เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OVER THE WALLgiftmeme
First two months
  • พูดตามตรง ชีวิตของนายหัวฟักทองนี่โคตรน่าเบื่อเลย

    เขาดำเนินกิจวัตรประจำวันอันแสนราบเรียบจนผมนึกว่าไม่เขาก็ผมอาจติดอยู่ในลูปบางอย่าง ทุกเช้าเขาจะเดินงัวเงียไปเข้าห้องน้ำ เส้นผมสีส้มยุ่งเหยิงจากการนอนและมีไรหนวดขึ้นบางๆ รอบริมฝีปาก เขาใช้เวลาอยู่ในนั้นนานเสียจนผมนึกว่าเขาหลับไปอีกรอบ ก่อนจะออกมาด้วยใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาและทรงผมที่เรียบร้อยกว่าเดิมเล็กน้อย (เพราะมันจะเรียบแปล้อย่างดีตอนที่เขาสวมเสื้อเชิ้ตไร้รอยยับและกางเกงสแล็คสั่งตัดแล้วนั่นเอง) จากนั้นพิธีกรรมตอนเช้าของเขาจะประกอบด้วยการชงกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือนมลงไปสักนิดเดียว แล้วเทซีเรียลกับนมจืดลงไปในชาม บางครั้งก็อ่านหนังสือพิมพ์ หรือไม่ก็เลื่อนนิ้วบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปด้วย เมื่อถึงเวลาสิบนาทีก่อนแปดโมง เขาจะเทอาหารให้แมวส้ม เอ่ยชมว่าเธอเป็นเด็กดี ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน พอตกเย็นไม่เกินหนึ่งทุ่ม เขาจะกลับมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายใจ  โยนกุญแจลงในชามเล็กๆ ใกล้ประตู มือข้างหนึ่งมักถืออาหารสำเร็จรูปจากร้านอาหารจีนหรือไทยมาด้วย หรือถ้าวันไหนหนักหนาจริงๆ ก็อาจได้เห็นถุงร้านแม็คโดนัลด์ — ช่างน่าสงสารเหลือเกิน ชีวิตหนุ่มโสดสนิทแถมไม่มีสังคม หมอนั่นปิดท้ายวันด้วยการให้อาหารแมว นั่งกินข้าวคนเดียว เข้าไปอาบน้ำ ทำงานจนดึกดื่น แล้วก็เข้านอน ดูเผินๆ แล้วนายเบรนดอล ฮักซ์ลีย์ (ผมรู้ชื่อเขาจากบิลค่าโทรศัพท์ ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูหยิ่งยโสอย่างบอกไม่ถูก) ก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่งในเมืองนี้ เป็นประเภทที่ผมชอบหัวเราะเยาะตอนสมัยเรียนและดูถูกว่าพวกนี้ไม่มีจินตนาการนั่นแหละ แต่อย่างน้อย เขาก็ดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัย เรียบง่าย และรักสงบดี เชื่อเถอะว่าผมเจอแย่กว่านี้มาเยอะแล้ว

    แต่ก็มีบางวันที่เขาเป็นฝ่ายทำให้ผมประหลาดใจ อย่างเช่นตอนเปิดประตูผัวะเข้ามาขณะกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนหนึ่งไปด้วย นั่นทำให้ผมรู้สักทีว่าเขาไม่ใช่นักพรตหรือตายด้านไปแล้ว แม้จะโชคร้ายไปหน่อยที่แม่สาวคนนั้นไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งที่สองอีก หรือจะเป็นตอนที่เขาเปิดเจอหนังรอมคอมอังกฤษฉายในทีวีแล้วนั่งดูไปก็ปาดน้ำตาไปด้วยป้อยๆ  จริงๆ แล้วเขาก็ทำตัวสบายๆ ได้เหมือนกัน ผมตกใจไม่น้อยที่ตอนค่ำวันหนึ่งได้ยินเสียงร้องเพลงผิดคีย์ดังลั่นออกมากจากห้องน้ำ หรือเมื่อเดินออกมาเจอเขานอนกอดหมอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา น้ำลายยืดที่มุมปาก มีบางเช้าเหมือนกันที่นายหัวฟักทองตื่นสายจนตัวเองไม่มีเวลากินอะไร แถมยังมึนจนลืมให้อาหารมิลลี่อีก โชคดีที่ยังมีผีผู้อารีอย่างผมอยู่ในห้อง ผมเลยจัดการดูแลเจ้าแมวให้อิ่มหนำอย่างดีโดยที่นายนั่นแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ช่วงเดือนแรกคล้ายว่าเขาจะแอบสงสัยหน่อยๆ ว่าทำไมขนมแมวถึงร่อยหรอไปกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็หาข้อสรุปอะไรไม่ได้จนต้องปล่อยไป

