เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SUMMER AT SALMON: มนุษย์(ใจ)ปลาซิวในฝูงปลาส้มfridaysummer
แบบทดสอบสมัครเรียนวิชาการฝึกว่ายทวนน้ำ
  • ลังกระดาษเก่า, กระแป๋งขึ้นสนิม
    วันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์

    แกร่ก แกร่ก
    แกร่กๆๆๆ
    แต๊ก

    เสียงแป้นพิมพ์ดังไม่เป็นจังหวะ เงียบหายบ้างเป็นบางครั้งเมื่อผู้ใช้งานสลับไปเลื่อน mouse pad ขึ้นลง ไถผ่านหน้าเว็บเพจไปเรื่อยๆ ระลึกเวลาที่แน่ชัดหรือรายละเอียดแวดล้อมอื่นไม่ได้เท่าไหร่ แต่ที่จำขึ้นใจคือความรู้สึกของมนุษย์ปลาซิวคนหนึ่งที่กำลังกังวลมากๆ กับสถานการณ์ชีวิตในช่วงนั้น

    มนุษย์ปลาซิวเป็นนักศึกษา เรียนอยู่ในคณะเกี่ยวกับภาษาที่มหาลัยแห่งหนึ่ง เทอมนี้ (หรือก็คือเทอมที่ผ่านมา ณ ขณะที่กำลังเขียน) ปลาซิวอยู่ปีสามเทอมสอง และการอยู่ปีสาม -- และเทอมสอง -- นั่นหมายถึงว่าฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ปลาซิวจะต้องออกฝึกงาน วิชาฝึกงานเป็นวิชาบังคับของเอกที่ทุกคนต้องลง และนั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความปวดหัวและหายนะที่ตามมาหลังจากนั้น

    เพราะการหาที่ฝึกงานท่ามกลางวิกฤติโควิด 19 (และรัดบานส้นตี*) แม่งเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าการปอกกล้วยเข้าปากจริงๆ

    ในทางอุดมคติ การหาที่ฝึกงานจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปิดเทอมหนึ่ง อาจารย์จะเริ่มเปรยๆ กับนักศึกษาที่เพิ่งฟื้นร่างจากไฟนอลไม่นานว่าเนี่ยๆ ยูควรมองหาสถานที่ที่จะไปฝากตัวและหัวใจช่วงปิดเทอมใหญ่ได้แล้วนะ พร้อมกับปาลิสต์รายชื่อสถานที่ฝึกงานที่พี่รุ่นก่อนๆ เคยไปฝึกมาให้ดูเป็นแซมเปิ้ล มันก็คงจะราบรื่นและไม่ยากเย็นอะไรหากว่าทุกอย่างมันปกติ การเรียนภาษามามันไปได้หลายสายอยู่แล้ว จะกระทรวง ทบวง กรม โรงเรียน โรงแรม สนามบิน สำนักพิมพ์ ห้องสมุด หรือแม้แต่คาเฟ่ ร้านอาหารก็ตาม

    แต่อย่างที่เกริ่นไป ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยมันรุนแรงเหลือเกิน ธุรกิจน้อยใหญ่พากันเก็บตัวเงียบและรัดเข็มขัดแน่น คนในก็ขยันเชิญออก คนนอกก็กันไม่ให้เข้าสุดฤทธิ์ พนักงานประจำยังโดนเลย์ออฟกันเป็นว่าเล่น แล้วเด็กฝึกงานโง่ๆ (อย่างฉัน) จะไปหวังอะไร

    บริษัทหลายที่ปฏิเสธไม่รับนักศึกษาฝึกงาน และนั่นเป็นสาเหตุปัจจัยที่หนึ่งของความเครียดในตอนนั้น เพราะการที่บริษัทเลือกเซย์โน นั่นหมายความว่าตัวเลือกในการหาที่ฝึกงานจะน้อยลง

    ปัจจัยที่สองเชื่อมโยงโดยตรงกับอุปนิสัยพื้นฐานและความสามารถ ปลาซิวเป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ทที่เกลียดการเข้าสังคมและไม่ชอบทำความรู้จักกับสิ่งใหม่ๆ ไม่ชอบการต้องสื่อสารกับใครเพราะพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และจะอึดอัดเมื่อต้องเจอกับสภาพแวดล้อมใดๆ ก็ตามที่แปลกหูแปลกตา บวกกับความรู้ที่ร่ำเรียนซึ่งส่วนใหญ่จะคืนอาจารย์หลังจบคาบทุกครั้งแล้ว ยิ่งทำให้การเฟ้นหาสถานที่มันตีวงแคบ (และยาก) ยิ่งกว่าเดิมอีก

    โอเค ต้องเป็นที่ที่ไม่เจอคนเยอะมาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางวิชาการจ๋า แต่ได้ใช้ภาษาที่เรียนมาให้น้อย-- แค่กๆ มากที่สุด

