เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เพ้อเจ้อ | IMAGINATIONSongpol Wuttikaisriarkom
ต้นไม้ประหลาด
  • นักคิดคนหนึ่งเคยบอกว่า   ในอดีตเคยมีสังคมที่ยิ่งใหญ่   ไม่จำเป็นต้องใช้ล้อในการเดินทาง   แต่ไม่เคยมีสังคมไหนที่อยู่ได้โดย   ปราศจากนิทานและการเล่าเรื่อง

    -1 -

          นานมาแล้ว   ปรากฏหมู่บ้านชุมชนหนึ่งบนพื้นที่แห้งแล้งโนแมด   (No Man’s Land)   บนพื้นเป็นผลึกแก้วระเกะระกะกระจายรอบบริเวณส่องแสงระยิบระยับ   ยามเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบ   รอบบริเวณที่อยู่อาศัย   ล้อมรอบด้วยหุบเขาหัวโล้นห่างออกไปไม่ไกล   สีแดงอิฐของภูเขา   รวมถึงจุดกระพริบวับวาวปรากฏกับสายตายามมองทอดยาวออกไป  

          ซากไม้ใหญ่ที่ผุพัง   กลายเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน   ผิวหนังที่เกรอะกรังและหยาบกร้านถูกสร้างมาเพื่อรับมือกับสภาวะอากาศที่เลวร้าย   เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงมีเพียงกางเกงและผ้าคาดอกบอกเพศภาวะ   นอกจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่   ปราศจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น   ทั้งสัตว์   ต้นไม้ล้วนไม่ปรากฏพบ

          ทุกวัน   ชาวบ้านต้องเดินไปยังหุบเขา   เก็บกินดินเป็นอาหารเพื่อเอาชีวิตรอด   จากนั้นต่างคนต่างเริ่มสำรวจในส่วนที่ยังไปไม่ถึง   อาก้าชายผู้มีพละกำลังแข็งแรงที่สุดของหมู่บ้าน   พร้อมกับดอลลี่หญิงแก่แม่เฒ่าประจำหมู่บ้านออกเดินทางด้วยเท้า   เข้าไปยังหุบเขาทางทิศตะวันตก   ซึ่งยังไม่เคยมีชาวบ้านคนไหนเข้าไปสำรวจมาก่อน

          เมื่อเดินทางเข้ามา   พายุทรายพัดคละคลุ้งบดบังการมองเห็น   ไม่ห่างอออกไปปรากฏเงาลางขนาดใหญ่ด้านหลังเป็นเส้นยาวตั้งตรง   ด้านบนปลายแตกออกเป็นเส้นตรงอีกหลายเส้น   ชี้ออกไปไร้ทิศทาง   ทั้งอาก้าและดอลลี่หยุดชะงัก   ก่อนตัดสินใจเดินฝ่าพายุทราย   มุ่งหน้าไปยังเงานั้น

          ตรงหน้าคือ   ต้นไม้ประหลาด   เพียงต้นเดียว   หนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ถูกค้นพบตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขา  ดอลลี่เดินสำรวจรอบต้นไม้นั้น   สังเกตตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า   ลำต้นจรดปลายยอด   ปรากฏสีที่ซีดเสียวจากเขียวเข้มเป็นเหลืองอ่อนและขาวในที่สุด   เมื่อเอื้อมมือออกไปสัมผัสผิวขุรขระของต้นไม้   ปรากฏไอเย็นลอยสวนออกมา   พบว่า   อุณหภูมิร่างของต้นไม้ประหลาดเย็นเยือก   คล้ายกับร่างของคนตาย   ทั้งสองพยายามหาทางช่วยชีวิตเจ้าต้นไม้ประหลาดที่กำลังจะตาย   ไม่นานชาวบ้านทุกคนพากันมุ่งดูต้นไม้ประหลาด   บางคนเห็นมันก็ยกมือพนมขึ้นกราบไหว้   บางคนเห็นมันกลับเดินถอยหนีออกห่าง   บางคนเห็นมันก็ค่อย  ๆ   เดินเข้าไปใกล้   เพื่อสัมผัส

          หลังจากนั้นชาวบ้านช่วยกันระดมความคิด   เพื่อรักษาชีวิตของต้นไม้ประหลาด   บ้างก็ว่าตัดมันทิ้งซะ   เพื่อให้มันตายลงอย่างสงบ   ไม่ทรมาน   บ้างก็ว่าบวงสรวงพิธีกรรมขอฝน   เพื่อให้มันได้ชุ่มช่ำและกลับมีชีวิตเช่นเดิม   แต่กว่าฝนจะตกต้นไม้ประหลาดอาจตายแล้ว   บ้างก็ว่าอย่าไปยุ่งกับมันเลย   ปล่อยมันเป็นเช่นเดิมนั่นแหละ...สุดท้ายแล้ว ต้นไม้ประหลาดถูกตัดลง   นำมาทำเป็นแผ่นกระดาษหลายสิบร้อยแผ่น   และบันทึกวิธีการปลูกต้นไม้ต้นใหม่ไว้อย่างละเอียด   กลายเป็นผืนป่าดอกไม้จนปัจจุบัน

          เรามาร่วมกันเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมการอ่านด้วยตัวของเราเอง   เพราะคนเรามีตาสองข้าง   มีมือสองข้างที่สัมพันธ์กัน   มากกว่าปากที่มีเพียงหนึ่ง  ดังนั้นเราจึงมองอ่านเขียนได้เป็น   2   เท่าของเวลาที่เราพูดหรือเล่าเรื่อง

          กี่ต้นไม้ที่ถูกตัดลง   กี่แผ่นกระดาษที่ถูกทำขึ้น   กี่ตัวอักษรที่ถูกร้อยเรียง   ทั้งหมดถูกมัดรวมกันเป็นสิ่งเดียว   รอวันถูกค้นพบโดยนักเดินทางที่แสวงหามัน

                   

          ขอบคุณสำหรับการร่วมเดินทาง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in