เมื่อคุณพูดถึงคำว่า “คนแปลกหน้า” คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ หรือเกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะการที่คุณได้ไปพบกับใครคนใดคนหนึ่งโดยที่ไม่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อน นั่นคงเป็นความ “แปลก” ที่อยู่ทั้งในหัวของคุณและใบหน้าของคนนั้นๆ แต่ว่าคนแปลกหน้าในกรณีของผมพิเศษกว่าคนอื่น ตรงที่ผมตั้งใจจะไปหาเค้าคนนั้นด้วยตัวของผมเอง
เขาบอกผมว่าผมดวงตก-ดวงซวยมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ซึ่งทางเทคนิคแล้วมันก็จริง (ใครที่ไหนจะมีความสุขดีแล้วหอบหน้ายิ้มแป้นมาหาหมอดูกันล่ะ) แต่ในกรณีของผมมาด้วยความสงสัยล้วนๆ ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ยากลำบากใจแต่อย่างใด หลังจากนั้น ท่านหมอดูก็ร่ายยาวเรื่องของอนาคต เรื่องที่ยังมาไม่ถึงเกี่ยวกับตัวผมอย่างน้อย 3 ปีถัดไปข้างหน้า เช่น อายุ 26 ผมจะรวย หรืออายุ 31 ผมจะได้กลายเป็น
เจ้าคนนายคน
ซึ่งในทางเทคนิคอีกครั้ง กว่าจะผ่านไปจนถึงเวลานั้นได้ ผมคงลืมเรื่องราวในวันนี้ไปหมดแล้ว...
หากไม่เป็นเพราะแฟนผมหิวน้ำปั่น ผมคงไม่ได้เจอร้านหมอดูดวงที่ตั้งอยู่ในซอยข้างๆ หนึ่งในข้อสงสัย
ที่อยู่ในใจของผมมาตลอดคือ เขาทำงานยังไง? ปากต่อปากที่เล่าขานกันมาว่าแม่นจนขนลุกขนพอง สมุดตำราเก่าๆ และจานหมุนวัดรอบดวงดาวโหราศาสตร์นี่นะหรือ ที่จะบอกเล่าชีวิตของคนๆหนึ่งในอนาคตได้? ถ้ามันสามารถช่วยชีวิตของใครสักคนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ร้อนได้ ผมก็ยินดีที่จะเข้าใจ โดยรวมแล้วผมค่อนข้างพอใจในวิธีการประกอบอาชีพของเขา แต่ผมไม่ได้หยุดที่จะสงสัย ณ ตรงนั้น
คนแปลกหน้าท่านนี้ทำให้ผมตั้งคำถามกับโลกใบนี้ต่อ ว่าแรงขับเคลื่อนของคนเราคืออะไร
ถ้าหากเรารู้ว่าภายภาคหน้าเราจะต้องตาย เราควรจะหยุดหายใจตั้งแต่ตอนนี้เลยไหม หรือถ้าหากว่าเดือนหน้าเราจะรวยขึ้นมา เราควรจะลาออกจากที่ทำงานวันพรุ่งนี้เลยหรือเปล่า ไม่มีใครอยากจะลองพิสูจน์มัน แต่สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือแม้ว่าโลกนี้จะโหดร้ายกับคุณเพียงใด ชีวิตคุณก็ยังต้องก้าวต่อไปอย่างมีเหตุผล
ไม่มีคนแปลกหน้าใดๆที่จะมากำหนดเส้นทางชีวิตของคุณได้มีแต่คุณเท่านั้นที่เป็นคนเลือกเอง
โชคชะตาเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว หรือเป็นเพียงแค่คำอ้างอิงจากนิยายเกลื่อนๆตามตลาด
ถ้าหากเราเว้นที่ว่างเอาไว้ ณ ที่นี้ เพื่อเอาไปสร้างจินตนาการต่อ... ผมโอเคนะ
ปล.เขาบอกว่าผมจะมีลูก 3 คนและมีหนวดเคราทั้งหมด