    ปัจจัยสุดท้ายเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ไอ้สองปัจจัยแรกแทบจะไร้ค่าไร้ความหมายไปเลย (เอ้า แล้วพูดมาตั้งเยอะ อะไรวะเนี่ย) ล้อเล่น คือมันเป็นความชอบและความเนิร์ดส่วนตัวที่เพิ่งค้นพบว่าตัวเองอินมากๆ เอาก็ตอนโต ที่ช่วยส่งเสริมให้การตัดสินใจมันมีน้ำหนักขึ้นมากจนกลายเป็น final decision

    ตอนเด็กๆ ปลาซิวเป็นคนชอบอ่านหนังสือ และพอโตขึ้น ก็เป็นคนที่ชอบเขียนหนังสือ

    ก็เลยคิดว่าชีวิตนี้อยากจะลองทำอะไรที่ได้เขียน หรือเกี่ยวกับหนังสือดู

    สุดท้าย หวยก็เลยมาออกที่ "สื่อสิ่งพิมพ์"

    หลังสรุปกับตัวเองได้แล้วว่าจะมุ่งหน้าไปเส้นทางสายไหม เอ๊ย สายไหน (ห้าบาทสิบบาทก็เล่นอ่ะเนาะคนเรา) ปลาซิวก็เจาะจงหาเฉพาะบริษัทเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์หนังสือ นิตยสาร บทความออนไลน์ หรือแม้แต่อะไรที่ห่างไกลแต่ก็ติ๊งต่างไปว่าเหมือนกันแหละม้างอย่างช่องพอดคาสต์ (ซึ่งก็ไม่เคยฟังด้วยนะ) ก็หว่านแหส่งอีเมลไปทั้งหมด ปลาซิวเริ่มหาที่ฝึกงานตั้งแต่ช่วงเดือนธันวา แต่ก็แป๋วทั้งหมดเลย คนอื่นไปลั้ลลากับคริสมาสต์และปีใหม่ ส่วนปลาซิวหนึ่งหน่วยนั่งเฉาทักเพจต่างๆ ไปอย่างสิ้นหวัง โควิดทำพิษ ไม่มีที่ไหนรับ อย่างมากก็บอกว่าให้ลองส่งเรซูเม่มาดู เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปและเงียบหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งให้ปลาซิวขี้กังวลเครียดจมดิ่งกับสถานการณ์ของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

    ไม่มีที่ฝึกงาน ไม่ฝึกงานก็ไม่จบ ไม่จบก็ต้องเรียนต่ออีกปี ไม่ก็ต้องไปฝึกงานพร้อมน้องๆ ปีหน้า

    ไอ้เหี้ย ชีวิตกู ซัฟเฟอร์ชิบหายเลย

    ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน (ตะดึง *อ่านด้วยเสียงอินโทรเข้า Netflix*)

    ก่อนฤดูฝึกงานจะเริ่มต้นประมาณสี่เดือน วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่จำได้แม่น (แม่นมาก ไปเปิดเพจดูก่อนมาเขียนเนี่ย กรั่ก) กลางดึกคืนนั้นปลาซิวใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนไปกับการหาที่ฝึกงานเหมือนเคย หลังผิดหวังกับการหาที่ฝึกงานครั้งที่ร้อยจนเกือบถอดใจว่าเฮ้ย งั้นฝึกที่ไหนก็ได้มะ ยื่นๆ ไป ไม่ต้องไปเรื่องมากอยากทำนู่นทำนี่แล้ว ปลาซิวไถหน้าเฟซบุ๊ก เว็บ JobThai LinkedIn สลับกับหน้าเรซูเม่ที่ออกแบบอย่างกากๆ ด้วยตัวเอง เข้าเพจนั้นออกเพจนี้ ดูว่าเผื่อจะมีอัพเดทอะไร ทุกอย่างเงียบสงบ ปลาซิวกดรีเฟรชหน้าเว็บอีกครั้งของวัน

    ทว่าวันนั้น ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น

    โพสต์จากเพจสำนักพิมพ์ที่เคยกดถูกใจไว้เมื่อปีมะโว้เด้งขึ้นมาในฟีด ข้อความยาวๆ ไม่โดดเด่นเท่าภาพกราฟิกเขียวๆ ที่มีตัวอักษรภาษาปะกิดตัวโตๆ แปะไว้ว่า "We're looking for interns"

    โพสต์นั้นเป็นโพสต์จากสำนักพิมพ์ปลาส้ม สำนักพิมพ์หนังสือที่ปลาซิวเคยอ่านสามเล่มถ้วนทั้งชีวิต

    กรี๊ด ปลาส้มรับนักศึกษาฝึกงาน! ปลาส้มรับนักศึกษาฝึกงาน!!!