    พูดถึงมิลลี่ — มิลลิเซนต์ผู้แสนดีของผม การได้เป็นมิตรกับเจ้าแมวถือว่าเป็นเรื่องยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งหลังจากต้องมาติดแหง็กที่นี่เลย เรื่องของเรื่องก็คือผมอยากเลี้ยงสัตว์มาตลอดชีวิต แต่ว่าดันแพ้ขนหมาขนแมวอย่างร้ายกาจ จะว่าไปก็ตลกร้ายดีชะมัดที่พอไม่มีชีวิตอยู่แล้วกลับสามารถเล่นกับเจ้าสัตว์ขนนุ่มได้อย่างไม่มีปัญหา ผมรู้ว่าเรานั้นจะเข้ากันได้เหมือนคู่หูตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าหล่อนเงยหน้ามาสบตาและร้องเหมียวเบาๆ ให้ผมเลยทีเดียว และเมื่อเวลาผ่านไป ผมถึงได้ตระหนักว่าเธอเป็นยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยง แต่เป็นเพื่อนคุยที่แสนประเสริฐอย่างไม่น่าเชื่อ ความจริงก็คือผมไม่ได้เปิดปากพูดคุยกับใครมานานเกินรับไหวแล้ว เด็กสองขวบเองก็ไม่ได้มีทักษะโต้ตอบที่ซับซ้อนอะไรนัก แถมยังทำให้ผมรู้สึกติ๊งต๊องแปลกๆ ตอนเล่นด้วย แต่มิลลี่นั้นเป็นคนละเรื่องเลย เพราะว่ามันเป็นความจริงที่ใครๆ เขาว่าแมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสัมผัสพิศวง เธอเข้าใจคำพูดของผม ส่วนผมก็เข้าใจเสียงร้องของเธอว่านั่นหมายถึง "ขอขนมหน่อยได้ไหม" หรือ "ช่วยเปลี่ยนน้ำในชามให้หน่อย มันสกปรกแล้ว" บางวันเธอยังแอบนินทาเจ้านายของตัวเองให้ผมฟัง อย่างเช่นว่าเขาชอบสีชมพูและพยายามซื้อของเล่นสีนี้ให้เธอประจำ แต่ว่าเธอเกลียดมันและเอาไปซ่อนหมดแล้ว หรือไม่ก็บ่นว่าอยากออกไปข้างนอกบ้าง แต่ข้อนี้ดูเหมือนผมจะช่วยเธอไม่ได้จริงๆ ดูเหมือนนายฟักทองจะไม่ใช่คนชอบอยู่นอกบ้านสักเท่าไรด้วย มิลลี่บอกว่าเธอไม่ใช่แมวโง่ที่จะออกไปเที่ยวแล้วจำทางกลับบ้านไม่ได้ ท่าทางของเธอดูยัวะจนผมต้องยอมเปิดหน้าต่างให้เธอแต่โดยดี เจ้าแมวส้มออกไปเที่ยวเล่นสองสามชั่วโมง ก่อนจะกลับมาด้วยอารมณ์พึงพอใจ หลังๆ ผมเลยแอบเปิดหน้าต่างให้ทุกครั้งที่เธอขอ โดยที่เจ้านายของเธอไม่รู้เรื่องอะไรสักนิด และแล้วผมกับเจ้าแมวก็กลายเป็นเพื่อนกันอย่างนั้น ผมว่าเธอชอบผมนะ ไม่ก็ชอบหน้าท้องของผมที่เธอชอบมานอนขดตัวกลมอยู่นั่นละ

