เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ประสบการณ์ทำงานคนของคุณลุง
ชีวิตจริงมันมาล้าวววว !
  • ก็นะ เพิ่งเรียนจบ ! ช่วงนี้หน้าฟีดเฟสบุ้คก็จะเห็นแต่เพื่อนๆแชร์บทความแห่งความเคว้งคว้างของการจบใหม่ โดนถีบออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ได้เลื่อนตำแหน่งจากนิสิต เป็น คน ว่าง งาน !!! แต่ Nooooo ! เราจะไม่ยอมเดินเตะฝุ่นเด็ดขาด เป็นผลมาจากคนรอบตัวเริ่มหางาน กดดันสึดๆ อะ หามั้งก็ได้ว่ะ อิบร้าาาา 

    เริ่มต้นจาก ดูประกาศรับสมัครงานตามเพจ เว็บไซต์ต่างๆนาๆ ดูตำแหน่งนู้นนั่นนี่ และความเป็นไปได้ที่เราจะได้งานนั้น ขั้นต่อมา ก็เตรียมเอกสารให้พร้อม ในการเดินมั่นหน้ามั่นโหนกไปประกาศกร้าวในห้อง HR ของบริษัทต่างๆว่า สมัครงานนนนนจ้าาา  5555 (ช่วงนี้ยอมรับเลยว่ากดดันมาก เห็นเพื่อนมีงานล้ะแบบ เห้ยย ล้ะกูทำไรอยู่อะ ไปหางานได้ล้าววว)   จากนั้น ก็รวบรวมความกล้าไปสมัครงานและสัมภาษณ์งาน เราทำทั้งส่งเรซูเม่ทางอีเมลล์ ทั้งวอคอินเข้าไปเลย รวมๆก็เกือบๆสิบที่ได้ เราจำได้ว่าตอนสมัครฝึกงานโคตรกลัวการสัมภาษณ์ ต้องท่องบทไปเลยนะจะแนะนำตัวว่าอะไร 555 แต่พอมาจุดนี้ การสัมภาษณ์งานเป็นอะไรที่ชิวมากแล้ว ที่ยากสำหรับเราคือ การจะพูดอย่างไรให้เขาเข้าใจความเป็นเราในช่วงเวลาอันสั้นที่เรานั่งคุยกับคนสัมภาษณ์ ส่วนตัวเราว่ามันเป็นเรื่องของการถูกชะตากันด้วยนะ คือถ้าคนสัมภาษณ์เขาโอเคกับเรา เราก็ผ่าน เราสมัครและสัมภาษณ์เกือบสิบที่ ผลคือ ยังไม่ได้งาน .... เหตุผลหลักๆก็คือ ประสบการณ์เรายังน้อยไป แต่เราก็ไม่ท้อนะ คือเราดีที่มีคนรอบตัวมีแอตติจูดบวก พลังบวกช่วยเราได้เยอะมาก เราก็ไปสมัครต่อ สุดท้ายก็ได้งาน 2 ที่พร้อมกัน แต่เวลาเริ่มงานจะไล่กัน คือ บริษัทR เริ่ม เดือนมิถุนายน  บริษัทC เริ่มกรกฎาคม เราก็เลยตัดสินใจไปลองมไงานบริษัทR ก่อน ถ้าโอเคก็ทำยาว ถ้สไม่โอเคก็ยังมีบริษัทC อยู่ 

    งานบริษัทR เป็นงาน Guest service Agent งานโรงแรมอะแหละ เราจบโรงแรมมา หน้าที่ก็เป็นหน้าบ้าน รับแขกอินเอ้าท์แขก ตามที่คุณๆเดินเข้าไปในรร ล้ะมาเช็คอินกับเราอะ งานจะซับซ้อนระดับกลาง เพราะมันเป็นเรื่องของเงินด้วย งานตรงนี้เราว่ามันเป็นอะไรที่พัฒนาทักษะได้เยอะนะ มันต้องสวิฟสมองทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทำระบบ รับอารมณ์แขก ติดต่อประสานงานกับแผนกอื่น คือทำไปพร้อมกันเวลาเดียวกัน (จำลองเหตุการณ์คือ แขกยืนขู่ฟ่อๆอยู่ด้านหน้า  ตัวเราเองก็ต้องปั่นมือในระบบทำเช็คอินให้แขก อีกมือนึงกดโทรศัพท์คุยกับแม่บ้านเพื่อประสานงาน) เอออ คือทำทั้งหมดเลย ปวดหัวปวดตับทุกวัน มีเรื่องมหัศจรรย์ ให้พบเจอและยิ้มรับทุกๆวัน (ปัญหา)  ประจวบกับช่วงนั้นที่โรงแรมขาดคน พนงที่มีก็ต้องช่วยๆกันไป บางทีเราเข้า 7 โมง ออกเที่ยงคืน อีกวันก็มา 7 โมง แบบบบ มันเหนื่อยมากกก ล้าาา ทำแบบนี้อยู่ได้สองอาทิตย์ ไม่ไหว คือตานี่แดงจนไม่รู้จะแดงยังไง มันไม่ได้พักเลยยย  ก็ตัดสินใจลาออก แต่ก็ขอบคุณประสบการณ์ที่ได้ คือแค่สองอาทิตย์เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะมาก แต่เราว่าถ้าทำงานหนักขนาดนี้ ชีวิตมันไม่บาลานซ์อะ 

    ตอนนี้เราคิดว่า น่าจะทำงานแบบกลางๆ มีเวลาพัก มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาให้ตัวเอง ก็มาลองดูว่าถ้าทำแบบที่คิดชีวิตจะแฮปปี้ขึ้นมั้ย 5555 ตอนนี้ก็รอเริ่มงานที่บริษัท C ซึ่งเป็นโรงแรมริมแม่น้ำ เปิดมา10ปีแล้ว การเดินทางจะง่ายๆขึ้นเรือชิวๆ งานก็ไม่ได้หนักเท่าเดิม แต่ก็มาดูกันต่อไปว่าจะเป็นไง 55555 


    Monday,11 June 
    Aarada 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in