    (กระโดดโลดเต้นดีใจจนกระแป๋งสั่น)

    เฮ้ย เธอมาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ พรหมลิขิตบันดาลชักพาให้มาพบกันทันใดมากๆ ตอนนั้นคือโคตรมีความสุข ถึงจะยังไม่อ่านแม้แต่ดีเทลการสมัครก็เหอะนะ แต่คืออย่างน้อยก็มี choice ให้ลุ้นเพิ่มละหนึ่งไง หลังให้เวลาตัวเองดี๊ด๊าช่วงสั้นๆ ปลาซิวหายซึมและคลิกอ่านอย่างไม่รีรอ โจทย์ไม่มีอะไรมาก ก็แค่เขียนเล่าเหตุผลที่อยากฝึกแล้วก็แนบเรซูเม่ไปด้วย โอเค นัมเบอร์วัน ปลาซิวกด copy email เก็บไว้แล้วก็ไปนั่งเขียนอีเมลในคืนนั้นเลย

    แต่ว่ามันเขียนไม่ออก แหะๆ ไอ้โจทย์ที่บอกว่าไม่มีอะไร แม่ง เสือกเป็นสิ่งที่ยากเฉ๊ย

    ทำไมถึงอยากฝึกงานกับสำนักพิมพ์ คำถามส่วนแรกเนี่ยตอบไม่ยาก แต่คำขยายว่า "กับสำนักพิมพ์" เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด จอมโจรคิด (เลิกเล่นเหอะ แป้กมากเอาจริง) ถึงสามวันเต็มๆ สำหรับปลาซิวแล้ว สารภาพตามตรงว่าปลาส้มเป็นเหมือนสำนักพิมพ์ที่อาศัยในคนละจักรวาลแบบที่ชะตาชีวิตเราแทบจะไม่มีทางซ้อนทับกันเลย หนังสือของปลาส้มผ่านตาบ่อย เวลาไปเดินงานหนังสือก็โฉบไปมาผ่านบูธหลายครั้ง แต่ปลาซิวไม่เคยเอาตัวเองไปข้องเกี่ยวตรงๆ อย่างการจะสมัครเป็นมิตรรักแฟนหนังสือเล่มไหนของสำนักพิมพ์ ถ้าลองเทียบกับความสัมพันธ์ ก็เหมือนคุณครูประจำชั้นห้องข้างๆ ที่โรงเรียนสมัยมัธยม ไม่ก็คนขายลูกชิ้นฝั่งตรงข้ามร้านน้ำที่เราอุดหนุนประจำมั้ง

    คือจะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกล บอกไม่ถูกเหมือนกัน

    ก่อนส่งใบสมัคร ปลาซิวเลยตัดสินใจหาอ่านบทความเก่าๆ ที่บอกเล่าความเป็นปลาส้มตามกูเกิ้ล ศึกษาไปเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วสำนักพิมพ์มันเป็นแบบไหนกันแน่นะ ซึ่งคำตอบก็มีประโยชน์แต่ก็ไม่มากพอให้กระจ่างแจ่มแจ้ง ยังคงสงสัยว่าสุดท้ายแล้วควรจะเขียนคำตอบแบบไหนให้เค้าอ่านแล้วน่าจะเห็นใจนักศึกษาตาดำๆ คนนี้ดี

    "ถ้าคิดไม่ออก ก็เขียนความจริงไปดิ

    ปลาส้มในความคิดของแกเป็นแบบไหน เขียนไปเลย"

    จู่ๆ ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมา

    วันที่ 12 กุมภา ปลาซิวเลยเขียนส่งแบบทดสอบสมัครวิชาว่ายทวนน้ำไปด้วยแนวคำตอบประมาณนั้น

    เป็นความจริงที่บอกเล่าความจริงและความเห็นส่วนตัวประมาณหนึ่ง ปรุงแต่งไม่เยอะและไม่ลืมใส่ความเป็นตัวเองลงไป

    เพราะสำหรับปลาซิว ปลาส้มน่าจะเป็นสถานที่แบบนั้น แบบที่แม้จะแตกต่าง แต่ก็เป็นตัวเองอย่างสบายใจได้

    คำตอบสามข้อสั้นๆ ปิดท้ายด้วยการทิ้งเบอร์โทรและอีเมลสำหรับการติดต่อกลับ ไม่ลืมขอบคุณตามฉบับหญิงไทยใจงาม พร้อมแนบไฟล์เรซูเม่และพอร์ตไปด้วย เกือบห้าทุ่มแล้ว แต่ยังไม่กล้ากดส่ง ความลังเลเฮือกสุดท้ายรั้งให้มือไม่ขยับเข้าใกล้ปุ่ม send ซะที ปลาซิวเข้าไปแก้ไฟล์เรซูเม่รอบสุดท้าย ขยับตัวอักษรให้มันตรงกันกว่าเดิมนิดหน่อยและถอนหายใจใส่พื้นที่ว่างบนหน้ากระดาษหนึ่งที เออ ส่งเถอะ ส่งไป ไม่ต้องกลัว ปลอบใจตัวเองเสร็จก็กลับไปหน้าเดิมบนเมล ตรวจสอบความเรียบร้อยให้แน่ใจอีกครั้ง และเหลือบมองนาฬิกา

    23.23

    โอเค

    *Message sent*


















เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in