนาคตต้องการย้อนเวลามายังอดีตเพื่อทำลายโลกนี้ทิ้งซะ แต่ในเมื่อโลกอดีตที่เป็นปัจจุบันตอนนี้คือโลกบรรพบุรุษของคนในอนาคตใช่ไหม? ถ้าทำลายโลกอดีต คนในอนาคตก็จะหายไปใช่ไหมล่ะ? หลักการนี้ในเรื่องตัวละครได้พูดอธิบายไว้แบบนี้ค่ะ "ถ้าเราเป็นปู่ของคนในอนาคต คนในอนาคตจะอยากย้อนเวลามาทำลายโลกของปู่ทำไม? ไม่งั้นเขาก็จะไม่ได้เกิดมา" แต่คนในอนาคตมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่สูงกว่าปู่เขา เขาจะเตะปู่ ฆ่าให้ตายก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นอยู่ดี (ข้อนี้ยังจำไม่ได้ชัดเจน ต้องขอดูอีกรอบค่ะ)


    อย่างใน Trailer หนังมีบอกว่า จะทำการหยุดสงครามโลกครั้งที่ 3 (World War III)  ก่อนมันจะเกิดขึ้น ก็ไม่เกินจริงเลยค่ะ เพราะในเรื่องคือการทำสงครามกลายๆ ของฝั่งคนโลกอดีตกับฝั่งคนโลกอนาคตที่ต้องการช่วงชิงอุปกรณ์ไปสร้างระเบิดทำลายโลกอดีตทิ้ง เหตุผลเนื่องจากคนในโลกอดีตทำลายโลกนี้เองอย่างย่อบยับ ทำน้ำทะเลสูงขึ้น ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง เป็นโลกที่ใกล้ตายช้าๆ คนในโลกอนาคตจึงต้องการทำลายโลกอดีตทิ้งซะ จะได้ไม่ส่งผลกับโลกในอนาคต (ปฏิกิริยาลูกโซ่ ที่การกระทำหนึ่ง ส่งผลต่ออีกการกระทำหนึ่ง)


    แถมโปสเตอร์ของจีน หนังจะเข้าฉายเดือนหน้า



    Photos credit : Entertainment Weekly,
    aquamzan, cinemagal, quellfalconer, genre, barneswintersoldier (via Tumblr)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in