    เพราะอย่างนั้น ผมเลยหันมาใช้เวลาในห้องนั่งเล่นของนายหัวฟักทองมากกว่าโลกของผมในกำแพงไปโดยปริยาย บางทีก็แอบสำรวจหนังสือของหมอนั่น ซึ่งมีแต่เรื่องเศรษฐศาสตร์และการเมืองที่ทำให้ผมเบ้หน้า เป็นถึงที่ปรึกษาบริษัทฮิปๆ ที่มีแต่คนรุ่นใหม่แท้ๆ  แต่เขากลับเหมือนคนอายุสี่สิบที่ไร้ญาติมิตรและอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนภูเขาไม่มีผิด ยังโชคดีที่ชั้นดีวีดีของเขาพอมีบรรดาหนังคลาสสิกที่ผมชอบอยู่บ้าง และอย่างน้อยเราก็เห็นตรงกันว่าออเดรย์ เฮปเบิร์นช่างน่ารักเหลือเกิน ผมจึงได้นอนทอดหุ่ยดูหนังกับมิลลี่อย่างสบายอารมณ์ จนลามไปถึงละครทีวีและอื่นๆ ด้วย เขาไม่มีพวกเกมหรือเครื่องเล่นสเตอริโอเลยสักอย่าง (ผมก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ แต่เพราะไม่มีเงินหรอกนะ) ผมจึงต้องพอใจกับความบันเทิงอย่างสมถะของเขาไป แม้จะแอบคิดอยากให้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นในชีวิตเขาบ้างก็ตาม

    ใครจะไปรู้ว่าความคาดหวังงั้นๆ ของผมจะกลายเป็นจริงแทบจะทันใจในวันเสาร์แรกของเดือนตุลาคม นายหัวฟักทองตื่นขึ้นมาทำงานตอนสายๆ ก่อนจะแวบออกไปข้างนอก ผมเดาว่าเขาคงไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารรสชาติพอรับได้แถวๆ นี้ แล้วก็คงกลับมากับกาแฟจากร้านแฟรนไชส์น่าเบื่ออีกตามเคย ผมฉวยเวลาช่วงสั้นๆ นี้ออกมาทักทายมิลลี่และหาไทมส์ฉบับใหม่อ่าน ไม่ลืมทำเสียงเหอะใส่บทความหรือหน้าตาคนคุ้นเคยในนั้นอย่างอดไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาเสียแล้ว โดยปกติ ผมไม่ชอบอยู่ร่วมห้องเดียวกับมนุษย์เป็นๆ เท่าไรนักและมักจะหายเข้าไปก่อนที่เขาจะกลับมาด้วยซ้ำ ถึงเขาจะมองไม่เห็นผมก็เถอะ ผมไม่ชินกับการถูกมองผ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย มันน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก และการมีอยู่ของผมก็ทำให้คนมีชีวิตอยู่บางคนรู้สึกขนลุกเพราะความรู้สึกที่พวกเขาอธิบายไม่ได้เหมือนกัน 

    ผมหันไปมองนายหัวฟักทองที่ถือแก้วสีแดงเข้ามา เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้มองทะลุผมไปหรือว่าจับจ้องที่เจ้าแมวข้างตัวผมเหมือนเคย เขามองผม — จ้องมองผมตาไม่กระพริบราวกับเล่นเกมกันอยู่ แต่เปลี่ยนสีหน้ามุ่งมั่นเป็นความงุนงงปนตกใจแทน สีหน้าของเขาคงสะท้อนอยู่บนหน้าผมเหมือนกัน เพราะไม่มีใครพูดอะไร ผมจึงยกมือขึ้นมาโบกไปมาข้างหน้าเพื่อทดสอบดู อารมณ์ตกใจของหมอนั่นกลายเป็นแววรังเกียจอย่างกับผมเป็นคนสติไม่เต็มเต็งอย่างนั้นแหละ แน่นอนว่าเขากล่าวหาผมทันทีว่าเป็นขโมยและโวยวายยกใหญ่ ถามคาดคั้นจนผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากต้องตัดสินใจเป็นคนซื่อสัตย์สักครั้งในชีวิต แต่พอพูดความจริงปุ๊บ นายหัวฟักทองก็ดันทำอะไรบ้าๆ อย่างสาดกาแฟในแก้วใส่ผมซะงั้น

    เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นของเหลวในแก้วทะลุผ่านตัวผมไปเฉยๆ  ส่วนผมได้แต่หันไปมองโซฟาสีวานิลาที่เปื้อนกาแฟสีน้ำตาลส้มที่กระเซ็นเป็นสาย เราทั้งคู่คงคิดเหมือนกันโดยไม่ต้องสงสัยหรือมีโทรจิตใดๆ 

    ซวยละ — 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
decemsine (@decemsine)
เหมือนจะมีความสุขแต่ดูเศร้ายังไม่ไม่รุ้
decemsine (@decemsine)
เหมือนจะมีความสุขแต่ดูเศร้ายังไม่ไม่รุ้
yongyeah (@yongyeah)
55555 ได้มาอ่านสิ่งที่อยู่ในมุมมองของคุณผีนี่สนุกดีนะคะ น้องแมวก็เก่งเหลือเกิน